• +662 441 5000
  • This email address is being protected from spambots. You need JavaScript enabled to view it.

ข่าวสิ่งแวดล้อม

สำนักข่าว กรมประชาสัมพันธ์  2 เมษายน 2566

นายเกียรติชัย ชัยเรืองยศ รองอธิบดีกรมท่าอากาศยาน ด้านมาตรฐาน เปิดเผยถึงมาตรการรับมือกรณีค่าฝุ่น PM2.5 มีแนวโน้มส่งผลกระทบด้านการบิน ว่า ท่าอากาศยานในสังกัดกรมท่าอากาศยาน ทั้ง 29 แห่ง มีมาตรการดำเนินงานกรณีเข้าสู่สภาวะทัศนวิสัยต่ำ (Low Visibility Procedure) ตามขั้นตอนและมาตรฐานในทันที เมื่อเกิดสภาพอากาศไม่เอื้ออำนวยต่อการปฏิบัติงานภายในเขตการบิน รวมถึงส่งผลกระทบต่อปฏิบัติการบินของอากาศยาน เช่น เกิดกลุ่มควันไฟมาก หมอกหนา หรือฝนตกหนัก จนทำให้เกิดทัศนวิสัยต่ำ ตั้งแต่ 550 - 500 เมตร หรือต่ำกว่า

โดยหอควบคุมการบินจะเป็นหน่วยงานในการแจ้ง ให้เจ้าหน้าที่และผู้ประกอบการทั้งหมด หยุดปฏิบัติงานในเขตพื้นที่การบิน จนกว่าจะได้รับการยกเลิก หรือการยกระดับการแจ้งเตือนทัศนวิสัยต่ำ ซึ่งการกำหนดขั้นตอนในการปฏิบัติงาน การแจ้งเข้าสู่สภาวะทัศนวิสัยต่ำจะขึ้นอยู่กับแต่ละสนามบินเป็นผู้กำหนด รวมถึงการประชาสัมพันธ์ให้ผู้โดยสารรับทราบ ไม่ว่าจะเป็นเที่ยวบินล่าช้า หรือไม่สามารถลงจอดได้เนื่องจากทัศนวิสัยต่ำ ทั้งนี้เมื่อเข้าสู่สภาวะปกติ ทัศนวิสัย (Visibility) จากสภาพอากาศมากกว่า 550 เมตร หอควบคุมการบินจะยกเลิกแจ้งเตือนทัศนวิสัยต่ำ ส่วนเจ้าหน้าที่สนามบินจะเป็นผู้แจ้งให้ผู้ประกอบการทั้งหมดทราบเพื่อให้สามารถปฏิบัติงานต่อไปได้ พร้อมร่วมมือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เตรียมความพร้อมทุกด้าน ทั้งเครื่องมือ อุปกรณ์ บุคลากร ไว้อำนวยความสะดวก รวดเร็ว รวมถึงด้านความมั่นคง ความปลอดภัยในชีวิต ทรัพย์สิน และด้านสาธารณสุข รองรับผู้มาใช้บริการ

นอกจากนี้ กรมท่าอากาศยาน ยังมีมาตรการรณรงค์ลดฝุ่น PM2.5 ภายในท่าอากาศยาน เช่น ตรวจวัดควันดำของรถที่ใช้งานในเขตการบิน (Airside) การรับส่งผู้โดยสาร บริเวณหน้าอาคารผู้โดยสาร หรือบริเวณลานจอดรถภายในสนามบิน ต้องทำการดับเครื่องยนต์และไม่อนุญาตให้ติดเครื่องยนต์ทิ้งไว้ ส่วนพื้นที่ใดมีการก่อสร้างต้องปล่อยละอองน้ำดักจับฝุ่น ฉีดน้ำทำความสะอาดล้อรถบรรทุก หรือรถอื่นๆ ก่อนออกจากสถานที่ก่อสร้าง ล้างทำความสะอาดพื้นที่ก่อสร้าง เพื่อลดการฟุ้งกระจายของฝุ่นละออง และควบคุมฝุ่นละอองจากการก่อสร้างสาธารณูปโภคต่างๆ


สำนักข่าว กรมประชาสัมพันธ์  1 เมษายน 2566

นายเข้มแข็ง ยุติธรรมดำรง อธิบดีกรมส่งเสริมการเกษตร กล่าวถึงการส่งเสริมการพัฒนาสินค้าเกษตร อัตลักษณ์พื้นถิ่น และการเก็บข้อมูลภูมิปัญญาท้องถิ่นด้านการเกษตรว่า เพื่อเป็นต้นแบบ และฐานข้อมูลปัจจุบัน ที่เกษตรกรหรือผู้สนใจทั่วไปสามารถสืบค้นแต่ละพื้นที่ได้ง่าย ตามโครงการพัฒนาฐานข้อมูลภูมิปัญญาท้องถิ่นด้านการเกษตร เพื่อเสริมสร้างอัตลักษณ์พื้นถิ่น ที่ดำเนินการต่อเนื่องมาตั้งแต่ปี 2564 จนถึงปัจจุบัน มีเป้าหมายในการสำรวจและจัดเก็บข้อมูลภูมิปัญญาท้องถิ่นด้านการเกษตรในตัวเกษตรกรหรือชุมชน ครอบคลุมพื้นที่ 77 จังหวัดทั่วประเทศ และคัดเลือกภูมิปัญญาท้องถิ่นด้านการเกษตร เพื่อพัฒนาต่อยอดองค์ความรู้ภูมิปัญญาท้องถิ่น ปีละ 6 จุด รวมจำนวน 18 จุด เพื่อร่วมวางแผนพัฒนาจากในพื้นที่ร่วมกับผู้ที่เกี่ยวข้องสู่ความต่อเนื่องและการพัฒนาอย่างยั่งยืน ในปี 2566 นี้ ภูมิปัญญาผ้ามัดย้อมสีธรรมชาติบ้านดงน้อย ภูมิปัญญาการย้อมผ้าของชาวบ้านดงน้อย จังหวัดกาฬสินธุ์ เป็นหนึ่งในเป้าหมายที่มีการเก็บข้อมูลไว้ตั้งแต่ปี 2565 โดยสำนักงานเกษตรจังหวัดกาฬสินธุ์ เป็นหน่วยงานหลักที่รับผิดชอบในเรื่องนี้ มีการส่งเสริมและพัฒนาวิสาหกิจชุมชนทอผ้าพื้นเมืองบ้านดงน้อยอย่างต่อเนื่อง มีการจัดเวทีชุมชนถอดบทเรียนแบบละเอียดเพื่อค้นหาแนวทางการพัฒนาภูมิปัญญาท้องถิ่นแบบมีส่วนร่วมทุกภาคส่วน เพื่อต่อยอดและอนุรักษ์ภูมิปัญญาท้องถิ่นสู่ระบบมรดกทางการเกษตร การสร้างเครือข่ายด้านการตลาด ออกแบบผลิตภัณฑ์ การสร้างรายได้ การเป็นแหล่งเรียนรู้ การเตรียมความพร้อมเป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงเกษตร และด้วยความโดดเด่นเป็นอัตลักษณ์ จนเป็นที่ต้องการของตลาดทั้งในประเทศและต่างประเทศ สามารถสร้างงาน สร้างรายได้เพิ่มขึ้นให้กับสมาชิก ถือเป็นต้นแบบของการสืบสานภูมิปัญญาท้องถิ่นส่งต่อให้กับลูกหลานในอนาคต เพื่อสร้างงาน สร้างรายได้ และรักษาสิ่งดีงามให้อยู่คู่ชุมชนต่อไป


สำนักข่าว กรมประชาสัมพันธ์  31 มีนาคม 2566

นายสุพิศ พิทักษ์ธรรม อธิบดีกรมฝนหลวงและการบินเกษตร เปิดเผยว่า จากที่เมื่อวานนี้ (30 มีนาคม 2566) ได้สั่งการให้หน่วยปฏิบัติการฝนหลวงจังหวัดจันทบุรี ขึ้นบินปฏิบัติการภารกิจพื้นที่ไฟป่าจากเหตุการณ์ไฟไหม้ป่าบริเวณเขาชะพลู ตำบลพรหมณี อำเภอเมือง จังหวัดนครนายก บริเวณด้านหลังโรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้า และได้ลุกลามไปยังเขาแหลมที่อยู่ติดกันตั้งแต่เมื่อวันที่ 29 มีนาคม 2566 ที่ผ่านมา จากผลการปฏิบัติการฝนหลวงเมื่อวานนี้ทำให้มีฝนตกบริเวณพื้นที่อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ จ.ปราจีนบุรี จ.นครราชสีมา ซึ่งเป็นบริเวณที่ใกล้เคียงกับเขาชะพลู เขาแหลม จ.นครนายก อย่างไรก็ตาม เนื่องจากกลุ่มเมฆที่หน่วยปฏิบัติการฝนหลวง จ.จันทบุรี ขึ้นบินปฏิบัติการอยู่บริเวณทิศตะวันออกเฉียงเหนือของพื้นที่ไฟป่าเขาชะพลู เขาแหลม จ.นครนายก โดยทิศทางลมขณะปฏิบัติการเป็นลมทิศตะวันออกเฉียงเหนือที่ระดับความสูง 5,000-10,000 ฟุต ส่งผลให้กลุ่มเมฆที่พัฒนาตัวก่อให้เกิดฝน เคลื่อนตัวไม่ถึงพื้นที่ปัญหาไฟป่า โดยในวันนี้ยังคงมีไฟลุกลามบริเวณสันเขาอยู่นั้น ทางกรมฝนหลวงและการบินเกษตร จึงได้สั่งการและเน้นย้ำให้หน่วยปฏิบัติการฝนหลวงจังหวัดจันทบุรี ติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิดและวางแผนเพื่อขึ้นบินปฏิบัติการฝนหลวงช่วยเหลืออย่างต่อเนื่อง ซึ่งในเช้าวันนี้จากข้อมูลสภาพอากาศพบว่ามีความชื้นสัมพัทธ์มากกว่า 60% เป็นค่าความชื้นสัมพัทธ์ที่สามารถก่อเมฆได้ และมีโอกาสเกิดฝนตก หน่วยฯ จันทบุรี จึงได้วางแผนบินในเวลา 08.50 น. โดยใช้เครื่องบินขนาดเล็ก จำนวน 3 ลำ ปฏิบัติการ 3 เที่ยวบิน ใช้สารฝนหลวง จำนวน 2,100 กิโลกรัม บินที่ความสูง 6,500 ฟุต บริเวณอำเภอปากช่อง จังหวัดนครราชสีมา ถึงอำเภอประจันตคาม จังหวัดปราจีนบุรี เพื่อช่วยเหลือพื้นที่เป้าหมาย ได้แก่ พื้นที่การเกษตรจังหวัดปราจีนบุรี และพื้นที่ไฟป่าจังหวัดนครนายก สำหรับสถานการณ์หมอกควันและฝุ่นละอองทางพื้นที่ภาคเหนือ และภาคกลางยังคงส่งผลกระทบต่อสุขภาพของประชาชนและมีสาถานการณ์ที่น่าเป็นห่วง ทางกรมฝนหลวงและการบินเกษตร ยังคงมีการปฏิบัติการฝนหลวงช่วยเหลือทุกวัน ซึ่งเมื่อวานนี้ ได้ขึ้นบินปฏิบัติการฝนหลวงช่วยเหลือพื้นที่ประสบปัญหาหมอกควันและไฟป่าบริเวณจังหวัดเชียงราย เชียงใหม่ แม่ฮ่องสอน ตาก ลำพูน ลำปาง และพะเยา ซึ่งสามารถช่วยบรรเทาปัญหาได้ในระดับหนึ่ง ขณะเดียวกันก็ได้ปฏิบัติการฝนหลวงช่วยเหลือพื้นที่การเกษตรบางส่วนของจังหวัดปราจีนบุรีและนครราชสีมา และในวันนี้ หน่วยฯ เชียงใหม่ ได้วางแผนบินช่วยบรรเทาปัญหาหมอกควันและไฟป่าและช่วยเหลือพื้นที่การเกษตรบริเวณจังหวัดเชียงราย และแม่ฮ่องสอน หน่วยฯ แพร่ ช่วยเหลือพื้นที่ประสบปัญหาหมอกควันและไฟป่าบริเวณจังหวัดแพร่ จังหวัดน่าน


สำนักข่าว กรมประชาสัมพันธ์  30 มีนาคม 2566

กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เร่งติดตามสถานการณ์และแก้ปัญหาไฟป่าในพื้นที่ภาคเหนือ 17 จังหวัดเชิงรุก โดยให้เจ้าหน้าที่ลงพื้นที่เคาะประตูบ้านประชาสัมพันธ์และป้องปรามการลักลอบเผาป่า หากพบกระทำผิดบังคับใช้กฎหมายทันที

นายสิทธิชัย เสรีส่งแสง ผู้ตรวจราชการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม พร้อมด้วย นายปิ่นสักก์ สุรัสวดี อธิบดีกรมควบคุมมลพิษ (คพ.) ได้ร่วมกันประชุมติดตามสถานการณ์และแก้ปัญหาไฟป่าหมอกควัน (ส่วนหน้าภาคเหนือ) ในพื้นที่จังหวัดเชียงรายและจังหวัดภาคเหนือ บริเวณสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 15 (เชียงราย)หลังจากได้ยกระดับมาตรการป้องกันและแก้ปัญหามลพิษจากฝุ่นละอองช่วงสถานการณ์วิกฤติเป็นการเร่งด่วน เบื้องต้นกำชับให้ทุกหน่วยงานปฏิบัติการเชิงรุกและหยุดการเผาป่า ด้วยการให้ปิดป่าส่วนที่มีสถานการณ์ไฟป่าอยู่ในระดับวิกฤติ หรือเสี่ยงต่อการเกิดไฟป่าขั้นรุนแรง พร้อมระดมสรรพกำลัง เครือข่ายอาสาสมัคร อุปกรณ์เครื่องมือ อากาศยานในการลาดตระเวนเฝ้าระวัง และปฏิบัติการดับไฟอย่างเข้มข้น เนื่องจากปัญหาไฟป่าเป็นวิกฤติระดับชาติให้ร่วมกับฝ่ายปกครองและเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องลงพื้นที่ชุมชนที่มีปัญหาไฟป่าเคาะประตูบ้านเพื่อประชาสัมพันธ์และป้องปรามการลักลอบเผาป่า หากพบการกระทำความผิดจับกุมดำเนินคดีให้ถึงที่สุด โดยเฉพาะให้ทุกหน่วยงานบังคับใช้กฎหมายกับผู้ลักลอบเผา หรือผู้กระทำผิดอย่างเข้มงวด ขณะเดียวกันให้กรมอุทยานฯและกรมป่าไม้จัดทำแผนการหรือมาตรการลดและจัดการจุดความร้อน (Hotspot) ในพื้นที่ป่าอนุรักษ์และป่าสงวนแห่งชาติรายพื้นที่

ทั้งนี้ ยังได้เน้นย้ำความปลอดภัยของเจ้าหน้าที่เป็นสำคัญและต้องแสดงสถานะตำแหน่งระหว่างปฏิบัติงานตลอดเพื่อความปลอดภัยของเจ้าหน้าที่ รวมทั้ง ให้บริหารจัดการศูนย์ปฏิบัติการไฟป่า (WAR ROOM) อย่างต่อเนื่อง และเฝ้าระวังอย่าให้ไฟป่าลุกลามเป็นวงกว้าง


สำนักข่าว กรมประชาสัมพันธ์  29 มีนาคม 2566

กรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช เร่งควบคุมและดับไฟป่าในเขตป่าอนุรักษ์ เพื่อลดจุดความร้อนและผลกระทบฝุ่น PM2.5 ในภาคเหนือ พร้อมสร้างความรู้ความเข้าใจและบังคับใช้กฎหมายกับประชาชนในพื้นที่เป็นหลัก

นายอรรถพล เจริญชันษา อธิบดีกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง (ทช.) รักษาราชการแทนอธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช กล่าวถึงสถานการณ์ไฟป่าและหมอกควันในพื้นที่ภาคเหนือ 17 จังหวัดของประเทศว่า ปัญหาไฟป่าหมอกควันยังคงรุนแรงในหลายพื้นที่ แต่เมื่อเทียบกับประเทศเพื่อนอย่างเมียนมาและ สปป.ลาว พบมีจุดความร้อน (Hotspot) จำนวนมากติดต่อกันหลายวัน ส่งผลให้หมอกควันหนาแน่นปกคลุมจนกระทบประชาชนในพื้นที่ โดยเฉพาะจังหวัดเชียงรายที่มีพื้นที่ติดกับทั้ง 2 ประเทศดังกล่าว ทำให้หมอกควันลอยข้ามแดนมาผสมกับฝุ่น PM 2.5 ในประเทศจนเกิดค่าสูงขึ้นในระดับวิกฤติ ทั้งนี้ กรมอุทยานฯ ได้ส่งเจ้าหน้าที่เข้าพื้นที่ดับและควบคุมไฟป่าต่อเนื่อง ส่วนมาตรการแก้ปัญหา พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่ากระทรวงกลาโหม ได้เน้นย้ำให้กรมอุทยานฯทำงานเชิงรุกมากขึ้น ด้วยการจัดชุดกำลังผสมร่วมกับท้องถิ่นและฝ่ายปกครองเข้าพูดคุยกับประชาชนที่่เข้าไปใช้ประโยชน์ในเขตป่า เพื่อเน้นย้ำจะบังคับใช้กฎหมายอย่างเข้มงวดมากขึ้น โดยเฉพาะกลุ่มที่ไม่ให้ความร่วมมือและใครฝ่าฝืนต้องดำเนินคดีตามกฎหมาย เพราะการเผาป่าส่งผลกระทบเป็นวงกว้าง เนื่องจากประชาชนกำลังเร่งเผาทั้งในเขตป่าและนอกเขตป่าเพื่อเตรียมเพาะปลูกรอบใหม่ช่วงฤดูฝน รวมถึง กลุ่มที่เข้าไปหาของป่า ล่าสัตว์ป่า และบุกรุกป่าด้วยการเผา จึงจำเป็นต้องสร้างความเข้าใจ ขณะนี้เจ้าหน้าที่ดับไฟป่าปฏิบัติหน้าที่ติดต่อมากว่า 2 เดือนแล้วจนเริ่มเกิดความเหนื่อยล้า แต่ยังคงปฏิบัติหน้าที่อย่างต่อเนื่อง

สำหรับความเสียหายจากไฟป่าที่เกิดขึ้นในพื้นที่เขตป่าอนุรักษ์ รักษาราชการแทนอธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช กล่าวว่า พบพื้นที่ป่าเสียหายโดยสิ้นเชิงไปแล้วกว่า 1 ล้านไร่ ส่วนใหญ่เกิดไฟไหม้บริเวณหน้าดิน ซึ่งปกติจะสามารถฟื้นฟูได้เองตามธรรมชาติ ทั้งนี้ หากเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันกับปีก่อนเกิดไฟป่ารุนแรงมากกว่าถึง 2 เท่า เนื่องจากมีการสะสมของเชื้อเพลิงในช่วง 2 - 3 ปีที่ผ่านมา ทำให้ไฟลุกลามเร็วและเป็นวงกว้าง เช่น การเกิดไฟป่าในพื้นที่ภูชี้ฟ้า จ.เชียงราย ที่เกิดจากไฟป่าในพื้นที่และไฟป่าที่รุกลามมาจาก สปป.ลาว แต่ด้วยพื้นที่มีลักษณะทุ่งหญ้า ทำให้การฟื้นฟูไม่ยากหากฝนตกลงมาจะทำให้หญ้าแตกยอดอ่อนฟื้นฟูกลับมาได้ คาดการณ์สถานการณ์ไฟป่ายังต้องเฝ้าระวังไปจนถึงกลางเดือนเมษายนนี้


สำนักข่าว กรมประชาสัมพันธ์  28 มีนาคม 2566

นายอนุชา บูรพชัยศรี รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงสถานการณ์ล่าสุดของฝุ่น PM2.5 ว่า จากข้อมูลของจิสด้า หรือสำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ ประเทศไทยพบจุดความร้อนทั้งสิ้น 5,396 จุด ซึ่งจังหวัดที่พบจุดความร้อนมากที่สุด 3 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดน่าน พบ 555 จุด แม่ฮ่องสอน 429 จุด และ อุตรดิตถ์ 382 จุด โดยพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ได้สั่งการยกระดับมาตรการการป้องกันการแก้ไขปัญหามลพิษจากฝุ่นละออง PM2.5 อย่างเร่งด่วน ไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ได้ดำเนินการระดมเครือข่ายอาสาสมัครอุปกรณ์เครื่องมือ ในการลาดตระเวนเฝ้าระวัง เพื่อปฏิบัติการณ์เฝ้าระวังการดับไฟอย่างเข้มข้น กระทรวงมหาดไทยมีการกำชับไปยังจังหวัดห้ามเผาทุกพื้นที่ทุกกรณี รวมถึงให้มีการบริการหน่วยงานในพื้นที่ เพื่อลาดตระเวนเฝ้าระวัง กระทรวงอุตสาหกรรม สั่งการกำชับให้ โรงงานน้ำตาล งดรับอ้อยไฟไหม้ สำหรับกระทรวงคมนาคม สำนักงานตำรวจแห่งชาติ กรุงเทพมหานคร ได้มีการพิจารณามาตรการเรื่องของการจำกัดเวลาพื้นที่ และปริมาณสำหรับรถบรรทุกที่จะเข้ามาในเขตเมือง รวมถึงให้ทุกหน่วยงานบังคับใช้กฎหมาย กับผู้ลักลอบเผาและผู้กระทำความผิดอย่างเข้มข้น กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ โดยกรมฝนหลวงและการบินเกษตร ได้มีการปฎิบัติการทำฝนหลวง เพื่อบรรเทาสถานการณ์ไฟป่า หมอกควัน และฝุ่นละออง PM2.5 กระทรวงสาธารณสุข และกระทรวงมหาดไทย มีการจัดให้ทำห้องปลอดฝุ่น มีการแจกจ่ายอุปกรณ์ป้องกันฝุ่นเท่าที่จำเป็น รวมถึงยารักษาโรคในพื้นที่ พร้อมเร่งจัดบริการด้านการแพทย์ โดยการจัดรถคลินิกมลพิษเคลื่อนที่ในทุกจังหวัดที่เกี่ยวข้อง เพื่อตรวจสุขภาพและให้ความรู้กับประชาชน ส่วนกระทรวงการต่างประเทศ ได้มีการพูดคุยพร้อมสั่งการไปทางเอกอัครราชทูต เร่งประสานขอความร่วมมือไปยังประเทศเพื่อนบ้าน เรื่องการลดการเผาในพื้นที่การเกษตร

อีกทั้งนายกรัฐมนตรี ยังใช้ตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ประสานทางด้านหน่วยงานความมั่นคงเพิ่มเติมไปยังประเทศเพื่อนบ้าน เพื่อขอความร่วมมืองดการเผาในพื้นที่การเกษตร รวมถึงขอความร่วมมือกับบริษัทเอกชนของไทยที่เข้าไปลงทุนทำธุรกิจในประเทศเพื่อนบ้าน ให้ช่วยดูแลเรื่องการเผาในพื้นที่เกษตรในพื้นที่นั้นๆ อีกด้วย


สำนักข่าว กรมประชาสัมพันธ์  27 มีนาคม 2566

ประเทศไทย ร่วมกล่าวถ้อยแถลงเน้นความสำคัญการเข้าถึงน้ำสะอาดและสุขาภิบาล โดยเฉพาะน้ำอุปโภค-บริโภคในพื้นที่ชนบทและพื้นที่เศรษฐกิจสำคัญ ในเวทีการประชุมทบทวนการดำเนินการด้านน้ำในห้วงครึ่งแรกของทศวรรษระหว่างประเทศแห่งการดำเนินการ“น้ำสำหรับการพัฒนาที่ยั่งยืน” ค.ศ. 2018 – 2028 ครั้งที่ 2

นายสุรสีห์ กิตติมณฑล เลขาธิการสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) ในฐานะหัวหน้าคณะผู้แทนไทย พร้อมด้วยผู้แทนจากหน่วยงานด้านน้ำ ได้ร่วมประชุมทบทวนการดำเนินการด้านน้ำในห้วงครึ่งแรกของทศวรรษระหว่างประเทศแห่งการดำเนินการ “น้ำสำหรับการพัฒนาที่ยั่งยืน” ค.ศ. 2018 – 2028 ครั้งที่ 2 (UN 2023 Water Conference) ณ สำนักงานใหญ่สหประชาชาติ นครนิวยอร์ก ประเทศสหรัฐอเมริกา เพื่อสร้างความตระหนักรู้เกี่ยวกับวิกฤติน้ำทั่วโลกและตัดสินใจดําเนินการให้บรรลุเป้าหมายที่เกี่ยวข้องกับน้ำที่ตกลงกันในระดับสากล พร้อมสนับสนุนการแก้ปัญหาวิกฤตการณ์ต่างๆ และผลักดันประเด็นด้านน้ำของโลกไปสู่การบรรลุทศวรรษแห่งการดำเนินงานด้านน้ำ (Water Action Decade) โดยประเทศไทยได้ร่วมกล่าวถ้อยแถลงในนามรัฐบาลไทยเน้นความสำคัญการเข้าถึงน้ำสะอาดและสุขาภิบาล โดยเฉพาะน้ำอุปโภค-บริโภคในพื้นที่ชนบทและพื้นที่เศรษฐกิจสำคัญ รวมถึง การบริหารจัดการทรัพยากรน้ำที่คำนึงถึงการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและสร้างความยืดหยุ่นรับมือกับภัยพิบัติด้านน้ำต่างๆ ทั้งนี้ ยังได้เน้นให้เร่งผลักดันขับเคลื่อนการปฏิบัติการด้านน้ำให้บรรลุเป้าหมายการพัฒนาอย่างยั่งยืนให้ได้ภายในปี 2030 เช่น การลดช่องว่างทางการเงินสำหรับการพัฒนาและลงทุนด้านน้ำ การจัดทำฐานข้อมูลที่เป็นมาตรฐานในระดับประเทศ พร้อมส่งเสริมให้เกิดการถ่ายทอดองค์ความรู้ และเปลี่ยนเทคโนโลยีและนวัตกรรมที่คำนึงถึงภูมิปัญญาชาวบ้าน รวมทั้ง เร่งเสริมสร้างธรรมาภิบาลด้านน้ำผ่านการยกระดับความร่วมมือกับทุกภาคส่วน และสร้างการตระหนักรู้ในคุณค่าน้ำให้กับเด็กและเยาวชน

ทั้งนี้ ประเทศไทย ยังได้ร่วมสนับสนุนผ่านถ้อยแถลงต่อที่ประชุมสหประชาชาติ สำหรับการแต่งตั้งผู้แทนพิเศษด้านน้ำของสหประชาชาติ (UN Special Envoy on Water) เพื่อทำหน้าที่สนับสนุนการขับเคลื่อนในระดับนโยบายด้านน้ำให้เป็นรูปธรรม และสามารถบรรลุเป้าหมายการเข้าถึงน้ำสะอาดและสุขาภิบาลภายในปี 2030 ส่วนการประชุมคู่ขนานที่เกี่ยวข้องไทยได้ส่งผู้แทนเข้าร่วมพร้อมนำเสนอถ้อยแถลงและแลกเปลี่ยนประสบการณ์การจัดการที่ดีด้วย สำหรับการประชุมครั้งนี้เน้น 5 สาระสำคัญที่สนับสนุนเป้าหมายและตัวชี้วัดของ SDG 6 คือ ให้มีน้ำเพื่อใช้ประโยชน์และมีการจัดการน้ำและสุขาภิบาลอย่างยั่งยืนสำหรับทุกคน ประกอบด้วย น้ำเพื่อสุขภาพ // น้ำเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน // น้ำเพื่อสภาพภูมิอากาศ // น้ำเพื่อความยืดหยุ่นและสิ่งแวดล้อม // น้ำเพื่อความร่วมมือและทศวรรษของการปฏิบัติการด้านน้ำ


สำนักข่าว กรมประชาสัมพันธ์  26 มีนาคม 2566

กองอำนวยการน้ำแห่งชาติ (กอนช.) เฝ้าระวังเกิดพายุฤดูร้อน พายุฝนฟ้าคะนอง และลมกรรโชกแรงในหลายพื้นที่ของประเทศ ขณะที่หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งแผนบริหารจัดการน้ำเพื่อรับมือภัยแล้ง โดยเฉพาะพื้นที่เพาะปลูกข้าวนาปรังในพื้นที่ลุ่มเจ้าพระยาหากเก็บเกี่ยวแล้วเสร็จขอให้งดปลูกข่าวนาปรังรอบ 2

นายสุรสีห์ กิตติมณฑล เลขาธิการสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) ในฐานะรองผู้อำนวยการกองอำนวยการน้ำแห่งชาติ (กอนช.) กล่าวถึงสถานการณ์น้ำภาพรวมของประเทศวันนี้ (26 มี.ค.66) ว่า ความกดอากาศต่ำเนื่องจากความร้อนปกคลุมประเทศไทยตอนบน ทำให้ประเทศไทยตอนบนมีอากาศร้อนโดยทั่วไปกับมีฟ้าหลัวในตอนกลางวันและมีอากาศร้อนจัดบางพื้นที่ ขณะที่ลมใต้และลมตะวันตกเฉียงใต้ยังคงพัดปกคลุมภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง ภาคกลางตอนล่าง และภาคตะวันออก ทำให้ภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่างและภาคตะวันออกมีฝนฟ้าคะนองกับมีลมกระโชกแรงบางแห่ง จึงขอให้ประชาชนบริเวณดังกล่าวดูแลรักษาสุขภาพเนื่องจากสภาพอากาศที่ร้อนถึงร้อนจัด ระวังอันตรายจากฝนฟ้าคะนอง และลมกระโชกแรงที่เกิดขึ้นด้วย สำหรับลมตะวันออกเฉียงใต้และลมตะวันตกเฉียงเหนือพัดปกคลุมอ่าวไทย ภาคใต้ และทะเลอันดามัน ทำให้ภาคใต้มีฝนฟ้าคะนองบางแห่ง ช่วง 24 ชั่วโมงที่ผ่านมามีฝนตกปานกลางบริเวณ จ.นครราชสีมา , เชียงใหม่ และสตูล สำหรับสภาพอากาศถึงวันที่ 29 มีนาคม บริเวณความกดอากาศสูงกำลังปานกลางจากประเทศจีนจะแผ่ลงมาปกคลุมภาคตะวันออกเฉียงเหนือและทะเลจีนใต้ ส่งผลทำให้มีลมใต้และลมตะวันออกเฉียงใต้พัดนำความชื้นจากอ่าวไทยและทะเลจีนใต้เข้ามาปกคลุมประเทศไทยตอนบน ส่วนบริเวณประเทศไทยตอนบนมีอากาศร้อนทำให้บริเวณดังกล่าวมีพายุฤดูร้อนเกิดขึ้น โดยมีลักษณะของพายุฝนฟ้าคะนอง ลมกระโชกแรง และลูกเห็บตกบางแห่ง รวมถึง อาจมีฟ้าผ่าเกิดขึ้นได้บางพื้นที่ โดยจะเริ่มในภาคตะวันออกเฉียงเหนือก่อน ด้านภาคอื่นๆจะได้รับผลกระทบในระยะถัดไป

ทั้งนี้ กอนช. ได้ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการตามมาตรการรองรับหน้าแล้งอย่างเคร่งครัด เช่น หน่วยบัญชาการทหารพัฒนา ได้นำกำลังพลจิตอาสาพระราชทาน 4 นาย , กำลังพลชุดเคลื่อนที่เร็ว 4 นาย , รถประปาสนามเคลื่อนที่ 1 คัน , รถบรรทุกน้ำขนาด 9,000 ลิตร 1 คัน และ รถบรรทุกขนาดเล็ก 1 คัน ดำเนินการแจกจ่ายน้ำบริโภค 6,000 ลิตร และน้ำอุปโภค 2 เที่ยว ปริมาณน้ำ 18,000 ลิตร ให้กับประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากภัยแล้ง บริเวณบ้านดงยาง ตำบลน้ำเที่ยง อำเภอคำชะอี จังหวัดมุกดาหาร // กรมชลประทาน ได้จัดสรรน้ำให้เกษตรกรเพาะปลูกข้าวนาปรังช่วงหน้าแล้ง ปี 65/66 ทั่วประเทศแล้ว 19,682 ล้านลูกบาศก์เมตร โดยเฉพาะลุ่มเจ้าพระยาจัดสรรน้ำไปแล้วประมาณ 7,113 ล้านลูกบาศก์เมตร ปัจจุบันเพาะปลูกพืชทั้งประเทศ 9.96 ล้านไร่ หรือร้อยละ 96 ของแผนฯ โดยเฉพาะพื้นที่ลุ่มเจ้าพระยามีการเพาะปลูกแล้ว 6.31 ล้านไร่ หรือร้อยละ 95 ของแผนฯ ซึ่งเป็นไปตามแผนที่กำหนด โดยขอความร่วมมือจากเกษตรกรในพื้นที่ลุ่มเจ้าพระยาที่เพาะปลูกและเก็บเกี่ยวข้าวนาปรังแล้วเสร็จให้งดการเพาะปลูกข้าวนาปรังต่อเนื่อง (นาปรังรอบ 2) เพื่อไม่ให้กระทบต่อแผนการจัดสรรน้ำหน้าแล้ง และรักษาระดับน้ำเหนือเขื่อนเจ้าพระยาให้อยู่ในเกณฑ์ที่เหมาะสม สามารถส่งน้ำเข้าระบบชลประทานไปสนับสนุนการใช้น้ำอุปโภค-บริโภคและรักษาระบบนิเวศได้อย่างเพียงพอตลอดทั้งปี ลดความเสี่ยงต่อปัญหาการขาดแคลนน้ำที่อาจจะเกิดขึ้นในอนาคต และควบคุมคุณภาพน้ำในแม่น้ำเจ้าพระยาตอนล่างให้อยู่ในเกณฑ์ที่กำหนด


© 2024 Faculty of Environment and Resource Studies, Mahidol University . All Rights Reserved.