• +662 441 5000
  • This email address is being protected from spambots. You need JavaScript enabled to view it.

ข่าวสิ่งแวดล้อม

สำนักข่าว กรมประชาสัมพันธ์  17 มีนาคม 2566

นายประพิศ จันทร์มา อธิบดีกรมชลประทาน เปิดเผยว่า กรมชลประทานได้เตรียมรับช่วงน้ำหลากปี 66 ในพื้นที่จังหวัดพิษณุโลก สุโขทัย ด้วยการปรับเปลี่ยนปฏิทินการเพาะปลูกข้าวนาปี หรือโครงการบางระกำโมเดล ในพื้นที่ลุ่มต่ำทุ่งบางระกำ ให้เร็วขึ้นกว่าปกติ เพื่อลดผลกระทบผลผลิตเสียหายในช่วงน้ำหลาก โดยในปีนี้เป็นการดำเนินโครงการมาอย่างต่อเนื่องสู่ปีที่ 7

ในปีที่ผ่านมา กรมชลประทาน จัดสรรน้ำไปยังพื้นที่เป้าหมาย 265,000 ไร่ ปริมาณน้ำจัดสรร 310 ล้าน ลบ.ม. ให้เกษตรกรได้เพาะปลูกและเก็บเกี่ยวแล้วเสร็จเป็นไปตามแผนที่กำหนดทำให้ไม่มีพื้นที่ได้รับความเสียหายจากน้ำหลากแต่อย่างใด สำหรับในปีนี้ กรมชลประทาน ได้เริ่มทยอยปล่อยน้ำเข้าระบบส่งน้ำแล้วเมื่อวันที่ 15 มี.ค.66 ที่ผ่านมา


สำนักข่าว กรมประชาสัมพันธ์  16 มีนาคม 2566

วันที่ 16 มีนาคม 2566 เวลา 09.00 น. สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดแพร่รายงานว่า ที่ห้องประชุมอินทนิล สถาบันพัฒนาการป่าไม้ หรือโรงเรียนป่าไม้แพร่เดิม ตำบลในเวียง อำเภอเมือง จังหวัดแพร่ นายสมศักดิ์ สรรพโกศลกุล อธิบดีกรมส่งเสริมคุณภาพสิ่งแวดล้อม เป็นประธานการประชุมยกระดับการเฝ้าระวังป้องกันปัญหาไฟป่า หมอกควัน และฝุ่นละออง แก่เครือข่าย ทสม. 17 จังหวัดภาคเหนือ ตามนโยบายของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม โดยมีประธานเครือข่าย ทสม.จาก 17 จังหวัดภาคเหนือ หน่วยงานในสังกัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เข้าร่วมการประชุมดังกล่าว เพื่อให้เครือข่าย ทสม. และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้รับทราบแนวทางและซักซ้อมความเข้าใจในการเสริมบทบาทของเครือข่าย ทสม. เข้าร่วมกับหน่วยงานสังกัด กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ในจังหวัดต่างๆ และสร้างการรับรู้ให้กับชุมชนในการเฝ้าระวังป้องกัน ปัญหาไฟป่า หมอกควันและฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM 2.5 ในพื้นที่จังหวัดภาคเหนือ อย่างมีประสิทธิภาพ มีการบรรยายให้ความรู้ในเรื่องของนวัตกรรมการจัดการขยะอินทรีย์ที่ต้นทาง และการสร้างมูลค่าเพิ่มจากหนอนแมลงวันลายสู่ชุมชน และพิจารณาการส่งเสริมบทบาทเครือข่าย ทสม. และการบูรณาการขับเคลื่อนเครือข่าย ทสม. รวมถึงภาคี ในการเฝ้าระวังป้องกันปัญหาไฟป่าและหมอกควัน 17 จังหวัดภาคเหนือ สู่สังคมคาร์บอนต่ำ

อธิบดีกรมส่งเสริมคุณภาพสิ่งแวดล้อมกล่าวว่าปัญหาไฟป่าและหมอกควันนั้นมีมานาน ซึ่งต้องอาศัยความร่วมมือกันทุกฝ่ายในการแก้ไขปัญหา และที่สำคัญได้มีการฝึกอบรมการใช้โดรนเพื่อเข้ามาช่วยการแก้ไขปัญหาไฟป่า ซึ่งสามารถนำไปชี้จุดและวิเคราะห์ถึงสาเหตุของการเกิดไฟป่าในพื้นที่ โดยเฉพาะพื้นที่ที่เข้าถึงได้ยาก มุ่งเน้นการป้องกันไม่ให้เกิดไฟป่าดีกว่าเกิดแล้วเข้าไปดับไฟ ซึ่งสูญเสียในหลายๆ ด้านในการดูแลพื้นที่ป่าให้คงอยู่นั้นเป็นหน้าที่ของหลายฝ่ายเพื่อให้ป่าไม้คงอยู่คู่กับประเทศให้ลูกให้หลานได้ชื่นชม การจัดประชุมดังกล่าว นอกจากจะทำให้เครือข่าย ทสม. จาก 17 จังหวัดภาคเหนือไม่มาพบปะแลกเปลี่ยนเรียนรู้ ในการยกระดับบทบาทของ ทสม. ที่สามารถเข้าไปบูรณาการกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม


สำนักข่าว กรมประชาสัมพันธ์  15 มีนาคม 2566

คณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ มีมติเห็นชอบยกระดับมาตรการป้องกันและแก้ปัญหามลพิษจากฝุ่นละออง PM 2.5 ช่วงสถานการณ์วิกฤติในพื้นที่ 17 จังหวัด

นายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กล่าวว่า ที่ประชุมคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ (บอร์ดสิ่งแวดล้อม) ที่มี พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธาน ได้มีมติเห็นชอบยกระดับมาตรการป้องกันและแก้ปัญหามลพิษจากฝุ่นละออง PM 2.5 ช่วงสถานการณ์วิกฤติในพื้นที่ 17 จังหวัด เพื่อให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งดำเนินการให้กลับสู่สภาวะปกติโดยเร็วใน 3 พื้นที่ ทั้งพื้นที่เมือง พื้นที่ป่า และพื้นที่การเกษตร แบ่งเป็น มาตรการเร่งด่วน พื้นที่ป่า ปิดป่าและห้ามเผาทุกพื้นที่ // พื้นที่เมือง จำกัดเวลา-พื้นที่ จำกัดจำนวนรถบรรทุกเข้าเมือง , เข้มงวดกฎหมายเน้นตรวจจับปรับควันดำ และลงโทษผู้ลักลอบเผา // พื้นที่การเกษตร งดรับซื้ออ้อยไฟไหม้ // ส่วนการปกป้องประชาชน ทำฝนหลวง , จัดห้องปลอดฝุ่น แจกอุปกรณ์ป้องกัน ยารักษาโรค และเร่งสื่อสารต่อเนื่อง

สำหรับมาตรการระยะยาว ระหว่างปี 2567 - 2570 พื้นที่ป่า ลดความร้อนในพื้นที่ป่า (รายแห่ง) // พื้นที่เมือง นำรถเก่าออกจากระบบ , จำกัดปริมาณรถและโรงงาน , เพิ่มระบบติดตามตรวจสอบบ่งชี้แหล่งกำเนิด // พื้นที่การเกษตร เกษตรปลอดการเผา , เพิ่มการรับซื้อชีวมวล และลดการนำเข้าสินค้าเกษตรที่ทำให้เกิด PM 2.5 ส่วนการปกป้องประชาชน สร้างความเข้มแข็งประชาชน , เร่งพัฒนานวัตกรรม , จัดห้องปลอดฝุ่นหน่วยตรวจสุขภาพคลินิกมลพิษ


สำนักข่าว กรมประชาสัมพันธ์  14 มีนาคม 2566

กองอำนวยการน้ำแห่งชาติ (กอนช.) เฝ้าระวังฝนตกบางแห่งในพื้นที่ภาคใต้ เนื่องจากอิทธิพลลมตะวันออก พร้อมให้กรมเจ้าท่าขุดลอกแม่น้ำท่าจีนเพิ่มอัตราการไหลของน้ำและลดปัญหาอุทุกภัย

นายสุรสีห์ กิตติมณฑล เลขาธิการสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) ในฐานะรองผู้อำนวยการกองอำนวยการน้ำแห่งชาติ (กอนช.) กล่าวถึงสถานการณ์น้ำภาพรวมของประเทศวันนี้ (14 มี.ค.66) ว่า ภาคใต้มีฝนฟ้าคะนองบางแห่งเกิดขึ้น ช่วง 24 ชั่วโมงที่ผ่านมามีฝนตกหนักถึงหนักมากบริเวณ จ.ประจวบคีรีขันธ์ เนื่องจากลมตะวันออกพัดปกคลุมอ่าวไทย ภาคใต้ และทะเลอันดามัน ทำให้ภาคใต้มีฝนฟ้าคะนองบางแห่งเกิดขึ้น ส่วนคลื่นลมบริเวณอ่าวไทยตอนล่างมีกำลังปานกลาง โดยมีคลื่นสูง 1-2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ทั้งนี้ กอนช. ได้ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งติดตามการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำรับมือหน้าแล้งและอุทกภัย เช่น กรมเจ้าท่า ขุดลอกแม่น้ำท่าจีน ต.หินมูล อ.บางเลน จ.นครปฐม รวมระยะทางทำการขุดลอกไปแล้ว 136 เมตร หรือร้อยละ 11.48 เป็นการขุดลอกเพื่อบำรุงรักษาร่องน้ำให้มีความลึกและกว้างมากขึ้น เนื่องจากสภาพร่องน้ำเดิมมีผักบุ้ง ผักตบชวา และวัชพืชอื่นๆเกิดขึ้นตามแนวชายฝั่ง ทำให้ตะกอนสะสมอยู่ด้านใต้เป็นจำนวนมาก ช่วยเพิ่มอัตราการไหลของน้ำและลดปัญหาอุทุกภัย ซึ่งจะเกิดความเสียหายบ้านเรือนทรัพย์สิน ช่วยเพิ่มพื้นที่กักเก็บน้ำ และช่วยการระบายน้ำช่วงหน้าน้ำหลาก


สำนักข่าว กรมประชาสัมพันธ์  13 มีนาคม 2566

กรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช เตรียมขยายการใช้ระบบ E-Ticket มาบริหารจัดการอุทยานแห่งชาติให้ครอบคลุมทั้งประเทศให้แล้วเสร็จภายใน 2 ปี ขณะที่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) พอใจการแก้ปัญหาการจัดเก็บรายได้ของอุทยานแห่งชาติมีความคืบหน้า

นายอรรถพล เจริญชันษา อธิบดีกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง และรักษาราชการแทนอธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช กล่าวว่า จากการหารือกับคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เกี่ยวกับมาตรการป้องกันการทุจริตเกี่ยวกับการบริหารจัดการอุทยานแห่งชาติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 7 พฤษภาคม 2562 เพื่อให้การบริหารงานเกิดความโปร่งใส ใช้งบประมาณอย่างถูกต้องและมีประสิทธิภาพในกรมอุทยานฯ โดยเฉพาะเรื่อง E-Ticket ที่ถูกนำมาใช้นำร่องใน 6 อุทยานแห่งชาติก่อนหน้านี้มีแผนจะขยายใช้ให้ครบถ้วนทุกแห่งทั้งประเทศ ควบคู่กับพัฒนาระบบซอฟท์แวร์ให้มีประสิทธิภาพ โดยจะดำเนินการให้แล้วเสร็จภายใน 2 ปี เพื่อพิสูจน์ให้เห็นการนำระบบ E-ticket เข้ามาใช้จะสร้างความโปร่งใสให้การจับเก็บรายได้ของอุทยานแห่งชาติมีประสิทธิภาพ จัดเก็บได้อย่างเต็มเม็ดเต็มหน่วย และแก้ปัญหาการขาดดุลเรื่องรายได้ของอุทยาน รวมทั้ง พยายามใช้แนวทางการสร้างการรับรู้และสร้างเครือข่ายภาคประชาชนให้เข้ามาช่วยเป็นหูเป็นตาเฝ้าระวังปกป้องผืนป่าร่วมกับเจ้าหน้าที่รัฐ สำหรับการขาดดุลรายได้หลังจากปีนี้ที่ได้นำระบบ E-Ticket เข้ามาใช้จะสามารถจัดเก็บรายได้อย่างโปร่งใสมากขึ้น คาดว่า ปีนี้จะบริหารจัดการรายได้มาช่วยปิดยอดงบขาดดุลได้ พร้อมนำเงินรายได้ที่เหลือไปสนับสนุนส่งเสริมการทำงานของเจ้าหน้าที่พิทักษ์ป่าและซ่อมแซมอาคารในอุทยานแห่งชาติด้วย

ขณะที่ นายชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร ผู้อำนวยการสำนักอุทยานแห่งชาติ กล่าวว่า งบประมาณที่ถูกตัดออกไปต้องการให้รัฐบาลเห็นถึงความจำเป็นที่จะต้องมีงบประมาณเข้ามาใช้สนับสนุนการทำงานของผู้พิทักษ์ป่า เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานปกป้องและเพิ่มพื้นที่ป่าตามนโยบายรัฐบาล ขณะที่การจัดเก็บรายได้จากการท่องเที่ยวยังจัดเก็บได้ไม่มากก่อนหน้าเกิดวิกฤติโควิด-19 จำเป็นต้องจัดสรรงบประมาณสนับสนุนการทำงานของผู้พิทักษ์ป่าให้เป็นงบประมาณปกติที่ควรถูกให้ความสำคัญ

ด้าน นายอุทิศ บัวศรี รองเลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) กล่าวว่า ได้ติดตามเรื่อง E-ticket เพื่อป้องกันปัญหาการทุจริตในองค์กร พร้อมมีข้อเสนอแนะการประเมินยกระดับคะแนนการประเมินและการยกระดับคะแนนการประเมินคุณธรรมและความโปร่งใสในการดำเนินงานของหน่วยงานภาครัฐ (ITA) เพื่อประเมินคุณธรรมและความโปร่งใสการดำเนินงานของกรมอุทยานฯที่ควรต้องแบ่งการประเมินในหลายองค์ประกอบทั้งภายในและภายนอกป้องกันปัญหาการทุจริตไม่ให้เกิดขึ้น ส่วนเรื่องความจำเป็นที่ต้องใช้งบประมาณได้เสนอแนะให้กรมอุทยานฯใช้งบกองทุนที่เปิดให้ภาคเอกชนและมูลนิธิเข้ามาช่วยดูแลและป้องกันการทุจริต ส่วนอีกงบประมาณที่สามารถขอใช้ได้ คือ งบประมาณบูรณาการที่ ป.ป.ช. ได้รับมอบหมายจากคณะรัฐมนตรีให้ดูแลส่วนนี้อยู่ ภาพรวมการติดตามความคืบหน้าดีและน่าพอใจเป็นอย่างมาก โดยจะนำเรื่องที่หารือวันนี้ไปรายงานเลขาธิการและคณะกรรมการ ป.ป.ช.ต่อไป


สำนักข่าว กรมประชาสัมพันธ์  12 มีนาคม 2566

ภาคเหนือ ต้องเฝ้าระวังฝุ่น PM 2.5 ต่อเนื่อง หลังยังสูงในระดับสีแดงถึง 22 พื้นที่ สูงสุดบริเวณ ต.เวียงใต้ อ.ปาย จ.แม่ฮ่องสอน ส่วนกรุงเทพมหานครและปริมณฑลค่าฝุ่นลดลง แต่ต้องเฝ้าระวังพิเศษช่วงวันที่ 15 - 16 มีนาคม

นายปิ่นสักก์ สุรัสวดี อธิบดีกรมควบคุมมลพิษ (คพ.) ในฐานะประธานศูนย์แก้ไขปัญหามลพิษทางอากาศ (ศกพ.) กล่าวว่า วันนี้ (12 มี.ค.66) ค่าฝุ่นละอองขนาดไม่เกิน 2.5 ไมครอน (PM 2.5) ในพื้นที่ภาคเหนือ 17 จังหวัด ปรับตัวสูงขึ้นทุกพื้นที่ เกินมาตรฐานในระดับสีส้ม 10 พื้นที่ และสีแดง 22 พื้นที่ บริเวณจังหวัดเชียงใหม่ เชียงราย ลำปาง ลำพูน แม่ฮ่องสอน น่าน พะเยา ตาก สุโขทัย กำแพงเพชร และพิษณุโลก อยู่ที่ 92 - 187 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร พบฝุ่นสูงสุดบริเวณ ต.เวียงใต้ อ.ปาย จ.แม่ฮ่องสอน เพราะยังพบการเผาในที่โล่ง การเผาไร่อ้อย และการเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศที่มีผลต่อการสะสมของฝุ่น ประกอบกับลมที่พัดปกคลุมมีกำลังอ่อนและการระบายอากาศไม่ดี จึงขอความร่วมมือประชาชนงดการบริหารจัดการเชื้อเพลิงจนกว่าสถานการณ์จะคลี่คลายลง ทั้งนี้ ในพื้นที่ 17 จังหวัดภาคเหนือมีแนวโน้มฝุ่นละอองขึ้นสูงบริเวณภาคเหนือตอนบนและตอนล่างถึงวันที่ 16 - 19 มีนาคม โดยช่วงวันที่ 12 - 13 มีนาคม มีโอกาสพบเจอฝนตกบางพื้นที่ในภาคเหนือตอนบนและกรุงเทพมหานคร ขณะที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ พบค่าฝุ่น PM 2.5 ยังปรับตัวสูงขึ้นทุกพื้นที่ เกินมาตรฐานในระดับสีส้ม 13 พื้นที่ และสีแดง 2 พื้นที่ บริเวณ จ.เลย และนครพนม อยู่ที่ 96 - 124 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร

ขณะที่กรุงเทพมหานครและปริมณฑลคุณภาพอากาศดีถึงเริ่มมีผลกระทบต่อสุขภาพ โดยค่าฝุ่นหลายพื้นที่ปรับตัวลดลง เนื่องจากสภาพอากาศเปิด แต่ยังคงได้รับผลกระทบจากจุดความร้อน (Hotspot) จำนวนมากมาจากประเทศเพื่อนบ้านด้านฝั่งตะวันออกและในประเทศจากภาคตะวันตกที่เกิดไฟป่าอยู่ในหลายพื้นที่พัดพาฝุ่นละอองเข้ามาสะสม พบเกินมาตรฐานในระดับสีส้ม 6 พื้นที่ เช่น ริมถนนกาญจนาภิเษก เขตบางขุนเทียน // แขวงทุ่งวัดดอน เขตสาทร // แขวงบางซื่อ เขตบางซื่อ อยู่ที่ 52 - 64 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร ทั้งนี้ ศูนย์แบบจำลองคุณภาพอากาศและภูมิศาสตร์สารสนเทศ กรมควบคุมมลพิษ (คพ.) ได้คาดการณ์สถานการณ์ฝุ่นละออง PM 2.5 ตั้งแต่วันที่ 13 มีนาคมอาจมีแนวโน้มดีขึ้น เนื่องจากลมทางใต้ช่วยพัดพาฝุ่นละอองออกจากพื้นที่ แต่ต้องเฝ้าระวังพิเศษช่วงวันที่ 15 - 16 มีนาคมจะได้รับผลกระทบจากฝุ่นละอองข้ามพื้นที่ได้ แต่ขึ้นอยู่กับสภาพภูมิอากาศเป็นตัวแปรด้วย สามารถติดตามสถานการณ์คุณภาพอากาศได้ทางแอปพลิเคชั่น Air4Thai


สำนักข่าว กรมประชาสัมพันธ์  11 มีนาคม 2566

สำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ (องค์การมหาชน) หรือ GISTDA (จิสด้า) ใช้ดาวเทียมติดตามการเกิดไฟป่าพบจุดความร้อนในไทยจุดความร้อนยังทรงตัว พบมากในพื้นที่ป่าอนุรักษ์ โดยพบจุดความร้อนสูงสุดในจังหวัดกาญจนบุรี ส่วนประเทศเพื่อนบ้านสูงสุดที่เมียนมากว่า 7,000 จุด

สำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ (องค์การมหาชน) หรือ GISTDA (จิสด้า) ได้เปิดเผยข้อมูลจากดาวเทียมซูโอมิ เอ็นพีพี (Suomi NPP) ของระบบเวียร์ (VIIRS) เมื่อวานนี้ (10 มี.ค.66) พบจุดความร้อน (Hotspot) ทั้งประเทศ 1,585 จุด พบมากที่สุดในพื้นที่ป่าอนุรักษ์ 581 จุด // พื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ 444 จุด // พื้นที่เกษตร 249 จุด // พื้นที่เขต สปก. 177 จุด // พื้นที่ชุมชนและอื่นๆ 118 จุด และพื้นที่ริมทางหลวง 16 จุด ส่วนจังหวัดที่พบจุดความร้อนมากที่สุด คือ กาญจนบุรี 193 จุด ทั้งนี้ จากการตรวจสอบค่าฝุ่น PM 2.5 ผ่านแอปพลิเคชัน “เช็คฝุ่น” พบหลายพื้นที่ของประเทศอยู่ในระดับสีส้มและสีแดงเกินค่ามาตรฐานที่กำหนด และมีผลต่อสุขภาพ เช่น แม่ฮ่องสอน เชียงใหม่ เชียงราย ตาก น่าน พะเยา ลำพูน ลำปาง เลย แพร่ ขณะที่ทุกพื้นที่ของกรุงเทพมหานครอยู่ระดับปานกลางจนถึงเริ่มมีผลต่อสุขภาพ โดยพบฝุ่น PM2.5 สูงสุดบริเวณเขตบึงกุ่ม จึงควรสวมหน้ากากอนามัยทุกครั้งเพื่อป้องกันโรคระบบทางเดินหายใจที่อาจจะตามมา สำหรับจุดความร้อนของประเทศเพื่อนบ้านสูงสุดในเมียนมา 7,239 จุด // สปป.ลาว 3,358 จุด // กัมพูชา 1,657 จุด // เวียดนาม 811 จุด และมาเลเซีย 14 จุด


สำนักข่าว กรมประชาสัมพันธ์  10 มีนาคม 2566

นายประพิศ จันทร์มา อธิบดีกรมชลประทาน เปิดเผยว่า ปัจจุบัน อ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่และขนาดกลางทั่วประเทศ มีปริมาณน้ำรวมกันประมาณ 52,127 ล้าน ลบ.ม. คิดเป็นร้อยละ 68 ของความจุอ่างฯรวมกัน ในขณะที่มีการใช้น้ำทั้งประเทศไปแล้วกว่า 17,309 ล้าน ลบ.ม. คิดเป็นร้อยละ 63 ของแผนฯ สำหรับการเพาะปลูกข้าวนาปรังทั้งประเทศ มีการเพาะปลูกไปแล้วกว่า 9 ล้านไร่ เฉพาะลุ่มน้ำเจ้าพระยามีการเพาะปลูกไปแล้วกว่า 6 ล้านไร่ ได้กำชับไปยังโครงการชลประทานทั่วประเทศ ให้ติดตามสภาพอากาศและแนวโน้มปริมาณฝนอย่างใกล้ชิด เพื่อนำมาวิเคราะห์ในการบริหารจัดการน้ำให้สอดคล้องกับสถานการณ์ ที่สำคัญตรวจสอบอาคารชลประทาน ให้พร้อมใช้งานได้อย่างเต็มศักยภาพ หมั่นกำจัดสิ่งกีดขวางทางน้ำอย่างสม่ำเสมอและต่อเนื่อง

สำหรับพื้นที่ลุ่มต่ำโดยเฉพาะลุ่มน้ำเจ้าพระยาที่เพาะปลูกและเก็บเกี่ยวข้าวนาปรังแล้วเสร็จ ขอความร่วมมือจากเกษตรกรให้งดการทำนาต่อเนื่อง เพื่อให้การบริหารจัดการน้ำเป็นไปตามแผนที่กำหนด รวมทั้งขอความร่วมมือจากทุกภาคส่วนร่วมรณรงค์การใช้น้ำอย่างประหยัด เพื่อให้ปริมาณน้ำที่มีอยู่เพียงพอใช้ตลอดทั้งปี


© 2024 Faculty of Environment and Resource Studies, Mahidol University . All Rights Reserved.