• +662 441 5000
  • This email address is being protected from spambots. You need JavaScript enabled to view it.

ข่าวสิ่งแวดล้อม

สำนักข่าว กรมประชาสัมพันธ์  28 มกราคม 2566

ภาครัฐ เพิ่มความเข้มงวดและจุดตรวจจับรถยนต์ควันดำในพื้นที่กรุงเทพมหานครและปริมณฑลมากขึ้น เพื่อลดการเกิดฝุ่นละออง PM 2.5 ในเขตเมืองลง

นายปิ่นสักก์ สุรัสวดี อธิบดีกรมควบคุมมลพิษ (คพ.) กล่าวว่า จากสถานการณ์ฝุ่นละออง PM 2.5 ที่ตรวจวัดต่อเนื่องในพื้นที่กรุงเทพมหานคร ปริมณฑล และเมืองหลัก พบมีค่าสูงขึ้น ซึ่งยานยนต์เป็นแหล่งกำเนิดสำคัญของฝุ่น PM 2.5 โดยเฉพาะรถยนต์ดีเซล ตามแผนเฉพาะกิจเพื่อการแก้ไขปัญหามลพิษด้านฝุ่นละอองปี 2566 ให้ความสำคัญกับมาตรการตรวจรถควันดำ จึงได้เพิ่มจุดตรวจและความเข้มงวดการตรวจสอบตรวจจับระงับการใช้รถควันดำจนกว่าจะนำไปปรับปรุงแก้ไข เพื่อป้องปรามไม่ให้มีรถควันดำเข้ามาในเขตเมือง ภาพรวมตั้งแต่เดือนตุลาคม 2565 - 27 มกราคม 2566 คพ. ร่วมกับ กรมการขนส่งทางบก , กองบังคับการตำรวจจราจร (บก.จร.) และกรุงเทพมหานคร ตรวจควันดำรถทุกประเภท ทั้งรถบรรทุก รถรับจ้างประจำทาง รถรับจ้างไม่ประจำทาง ในพื้นที่ กทม.และปริมณฑลรวม 39,909 คัน พบเกินค่ามาตรฐานและพ่นห้ามใช้ 178 คัน โดยแยกเป็นรถบรรทุก 30,794 คัน พ่นห้ามใช้ 135 คัน รถโดยสารประจำทาง 7,528 คัน พ่นห้ามใช้ 38 คัน และรถโดยสารไม่ประจำทาง 1,587 คัน พ่นห้ามใช้ 5 คัน ขณะที่ผลการตรวจทั่วประเทศตรวจแล้ว 81,759 คัน พบควันดำร้อยละ 30 ขึ้นไป พ่นห้ามใช้ค่า 597 คัน

อธิบดีกรมควบคุมมลพิษ (คพ.) กล่าวย้ำว่า ภาครัฐ จะเพิ่มความเข้มงวดเรื่องการตรวจจับควันดำ “ตรวจจับ ปรับจริง–ห้ามใช้รถควันดำ” บังคับใช้บทลงโทษสูงสุด ในพื้นที่ กทม. และปริมณฑล ตั้งจุดตรวจสอบตรวจจับรถควันดำทุกประเภท ครอบคลุมถนนสายหลักสายรอง ทั้งขาเข้า-ออก 20 จุดต่อวัน แล้วจากสถานการณ์ฝุ่นละอองที่สูงขึ้นต้องขอความร่วมมือเจ้าของยานพาหนะในการบำรุงรักษาเครื่องยนต์ เพื่อลดมลพิษทางอากาศและสุขภาพอนามัยของทุกคน


สำนักข่าว กรมประชาสัมพันธ์  27 มกราคม 2566

รายงานพิเศษ : “คุมเข้มมาตรการลดฝุ่นละออง PM 2.5 ในเขตเมืองช่วงปลายเดือนมกราคมถึงปลายกุมภาพันธ์นี้

หน่วยงานภาครัฐคุมเข้มมาตรการรับมือช่วงฝุ่นละออง PM 2.5 มีโอกาสรุนแรงขึ้นในกรุงเทพมหานครและปริมณฑล หลังพบมีความแห้งแล้งมากจนทำให้ฝุ่นมีแนวโน้มสูงขึ้นกระทบสุขภาพของประชาชน

ช่วงปลายเดือนมกราคมถึงปลายกุมภาพันธ์นี้ ในพื้นที่กรุงเทพมหานครและปริมณฑลจะเกิดปัญหาฝุ่นละออง PM 2.5 สะสมและหนาแน่นเป็นพิเศษ จากสภาพอากาศปิดในรูปแบบฝาชีครอบและลมสงบ เพราะประเทศไทยยังอยู่ในช่วงของฤดูหนาว จึงเกิดการสะสมตัวของฝุ่นได้ง่ายกว่าช่วงฤดูกาลอื่นๆ แต่ปีนี้ถือว่าโชคดีที่ไทยเจอปัญหาฝุ่นรุนแรงเป็นบางช่วงเวลาไม่ได้เกิดติดต่อกันหลายวันเหมือนกับปีที่ผ่านมา ซึ่งในเขตเมืองส่วนใหญ่ฝุ่นละอองจะเกิดจากยานพาหนะเป็นหลัก โดยเฉพาะรถยนต์ที่ใช้เครื่องยนต์ดีเซลที่มีการเผาไหม้ไม่สมบูรณ์ โรงงานอุตสาหกรรม และการเผาในที่โล่ง จำต้องจำกัดจำนวนและลดการระบายมลพิษจากแหล่งกำเนิดลงให้ได้ เพื่อลดผลกระทบต่อสุขภาพประชาชนลง

กรมอุตุนิยมวิทยา ได้คาดการณ์ปีนี้มีความแห้งแล้งมากกว่าปีที่ผ่านมา จึงเป็นปัจจัยเสริมทำให้ฝุ่น PM 2.5 อาจจะรุนแรงขึ้น ทำให้กรมควบคุมมลพิษ (คพ.) ร่วมกับ กรุงเทพมหานคร และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ออกมาตรการที่เหมาะสมกับสถานการณ์และช่วงเวลาการเกิดฝุ่นรุนแรงขึ้น เช่น หันมาใช้รถโดยสารสาธารณะแทนรถยนต์ส่วนบุคคล เพื่อลดความแออัดของระบบจราจร // ตรวจควันดำจากรถบรรทุกในพื้นที่ไซด์งานก่อสร้างอย่างเข้มข้น // ขอความสมัครใจจากภาคเอกชน Work From Home // ขอให้ประชาชนงดออกกำลังกายกลางแจ้ง // ให้โรงเรียนขอให้ปิดหน้าต่างและงดทำกิจกรรมนักเรียนนอกอาคาร นายปิ่นสักก์ สุรัสวดี อธิบดีกรมควบคุมมลพิษ (คพ.) ในฐานะประธานศูนย์แก้ไขปัญหามลพิษทางอากาศ (ศกพ.) เล่าว่า แม้สถานการณ์ฝุ่นประเทศไทยช่วง 2 – 3 ปีที่ผ่านมาจะดีขึ้นมากจากมาตรการต่างๆ แต่โอกาสที่ค่าฝุ่นจะเกินมาตรฐานในระดับสูงยังเกิดขึ้นได้ ทั้งจากปัจจัยอุตุนิยมวิทยาที่ควบคุมไม่ได้และปัจจัยที่ควบคุมได้ที่เกิดจากกิจกรรมของมนุษย์

สำหรับมาตรการลดฝุ่นปีนี้ภาครัฐเน้นลดการระบายฝุ่นละอองในแต่ละพื้นที่ อย่างในเขตเมือง ลดมลพิษแหล่งกำเนิดจากการจราจรและโรงงานอุตสาหกรรมเป็นสำคัญ โดยการจราจร ขอความร่วมมือให้บำรุงรักษาเครื่องยนต์ทั้งส่วนของภาครัฐและภาคเอกชน เพิ่มความเข้มงวดตรวจวัดควันดำและขยายพื้นที่ตรวจวัดควันดำเพื่อควบคุมตั้งแต่ต้นทาง ส่วนโรงงานอุตสาหกรรม จะตรวจกำกับโรงงานอุตสาหกรรมที่มีแนวโน้มการปล่อยมลพิษสูงร้อยละ 100 ตลอดปี และกิจกรรมที่ก่อให้เกิดการฟุ้งกระจายของฝุ่น เช่น โรงงานที่ใช้หม้อน้ำ โรงงานที่ใช้ถ่านหิน โรงงานหลอมเหล็ก โรงงานผลิตคอนกรีตผสมเสร็จ รวมทั้ง ควบคุมสถานประกอบการ เช่น กิจการผสมซีเมนต์ กิจการหลอมโลหะ อู่พ่นสีรถยนต์ กิจกรรมผลิตธูป


สำนักข่าว กรมประชาสัมพันธ์  26 มกราคม 2566

ค่าฝุ่น PM 2.5 กรุงเทพมหานครและปริมณฑล เกินมาตรฐานในระดับสีส้มเริ่มมีผลกระทบต่อสุขภาพ 22 พื้นที่ เนื่องจากสภาพอากาศปิดและลมสงบ โดยต้องเฝ้าระวังพิเศษวันที่ 27 – 28 มกราคม และ 1 – 2 กุมภาพันธ์

นายปิ่นสักก์ สุรัสวดี อธิบดีกรมควบคุมมลพิษ (คพ.) ในฐานะประธานศูนย์แก้ไขปัญหามลพิษทางอากาศ (ศกพ.) กล่าวว่า วันนี้ (26 ม.ค.66) ค่าฝุ่นละอองขนาดไม่เกิน 2.5 ไมครอน (PM 2.5) ในพื้นที่กรุงเทพมหานครและปริมณฑลคุณภาพอากาศดีถึงเริ่มมีผลกระทบต่อสุขภาพ โดยค่าฝุ่นยังคงปรับตัวสูงอยู่ในระดับสีส้มเริ่มมีผลกระทบต่อสุขภาพ 22 พื้นที่ เช่น ริมถนนพญาไท เขตราชเทวี , ริมถนนพระรามที่ 4 หน้าสามย่านมิตรทาวน์ เขตปทุมวัน , ริมถนนพระราม 3 เขตยานนาวา , เขตดอนเมือง , ริมถนนลาดกระบัง เขตลาดกระบัง , ริมถนนพหลโยธิน เขตบางเขน เนื่องจากอากาศปิดและลมสงบ ส่งผลให้ฝุ่นสะสมตัวขึ้น ทั้งนี้ ศูนย์แบบจำลองคุณภาพอากาศและภูมิศาสตร์สารสนเทศ กรมควบคุมมลพิษ (คพ.) ได้คาดการณ์สถานการณ์ฝุ่นละออง PM 2.5 จำเป็นต้องเฝ้าระวังเป็นพิเศษวันที่ 27 – 28 มกราคม และ 1 – 2 กุมภาพันธ์ เนื่องจากสภาพอากาศที่นิ่งและปิด บริเวณพื้นที่กรุงเทพกลาง กรุงธนเหนือ และกรุงธนใต้ (พื้นที่ท้ายลม) จึงขอความร่วมมือประชาชนบำรุงดูแลรักษารถยนต์อย่างสม่ำเสมอ จอดรถให้ดับเครื่อง ลดการเผาในที่โล่ง และขอให้ประชาชนเฝ้าระวังสถานการณ์ หากอยู่บริเวณพื้นที่มีปริมาณฝุ่น PM 2.5 สูงเกินเกณฑ์มาตรฐาน หรือ พื้นที่สีส้ม ให้หลีกเสี่ยงกิจกรรมกลางแจ้ง สวมใส่หน้ากากอนามัย หรือใช้อุปกรณ์ป้องกันตนเอง หากมีอาการทางสุขภาพควรปรึกษาแพทย์

ทั้งนี้ สามารถติดตามสถานการณ์คุณภาพอากาศได้ทั้งแบบค่าเฉลี่ยรายชั่วโมงและแบบค่าเฉลี่ย 24 ชั่วโมง ผ่านทางเว็บไซด์ Air4Thai.com และ bangkokairquality.com หรือทางแอปพลิเคชั่น Air4Thai และ AirBKK แล้วยังติดตามข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับสถานการณ์คุณภาพอากาศผ่านทาง Facebook Fanpage ศูนย์แก้ไขปัญหามลพิษทางอากาศ (ศกพ.)


สำนักข่าว กรมประชาสัมพันธ์  25 มกราคม 2566

ศูนย์ข้อมูลคุณภาพอากาศกรุงเทพมหานคร เผยแพร่ข้อมูลผลการตรวจวัดค่าฝุ่น PM2.5 เมื่อเวลา 07.00 น. ที่ผ่านมา ตรวจวัดค่าฝุ่นละออง PM2.5 ได้ 21-48 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร ค่าเฉลี่ยปริมาณฝุ่นของกรุงเทพมหานครอยู่ที่ 36.3 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร อยู่ในเกณฑ์มาตรฐานไม่เกิน 50 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร ทุกพื้นที่ที่มีการตรวจวัด ภาพรวมปริมาณฝุ่นมีแนวโน้มลดลง เมื่อเทียบกับเมื่อวานนี้ในช่วงเวลาเดียวกัน

ทั้งนี้ ตั้งแต่วันนี้ - 28 มกราคม 2566 จะมีสภาวะอากาศปิดอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้เกิดการสะสมของฝุ่นละออง PM2.5 ทรงตัว และช่วงวันที่ 27-28 มกราคม จะมีสภาพอากาศที่นิ่งและปิด ขอให้ประชาชนในพื้นที่กรุงเทพกลาง กรุงธนเหนือ และกรุงธนใต้ รวมถึงปริมณฑล ควรเฝ้าระวังและติดตามสถานการณ์ของฝุ่นละออง โดยสามารถติดตามข่าวสารได้ทางแอปพลิเคชัน AirBKK เว็บไซต์ airbkk.com และ pr-bangkok.com รวมถึงทาง Facebook สำนักสิ่งแวดล้อมกรุงเทพมหานคร กองจัดการคุณภาพอากาศและเสียง สำนักสิ่งแวดล้อม กรุงเทพมหานคร หากพบเห็นแหล่งกำเนิดมลพิษสามารถแจ้งเบาะแส ผ่านทาง Traffy Fondue


สำนักข่าว กรมประชาสัมพันธ์  24 มกราคม 2566

นายทวีศักดิ์ ธนเดโชพล รองอธิบดีกรมชลประทาน เปิดเผยว่า ปัจจุบันอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่และขนาดกลางทั่วประเทศ มีปริมาณน้ำรวมกัน 59,053 ล้านลูกบาศก์เมตร คิดเป็นร้อยละ 77 ของความจุอ่าง เป็นน้ำใช้การได้ 35,111 ล้านลูกบาศก์เมตร ภาพรวมปริมาณน้ำต้นทุนอยู่ในเกณฑ์ดี จนถึงขณะนี้มีการจัดสรรน้ำในช่วงแล้งปีนี้ทั้งประเทศไปแล้ว 10,092 ล้านลูกบาศก์เมตร ฃ

จากกรมอุตุนิยมวิทยาคาดการณ์ว่า มรสุมตะวันออกเฉียงเหนือที่พัดปกคลุมอ่าวไทย ภาคใต้และทะเลอันดามันมีกำลังแรง ส่งผลให้ในช่วงระหว่างวันที่ 27-29 ม.ค. นี้ ภาคใต้ตอนล่างจะมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง รวมทั้งเฝ้าระวังสถานการณ์น้ำล้นตลิ่งบริเวณอำเภอระแงะ จังหวัดนราธิวาส จึงได้กำชับไปยังโครงการชลประทานในพื้นที่ ให้เฝ้าระวังและติดตามสภาพอากาศจากทางหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอย่างใกล้ชิด พร้อมยังได้กำชับในส่วนของการรักษาระดับน้ำใต้ดินในบริเวณพลุ รวมทั้งการพร่องน้ำและระบายน้ำเพื่อรักษาสมดุลและเป็นการป้องกันการเกิดอัคคีภัยในพื้นที่อีกด้วย พร้อมติดตามตรวจสอบปริมาณน้ำจากสถานีอุทกวิทยาอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้สามารถแจ้งเตือนประชาชนได้ทัน


สำนักข่าว กรมประชาสัมพันธ์  23 มกราคม 2566

วันนี้ (23 ม.ค.66) นายยศฐ์วพงศ์ วัชรมโนภาส นักวิชาการสิ่งแวดล้อมชำนาญการ พร้อมเจ้าหน้าที่ ร่วมกับสำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัดนครราชสีมา ปลัดอำเภอเฉลิมพระเกียรติ องค์การบริหารส่วนตำบลช้างทอง ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 6 ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 8 ตัวแทนเจ้าหน้าที่ฟาร์มไก่ เข้าร่วมประชุมและลงพื้นที่ตรวจสอบแก้ไขเหตุร้องเรียนปัญหาน้ำผุดในพื้นที่การเกษตรทำให้พืชผลการเกษตรเสียหาย ตำบลช้างทอง อำเภอเฉลิมพระเกียรติ จังหวัดนครราชสีมา มีข้อสรุปดังนี้

1. จากการประชุมสรุปข้อมูลเบื้องต้นทราบว่าพื้นที่ทำการเกษตรเป็นพื้นที่ปลูกมันสำปะหลัง และปลูกอ้อย เมื่อช่วงเดือนตุลาคม 2565 ถึงปัจจุบัน ยังมีน้ำซึมใต้ผิวดิน ส่งผลให้การปลูกมันสำปะหลังมีความเสียหายไม่ได้ผลผลิต และไม่สามารถเข้าไปในพื้นที่เพื่อตัดอ้อยได้ โดยพื้นที่การเกษตรที่ได้รับผลกระทบ มีฟาร์มเลี้ยงไก่ไข่อยู่ในบริเวณใกล้เคียง ซึ่งมีบ่อพักเก็บน้ำทิ้งและเมื่อช่วงปีที่ผ่านมาได้มีฝนตกอย่างต่อเนื่องทำให้ระดับน้ำในบ่อสูงขึ้นจากเดิมประมาณ 50 เปอร์เซนต์

2. ตรวจสอบบริเวณพื้นที่การเกษตรที่ได้รับผล กระทบพบว่ามีสภาพพื้นดินโดยรอบมีความชื้นแชะ และมีน้ำผุดจากใต้พื้นดินอย่างต่อเนื่อง โดยมีโดยมีระยะห่างจากบ่อพักน้ำทิ้งฟาร์มเลี้ยงไก่ไข่ที่ใกล้ที่สุดประมาณ 160 เมตร ได้ตรวจวัดคุณภาพน้ำเบื้องต้นด้วยเครื่องวัดภาคสนามพบว่า มีค่า TDS เท่ากับ 255 มก./ล

3. ตรวจสอบบริเวณบ่อพักน้ำทิ้งของฟาร์มเลี้ยงไก่ไข่พบว่ามีระดับน้ำสูงกว่าระดับพื้นที่การเกษตร ขณะตรวจสอบไม่พบการระบายน้ำทิ้งออกนอกบริเวณสถานประกอบการ มีปริมาตรน้ำทิ้งในบ่อประมาณ 40,000 ลูกบาศก์เมตร ได้ตรวจวัดคุณภาพน้ำเบื้องต้นด้วยเครื่องวัดภาคสนามพบว่า มีค่า TDS เท่ากับ 7,650 มก./ล

4.สำนักงานสิ่งแวดล้อมและควบคุมมลพิษที่ 11 (นครราชสีมา) จะส่งรายงานการตรวจคุณน้ำเบื้องต้นให้อำเภอเฉลิมพระเกียรติเพื่อเป็นข้อมูลประกอบการหาสาเหตุถึงผลกระทบดังกล่าว

ทั้งนี้คณะผู้ตรวจสอบได้มีข้อเสนอแนะหาขอพิสูจน์ โดยขุดดินตามแนวขวางกับทิศทางการไหลบริเวณระหว่างที่การเกษตรกับแนวบ่อพักน้ำทิ้งฟาร์มเลี้ยงไก่ไข่ เพื่อให้ได้ข้อยุติ และช่วยเหลือ หรือเยียวยาเกษตรกรที่ได้รับผลกระทบดังกล่าวต่อไป


สำนักข่าว กรมประชาสัมพันธ์  22 มกราคม 2566

กองอำนวยการน้ำแห่งชาติ (กอนช.) เฝ้าระวังฝนฟ้าคะนองในภาคใต้ พร้อมระวังระดับน้ำทะเลหนุนสูงในพื้นที่ 8 จังหวัดลุ่มต่ำริมปากแม่น้ำถึงวันที่ 26 มกราคมนี้

นายสุรสีห์ กิตติมณฑล เลขาธิการสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) ในฐานะรองผู้อำนวยการกองอำนวยการน้ำแห่งชาติ (กอนช.) กล่าวถึงสถานการณ์น้ำภาพรวมของประเทศวันนี้ (22 ม.ค.66) ว่า ภาคใต้มีฝนฟ้าคะนองบางแห่ง ช่วง 24 ชั่วโมงที่ผ่านมามีฝนตกปานกลางถึงหนักมากบริเวณ จ.นราธิวาส , ยะลา และสงขลา พร้อมทั้งเฝ้าระวังระดับน้ำทะเลหนุนสูงในพื้นที่ลุ่มต่ำริมปากแม่น้ำถึงวันที่ 26 มกราคม โดยระดับน้ำทะเลหนุนจะขึ้นสูงสุดวันที่ 23–24 มกราคม จะส่งผลให้ระดับน้ำในแม่น้ำเพิ่มสูงขึ้น อาจก่อให้เกิดผลกระทบต่อพื้นที่ลุ่มต่ำริมชายฝั่งทะเลอ่าวไทย และปัญหาน้ำเค็มรุกล้ำบริเวณปากแม่น้ำในพื้นที่ จ.นนทบุรี สมุทรปราการ กรุงเทพมหานคร สุราษฎร์ธานี สงขลา นครศรีธรรมราช ปัตตานี และนราธิวาส


สำนักข่าว กรมประชาสัมพันธ์  21 มกราคม 2566

กรมทรัพยากรธรณี ขอให้อาสาสมัครเครือข่ายเฝ้าระวังดินถล่มและน้ำป่าไหลหลากถึงวันที่ 23 มกราคมนี้ในพื้นที่ 8 จังหวัด หลังเกิดฝนตกหนักต่อเนื่อง

ศูนย์ปฏิบัติการธรณีพิบัติภัย กรมทรัพยากรธรณี ได้ออกประกาศขอให้อาสาสมัครเครือข่ายกรมทรัพยากรธรณีและประชาชนทั่วไปเฝ้าระวังภัยดินถล่มและน้ำป่าไหลหลากถึงวันที่ 23 มกราคมในพื้นที่จังหวัด

นครศรีธรรมราช พัทลุง ตรัง สตูล สงขลา ปัตตานี ยะลา และนราธิวาส โดยเฉพาะในพื้นที่เสี่ยงภัยดินถล่มบริเวณอำเภอศรีนครินทร์ ศรีบรรพต กงหรา ตะโหมด จังหวัดพัทลุง // อำเภอหาดใหญ่ สะบ้าย้อย สะเดา รัตภูมิ เทพา จะนะ จังหวัดสงขลา // อำเภอโคกโพธิ์ สายบุรี จังหวัดปัตตานี // อำเภอบันนังสตา ธารโต เบตง ยะหา จังหวัดยะลา และอำเภอระแงะ ศรีสาคร สุคิริน รือเสาะ แว้ง เจาะไอร้อง จะแนะ จังหวัดนราธิวาส เนื่องจากอิทธิพลของมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือกำลังแรงพัดปกคลุมอ่าวไทย และภาคใต้ ทำให้มีฝนตกหนักต่อเนื่องวัดปริมาณน้ำฝนในรอบ 24 ชั่วโมงได้มากกว่า 100 มิลลิเมตร อาจส่งผลให้เกิดดินถล่มและน้ำป่าไหลหลากได้

ทั้งนี้ ขอให้อาสาสมัครเครือข่ายเฝ้าระวังแจ้งเตือนธรณีพิบัติภัยของกรมทรัพยากรธรณี เตรียมความพร้อมเฝ้าระวังภัยและวัดปริมาณน้ำฝนอย่างต่อเนื่อง หากเกิดเหตุให้แจ้งเตือนสถานการณ์ดินถล่มและน้ำป่าไหลหลากให้ประชาชนในหมู่บ้านได้รับทราบ และแจ้งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพร้อมปฏิบัติตามแผนเฝ้าระวังด้วย


© 2024 Faculty of Environment and Resource Studies, Mahidol University . All Rights Reserved.