• +662 441 5000
  • This email address is being protected from spambots. You need JavaScript enabled to view it.

ข่าวสิ่งแวดล้อม

สำนักข่าว กรมประชาสัมพันธ์  16 ตุลาคม 2565

นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดกรุงเทพมหานคร เปิดเผยว่า ในช่วงฤดูหนวที่มักเกิดปัญหาฝุ่นควัน กรุงเทพมหานครได้เตรียมวางมาตรการเพื่อรับมือปัญหาดังกล่าวแล้ว โดยได้เตรียมเปิดศูนย์บัญชาการด้านฝุ่นในวันที่ 20 ตุลาคมนี้ เพื่อเป็นศูนย์รวมข้อมูลด้านต่างๆ เกี่ยวกับปัญหาฝุ่นควัน คล้ายกับศูนย์น้ำท่วม โดยดำเนินการในเรื่องการรายงานสถานการณ์ค่าฝุ่นละอองจากแหล่งต้นตอ โดยเชื่อมข้อมูลเข้ากับกรุงเทพมหานคร เช่น โรงงานอุตสาหกรรมที่มีอยู่กว่า 6,000 แห่ง เรื่องรถ ได้สั่งการให้สำนักงานเขตเข้าตรวจสอบฝุ่นควันจากรถที่ต้นตอไม่ใช่เพียงบนถนน เช่น รถจากโรงงานอุตสาหกรรม รถจากท่าเรือ ส่วนรถที่ไม่ได้มาตรฐานให้ระงับการใช้ไว้ก่อน และเรื่องชีวมวล ที่ได้ทำความเข้าใจกับ 9 เขตในพื้นที่กรุงเทพฯที่มีการเผามากในปีที่ผ่านมา รวมทั้งขอความร่วมมือกับจังหวัดใกล้เคียงเพื่อตั้งหน่วยดูแลจุด heat spot และทิศทางลมซึ่งจะมีผลกับปริมาณฝุ่นควันในกรุงเทพฯ รวมทั้งการเตือนภัยล่วงหน้าจากโรงเรียนที่ให้นักเรียนเข้ามามีส่วนร่วม รวมทั้งเพิ่มการระมัดระวังเกี่ยวกับอัคคีภัย

อย่างไรก็ตาม ยังคงเฝ้าระวังเรื่องน้ำอยู่ โดยคาดว่าน้ำจะขึ้นสูงอีกครั้งช่วงปลายเดือนตุลาคมถึงต้นเดือนพฤศจิกายน ส่วนน้ำจากพื้นที่ทางเหนือของไทยนั้นคิดว่าไม่ส่งผลกระทบต่อกรุงเทพมหานคร เนื่องจากพื้นที่กรุงเทพฯส่วนใหญ่พร่องน้ำไว้ต่ำกว่าเกณฑ์ และเร่งแก้ไขปัญหาจุดที่น้ำรั่วแล้ว โดยขณะนี้ได้เตรียมจัดทำแผนรับมือสถานการณ์น้ำสำหรับปีหน้า จะดำเนินการควบคู่กันทั้งโครงการเมกะโปรเจ็กต์ และการขุดลอกคลองเส้นเลือดฝอยต่างๆ การจัดทำเขื่อนกั้นน้ำแบบถาวรเพื่อทดแทนเขื่อนที่มีสภาพเก่าหรือการใช้กระสอบทราย ปีนี้ดำเนินการแล้ว 13 แห่ง การพิจารณาทิศทางการผันน้ำใหม่ ซึ่งเบื้องต้นได้หารือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น กรมชลประทาน กรมทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมแล้ว


สำนักข่าว กรมประชาสัมพันธ์  15 ตุลาคม 2565

กองอำนวยการน้ำแห่งชาติ (กอนช.) ปรับลดการระบายน้ำเขื่อนเจ้าพระยาและป่าสักลงต่อเนื่องลดผลกระทบให้ประชาชน ส่วนแม่น้ำท่าจีนยังเฝ้าระวังระดับน้ำสูงขึ้นต่อเนื่องถึงวันที่ 16 ตุลาคม

นายสุรสีห์ กิตติมณฑล เลขาธิการสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) ในฐานะรองผู้อำนวยการกองอำนวยการน้ำแห่งชาติ (กอนช.) กล่าวถึงสถานการณ์น้ำภาพรวมของประเทศวันนี้ (15 ต.ค.65) ว่า ได้ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องการบริหารจัดการน้ำในภาคกลาง โดยเฉพาะลุ่มน้ำเจ้าพระยา ภาพรวมระดับน้ำด้านเหนือเขื่อนเจ้าพระยาเริ่มลดลงแล้ว ทำให้กรมชลประทานเริ่มลดการระบายท้ายเขื่อนเจ้าพระยาต่อเนื่องลดผลกระทบประชาชนด้านท้าย ปัจจุบันการระบายน้ำจากเขื่อนเจ้าพระยาอยู่ที่ 3,154 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที เช่นเดียวกับเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ได้ลดการระบายน้ำอยู่ที่ 721 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที ส่งผลให้การระบายน้ำท้ายเขื่อนพระราม 6 ลดลงอยู่ที่ 1,010 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที แต่ยังคงการระบายน้ำออกไปทางคลองระพีพัฒน์เพื่อลดผลกระทบด้านท้ายเขื่อนพระราม 6 ไม่ให้ได้รับผลกระทบหรือได้รับผลกระทบน้อยที่สุด พร้อมทั้ง เฝ้าระวังระดับน้ำในแม่น้ำท่าจีนสูงขึ้นถึงวันที่ 16 ตุลาคม ในพื้นที่ลำห้วยกระเสียว บริเวณพื้นที่ลุ่มต่ำริมแม่น้ำ ต.แจงงาม และหนองโพธิ์ อ.หนองหญ้าไซ ต.หนองมะค่าโมง อ.ด่านช้าง ต.กระเสียว และหนองสะเดา อ.สามชุก ต.หนองกระทุ่ม ป่าสะแก วังศรีราช หัวเขา และบ่อกรุ อ.เดิมบางนางบวช จ.สุพรรณบุรี ระดับน้ำจะเพิ่มสูงขึ้นและล้นตลิ่งประมาณ 10 - 15 เซนติเมตร // แม่น้ำท่าจีน บริเวณตั้งแต่ อ.สามชุก ศรีประจันต์ เมืองสุพรรณบุรี บางปลาม้า และสองพี่น้อง จ.สุพรรณบุรี , อ.บางเลน นครชัยศรี และสามพราน จ.นครปฐม , อ.กระทุ่มแบน และเมืองสมุทรสาคร จ.สมุทรสาคร ระดับน้ำจะเพิ่มสูงขึ้นจากเดิมประมาณ 15 - 30 เซนติเมตร ขณะที่ภาพรวมปริมาณน้ำแหล่งน้ำทุกขนาด 67,565 ล้านลูกบาศก์เมตร หรือร้อยละ 82


สำนักข่าว กรมประชาสัมพันธ์  14 ตุลาคม 2565

เลขาธิการสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) ได้ให้กรมชลประทานปรับลดการระบายน้ำเขื่อนเจ้าพระยาและป่าสักลงต่อเนื่องลดผลกระทบให้ประชาชน พร้อมย้ำ การระบายน้ำผ่านคลองระพีพัฒน์ไม่กระทบรังสิตและกรุงเทพมหานคร

นายสุรสีห์ กิตติมณฑล เลขาธิการสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) ในฐานะรองผู้อำนวยการกองอำนวยการน้ำแห่งชาติ (กอนช.) กล่าวว่า จากการติดตามสถานการณ์น้ำในพื้นที่ต่างๆในเขตลุ่มน้ำเจ้าพระยา เพื่อประเมินสถานการณ์น้ำและวางแผนการบริหารจัดการน้ำในการเร่งระบายออกสู่ทะเลโดยเร็ว บริเวณประตูระบายน้ำพระศรีศิลป์ อ.หนองแค จ.สระบุรี , จุดก่อสร้างบริเวณประตูระบายน้ำคลอง 14 อ.องครักษ์ จ.นครนายก , สถานีสูบน้ำสมบูรณ์ อ.องครักษ์ จ.นครนายก , จุดก่อสร้างประตูระบายน้ำบางขนาก , จุดก่อสร้างประตูระบายน้ำกลางคลองพระองค์ไชยานุชิต อ.บางน้ำเปรี้ยว จ.ฉะเชิงเทรา และโครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาชลหารพิจิตร อ.บางบ่อ จ.สมุทรปราการ พบระดับน้ำด้านเหนือเขื่อนเจ้าพระยาเริ่มลดลงกรมชลประทานจึงได้เริ่มลดการระบายท้ายเขื่อนเจ้าพระยาต่อเนื่องลดผลกระทบประชาชนด้านท้าย ปัจจุบันการระบายน้ำจากเขื่อนเจ้าพระยาอยู่ที่ 3,154 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที เช่นเดียวกับเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ได้ลดการระบายน้ำอยู่ที่ 721 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที ส่งผลให้การระบายน้ำท้ายเขื่อนพระราม 6 ลดลงอยู่ที่ 1,010 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที แต่ยังคงการระบายน้ำออกไปทางคลองระพีพัฒน์เพื่อลดผลกระทบด้านท้ายเขื่อนพระราม 6 ไม่ให้ได้รับผลกระทบหรือได้รับผลกระทบน้อยที่สุด พร้อมยืนยันการระบายน้ำมาทางคลองระพีพัฒน์ไม่กระทบรังสิตและกรุงเทพมหานครแน่นอน แต่ปัจจัยหลักที่ส่งผลให้ระดับน้ำในแม่น้ำเจ้าพระยาสูงขึ้นช่วงนี้จากน้ำทะเลหนุนสูงในช่วงเวลาสั้นๆ ซึ่งกรุงเทพมหานครได้เร่งเสริมคันชั่วคราวในจุดฟันหลอต่างๆไม่ให้น้ำไหลเอ่อเข้าท่วมพื้นที่แล้ว

เลขาธิการสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) กล่าวย้ำว่า ศูนย์ส่วนหน้าฯภาคกลาง จ.ชัยนาท ภายใต้ กอนช.ได้เร่งดำเนินการ 6 แนวทางเพื่อเร่งระบายน้ำหลากออกจากพื้นที่ท่วมขังโดยเร็วลดผลกระทบให้ประชาชนท้ายเขื่อนเจ้าพระยา คือ ลดปริมาณน้ำไหลผ่านเขื่อนเจ้าพระยา เขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ เขื่อนวังร่มเกล้า เขื่อนพระรามหก แม่น้ำท่าจีน และแม่น้ำน้อยลงตามสัดส่วนของปริมาณน้ำที่ลดลง // ลดการรับน้ำไหลย้อนผ่านประตูผักไห่โดยให้กดบานลงตามระดับน้ำที่ลดลง // ติดตั้งเครื่องผลักดันน้ำจากทุ่งผักไห่ลงสู่ทุ่งเจ้าเจ็ดโดยเร็ว // ติดตั้งเครื่องสูบน้ำเพิ่มเติมเร่งระบายน้ำออกจากคลองพระยาบันลือ โดยให้เร่งสูบลงด้านแม่น้ำเจ้าพระยาเป็นหลัก // ด้านท้ายเขื่อนเจ้าพระยาให้ปรับลดการรับน้ำลงสู่ทุ่งบางกุ่มและบางกุ้งโดยให้พิจารณาผลกระทบเขต จ.อ่างทองไม่ให้น้ำเพิ่มขึ้นจนไหลล้นแนวป้องกัน และสุดท้าย ให้เร่งอุดช่องขาดคันคลองชัยนาท-อยุธยา 5 แห่งให้เสร็จโดยเร็ว


สำนักข่าว กรมประชาสัมพันธ์  13 ตุลาคม 2565

นายอนุชา บูรพชัยศรี รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ปฎิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงประกาศกรมอุตุนิยมวิทยา ช่วงวันที่ 14-15 ตุลาคม 2565 บริเวณภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคตะวันออก ภาคกลาง รวมทั้งกรุงเทพมหานครและปริมณฑล จะมีฝนเพิ่มขึ้น โดยมีฝนตกหนักบางแห่งในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ บริเวณจังหวัดมุกดาหาร กาฬสินธุ์ มหาสารคาม ร้อยเอ็ด ยโสธร อำนาจเจริญ สุรินทร์ ศรีสะเกษ และอุบลราชธานี พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ขอให้ประชาชนในบริเวณดังกล่าวระวังอันตรายจากฝนตกหนักและฝนที่ตกสะสม ซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลากไว้ด้วย และขอให้ติดตามประกาศจากกรมอุตุนิยมวิทยา ซึ่งสามารถติดตามข้อมูลที่เว็บไซต์ กรมอุตุนิยมวิทยา http://www.tmd.go.th หรือสายด่วนพยากรณ์อากาศ 1182 ได้ตลอด 24 ชั่วโมง


สำนักข่าว กรมประชาสัมพันธ์  12 ตุลาคม 2565

นางสาวรัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า จากปริมาณน้ำฝนที่ตกหนัก ส่งผลให้หลายพื้นที่ได้รับผลกระทบเป็นวงกว้าง พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กำชับส่วนราชการเร่งช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย รวมถึงเคลื่อนย้ายคน สิ่งของและสัตว์เลี้ยงไปในที่ปลอดภัย เน้นย้ำให้ดูแลอย่างใกล้ชิด เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนในเบื้องต้น

สำหรับการดูแลเกษตรกรผู้เลี้ยงสัตว์ นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ สั่งการให้กรมปศุสัตว์ตั้งวอร์รูม ทั้งส่วนกลางและทุกจังหวัดติดตามสถานการณ์ พร้อมเข้าช่วยเหลือเกษตรกรผู้เลี้ยงสัตว์ในพื้นที่น้ำท่วมอย่างต่อเนื่อง

ที่ผ่านมา ได้ปล่อยขบวนรถหญ้าอาหารสัตว์พระราชทาน เพื่อสนับสนุนเสบียงอาหารสัตว์ไปช่วยเหลือเกษตรกร จัดส่งเจ้าหน้าที่สัตวแพทย์และสัตวบาลเข้าดูแลรักษาสุขภาพสัตว์ป่วยทั่วประเทศแล้ว พร้อมทั้งกำชับกรมปศุสัตว์จัดหน่วยงานบริการเคลื่อนที่เร็วสนับสนุนตลอด 24 ชั่วโมง

สถานการณ์อุทกภัยที่เกิดขึ้นในครั้งนี้ พบว่ามีจำนวน 10 จังหวัด ที่ได้รับผลกระทบจากอุทกภัย ได้แก่ ศรีสะเกษ ยโสธร นครราชสีมา สิงห์บุรี ร้อยเอ็ด สุรินทร์ อุบลราชธานี พิษณุโลก เชียงใหม่ และร้อยเอ็ด ซึ่งกรมปศุสัตว์เข้าพื้นที่เพื่อให้การช่วยเหลือแล้ว สำหรับเกษตรกรผู้ประสบอุทกภัย ที่ต้องการรับการช่วยเหลือ สามารถติดต่อได้ที่ สำนักงานปศุสัตว์อำเภอ สำนักงานปศุสัตว์จังหวัด ศูนย์วิจัยและพัฒนาอาหารสัตว์ในพื้นที่ หรือติดต่อศูนย์อำนวยการป้องกันและแก้ไขปัญหาภัยพิบัติด้านปศุสัตว์ กรมปศุสัตว์ โทร 0 2653 4444 ต่อ 3315 หรือแจ้งข้อมูลในแอพพลิเคชั่น DLD 4.0 สามารถดาวน์โหลดในโทรศัพท์มือถือได้ทุกระบบ เพื่อให้ความช่วยเหลือได้ทันที


สำนักข่าว กรมประชาสัมพันธ์  11 ตุลาคม 2565

กองอำนวยการน้ำแห่งชาติ (กอนช.) เฝ้าระวังระดับในแม่น้ำชีสูงขึ้นต่อเนื่อง จากการระบายน้ำของเขื่อนอุบลรัตน์

นายสุรสีห์ กิตติมณฑล เลขาธิการสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) ในฐานะรองผู้อำนวยการกองอำนวยการน้ำแห่งชาติ (กอนช.) กล่าวถึงสถานการณ์น้ำภาพรวมของประเทศวันนี้ (11 ต.ค.65) ว่า ได้ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเฝ้าระวังระดับน้ำแม่น้ำชีต่อเนื่อง หลังระดับน้ำเขื่อนอุบลรัตน์ยังอยู่ในสภาวะวิกฤติระดับ 3 ทำให้พื้นที่ท้ายเขื่อนอุบลรัตน์มีระดับน้ำสูงขึ้นและอาจกระทบต่อพื้นที่ลุ่มต่ำ บริเวณ อ.อุบลรัตน์ เขาสวนกวาง ซำสูง น้ำพอง และ อ.เมืองขอนแก่น จ.ขอนแก่น และเฝ้าระวังพนังกั้นน้ำริมแม่น้ำชี ตั้งแต่ จ.ขอนแก่น มหาสารคาม กาฬสินธุ์ ร้อยเอ็ด และยโสธร รวมทั้ง เฝ้าระวังระดับน้ำในแม่น้ำชีด้านท้ายเขื่อนอุบลรัตน์มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นต่อเนื่องถึงวันที่ 13 ตุลาคม บริเวณ อ.เมืองขอนแก่น จ.ขอนแก่น อ.โกสุมพิสัย อ.เมืองมหาสารคาม จ.มหาสารคาม ระดับน้ำจะเพิ่มสูงขึ้นประมาณ 10 – 50 เซนติเมตร // อ.จังหาร อ.ทุ่งเขาหลวง จ.ร้อยเอ็ด ระดับน้ำจะเพิ่มสูงขึ้นประมาณ 10 - 60 เซนติเมตร และ อ.เมืองยโสธร อ.มหาชนะชัย จ.ยโสธร ระดับน้ำจะเพิ่มสูงขึ้นประมาณ 30 เซนติเมตร โดยช่วง 24 ชั่วโมงที่ผ่านมามีฝนตกหนักใน จ.กาญจนบุรี สมุทรสงคราม และชลบุรี ขณะที่ภาพรวมปริมาณน้ำแหล่งน้ำทุกขนาด 66,440 ล้านลูกบาศก์เมตร หรือร้อยละ 81


สำนักข่าว กรมประชาสัมพันธ์  10 ตุลาคม 2565

กองอำนวยการน้ำแห่งชาติ (กอนช.) เฝ้าระวังพื้นเสี่ยงอุทกภัยและพื้นที่มีน้ำท่วมขังจากฝนตกหนักในหลายพื้นที่ทั่วประเทศ พร้อมกำชับให้เร่งระบายน้ำท่วมขังออกจากพื้นที่ให้เร็วที่สุด ขณะที่แม่น้ำชียังต้องเฝ้าระวังระดับสูงขึ้นต่อเนื่อง จากการระบายน้ำของเขื่อนอุบลรัตน์

นายสุรสีห์ กิตติมณฑล เลขาธิการสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) ในฐานะรองผู้อำนวยการกองอำนวยการน้ำแห่งชาติ (กอนช.) กล่าวถึงสถานการณ์น้ำภาพรวมของประเทศวันนี้ (10 ต.ค.65) ว่า ได้ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเฝ้าระวังพื้นเสี่ยงอุทกภัยและพื้นที่มีน้ำท่วมขัง เนื่องจากสภาพอากาศช่วงวันนี้ - 14 ตุลาคม บริเวณความกดอากาศสูงหรือมวลอากาศเย็นกำลังปานกลางจากประเทศจีนแผ่ลงมาปกคลุมประเทศไทยตอนบน ทำให้มีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่งในภาคเหนือ บริเวณ จ.เชียงใหม่ เชียงราย ลำพูน ลำปาง พะเยา น่าน แพร่ ตาก อุตรดิตถ์ สุโขทัย กำแพงเพชร พิจิตร พิษณุโลก และเพชรบูรณ์ // ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ บริเวณ จ.เลย หนองคาย หนองบัวลำภู อุดรธานี ขอนแก่น มหาสารคาม ชัยภูมิ นครราชสีมา บุรีรัมย์ และสุรินทร์ // ภาคกลาง บริเวณ จ.นครสวรรค์ อุทัยธานี ชัยนาท กาญจนบุรี ราชบุรี สุพรรณบุรี ลพบุรี สระบุรี สิงห์บุรี อ่างทอง พระนครศรีอยุธยา สมุทรสงคราม สมุทรสาคร นครปฐม กรุงเทพมหานคร และปริมณฑล // ภาคตะวันออก บริเวณ จ.นครนายก ปราจีนบุรี สระแก้ว ฉะเชิงเทรา ชลบุรี ระยอง จันทบุรี และตราด // ภาคใต้ บริเวณ จ.เพชรบุรี ประจวบคีรีขันธ์ ชุมพร สุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช พัทลุง สงขลา ปัตตานี นราธิวาส ระนอง พังงา ภูเก็ต กระบี่ ตรัง และสตูล พร้อมเน้นย้ำให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งระบายน้ำออกจากพื้นที่น้ำท่วมขังและติดตามสถานการณ์น้ำอย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะพื้นที่เสี่ยงน้ำท่วม ควบคู่กับตรวจสอบความมั่นคงของอาคารป้องกันริมแม่น้ำและเสริมคันบริเวณจุดเสี่ยงที่เป็นพื้นที่ลุ่มต่ำริมแม่น้ำ เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชนและเร่งเข้าให้การช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยได้ทันที

ทั้งนี้ กอนช. ยังต้องเฝ้าระวังระดับน้ำในแม่น้ำชีด้านท้ายเขื่อนอุบลรัตน์จะมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นต่อเนื่องถึงวันที่ 13 ตุลาคม ในพื้นที่ อ.เมืองขอนแก่น จ.ขอนแก่น อ.โกสุมพิสัย อ.เมืองมหาสารคาม จ.มหาสารคาม ระดับน้ำจะเพิ่มสูงขึ้นประมาณ 10 – 50 เซนติเมตร // อ.จังหาร อ.ทุ่งเขาหลวง จ.ร้อยเอ็ด ระดับน้ำจะเพิ่มสูงขึ้นประมาณ 10 - 60 เซนติเมตร // อ.เมืองยโสธร อ.มหาชนะชัย จ.ยโสธร ระดับน้ำจะเพิ่มสูงขึ้นประมาณ 30 เซนติเมตร เพราะระดับน้ำเขื่อนอุบลรัตน์ยังอยู่ในขั้นวิกฤติ ระดับ 3 จะทำให้พื้นที่ท้ายเขื่อนอุบลรัตน์มีระดับน้ำสูงขึ้นและอาจกระทบต่อพื้นที่ลุ่มต่ำ โดยช่วง 24 ชั่วโมงที่ผ่านมามีฝนตกหนักใน จ.สงขลา เพชรบุรี และกรุงเทพมหานคร ขณะที่ภาพรวมปริมาณน้ำแหล่งน้ำทุกขนาด 66,440 ล้านลูกบาศก์เมตร หรือร้อยละ 81


สำนักข่าว กรมประชาสัมพันธ์  9 ตุลาคม 2565

รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กำชับ กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง (ทช.) เร่งสำรวจเส้นทางคลองระบายน้ำสายหลักของกรุงเทพมหานคร เพื่อติดตั้งเครื่องมือดักขยะช่วยลดปัญหาขยะบกไหลลงสู่ทะเล

นายอรรถพล เจริญชันษา อธิบดีกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง (ทช.) กล่าวว่า กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง (ทช.) ร่วมกับ สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาระบบราชการ (ก.พ.ร.) , สำนักการระบายน้ำ กรุงเทพมหานคร และกรมควบคุมมลพิษ (คพ.) สำรวจเส้นทางคลองระบายน้ำสายหลักของกรุงเทพมหานครที่มีศักยภาพในการติดตั้งเครื่องมือดักขยะ เพื่อวางแผนปรับเปลี่ยนระบบการจัดการขยะทะเลจากปลายทางไปสู่การจัดการขยะจากต้นทาง ภายใต้บันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือในการจัดการขยะทะเล โดยการมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วนในบริเวณปากแม่น้ำ เพื่อนำมาใช้แก้ปัญหาขยะให้เป็นศูนย์ ลดการเพิ่มจำนวนของขยะทะเล และลดภัยร้ายที่ทำลายสิ่งแวดล้อมทางทะเล โดยบริเวณคลองลาดพร้าว ถือเป็นคลองขนาดใหญ่ของกรุงเทพมหานครที่มีการบริหารจัดการขยะอยู่ในระดับหนึ่ง แล้วเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการจัดการขยะ ทช. ได้เสนอแนวทางการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีและเครื่องมือดักขยะที่มีการใช้งานในปัจจุบัน เช่น บูมดักขยะ เทคโนโลยีจากโครงการความร่วมมือ The Ocean Cleanup (TOC) และนวัตกรรมในต่างประเทศ เพื่อนำมาขยายผลไปยังพื้นที่คลองต่างๆของกรุงเทพมหานครตามความเหมาะสมของพื้นที่และงบประมาณต่อไป

ทั้งนี้ หากโครงการฯนี้ประสบความสำเร็จตามกรอบ 5 ปี จะช่วยลดปริมาณขยะภายในประเทศลงได้ที่เป็นสาเหตุหลักที่ทำให้เกิดปัญหาขยะทะเล ตามแผนบริหารจัดการขยะอย่างเป็นรูปธรรมภายใต้ Roadmap การจัดการขยะพลาสติก (พ.ศ. 2561-2573) พร้อมประสานความร่วมมือและส่งเสริมกระบวนการมีส่วนร่วมกับภาคีเครือข่าย ภาครัฐ ภาคเอกชน กลุ่มอุตสาหกรรม เครือข่ายภาคประชาชน และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรณรงค์ประชาสัมพันธ์สร้างการรับรู้ สร้างความเข้าใจ และสร้างกระแสให้สังคมมีส่วนร่วมลดปริมาณขยะ เพื่อนำไปสู่การบรรลุเป้าหมายการขจัดปัญหาขยะทะเลอย่างยั่งยืนในอนาคต


  1. "วราวุธ" เร่งการดำเนินงานของอุทยานแห่งชาติทางทะเล 26 แห่ง โดยเฉพาะการเตรียมพร้อมเปิดอุทยานแห่งชาติทางทะเลฝั่งอันดามันรับมือฤดูกาลท่องเที่ยวปลายปีนี้
  2. อึ้ง! พบซากสัตว์เกลื่อน (ชิ้นส่วนสุกร,ขาไก่) ลักลอบนำเข้าโดยไม่ได้รับอนุญาต
  3. กรมชลประทานระบายน้ำเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ที่มีปริมาณน้ำเต็มอ่าง ส่งผลให้อัตราการระบายน้ำที่ท้ายเขื่อนเจ้าพระยามีปริมาณ 2,765 ลบ.ม วินาที เตือนพื้นที่นอกคันกั้นน้ำ พื้นที่ลุ่มต่ำให้เฝ้าระวังอย่างต่อเนื่อง
  4. กอนช. เฝ้าระวังระดับน้ำแม่น้ำป่าสักและแม่น้ำเจ้าพระยาสูงขึ้นถึง 9 ต.ค. ส่งผลให้ประชาชนด้านท้ายน้ำได้รับผลกระทบ
© 2024 Faculty of Environment and Resource Studies, Mahidol University . All Rights Reserved.