• +662 441 5000
  • This email address is being protected from spambots. You need JavaScript enabled to view it.

ข่าวสิ่งแวดล้อม

สำนักข่าว กรมประชาสัมพันธ์  30 กันยายน 2565

กรมชลประทาน โดยศูนย์เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร เปิดตัวรถติดตามสถานการณ์น้ำเคลื่อนที่ (FAST 01) ภายใต้โครงการเพิ่มประสิทธิภาพติดตามสถานการณ์น้ำแบบเคลื่อนที่

รถติดตามสถานการณ์น้ำเคลื่อนที่ดังกล่าว เป็นการปรับปรุงรถตู้โดยออกแบบติดตั้งอุปกรณ์ระบบสื่อสารโทรคมนาคมเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการติดตามสถานการณ์น้ำ และเป็นห้องปฏิบัติการแบบเคลื่อนที่ ที่พร้อมนำเสนอข้อมูลจากพื้นที่จริงเข้าสู่ส่วนกลางเพื่อบริหารจัดการน้ำตามภารกิจได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยได้ติดตั้งระบบประชุมทางไกล ระบบถ่ายทอดสัญญาณสดผ่านเครือข่าย ระบบวิทยุสื่อสารและวิทยุสื่อสารผ่าน Mobile Application ระบบนำเสนอสัญญาณภาพและเสียง พร้อม Drone บินตรวจการ ระบบแม่ข่ายสัญญาณอินเทอร์เน็ตระบบสำรองไฟฟ้า และระบบปรับอากาศ เพื่อช่วยเพิ่มประสิทธิภาพและความคล่องตัวในการติดตามสถานการณ์น้ำนอกพื้นที่ได้อย่างแม่นยำและรวดเร็ว และทันต่อสถานการณ์ รวมถึงรองรับการปฏิบัติงานของบุคลากรในการลงพื้นที่เพื่อเก็บข้อมูลในการบริหารจัดการน้ำให้เกิดความสะดวกรวดเร็วและมีประสิทธิภาพสูงสุดในการปฏิบัติงาน


สำนักข่าว กรมประชาสัมพันธ์  29 กันยายน 2565

กรมชลประทาน โดยศูนย์ปฏิบัติการน้ำอัจฉริยะ (SWOC) รายงานสถานการณ์ลุ่มน้ำเจ้าพระยาปัจจุบัน (29 กันยายน 2565) เมื่อเวลา 06.00 น. ตรวจวัดปริมาณน้ำไหลผ่านสถานีวัดน้ำ C.2 จังหวัดนครสวรรค์ มีปริมาณน้ำไหลผ่าน 2,554 ลูกบาศก์เมตร (ลบ.ม.) ต่อวินาที มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น ระดับน้ำยังต่ำกว่าตลิ่ง 1.47 เมตร ในขณะที่ควบคุมปริมาณน้ำไหลผ่านเขื่อนเจ้าพระยา ในเกณฑ์ 2,300 ลบ.ม./วินาที ส่งผลให้ระดับน้ำด้านท้ายเขื่อนเจ้าพระยา เพิ่มสูงขึ้นจากปัจจุบัน

กรมชลประทาน ได้ใช้ระบบชลประทานทั้งฝั่งตะวันตกและตะวันออก ที่อยู่ทางตอนบนของเขื่อนเจ้าพระยา ในการบริหารจัดการน้ำอย่างเต็มศักยภาพ เพื่อลดผลกระทบต่อพื้นที่ด้านท้ายเขื่อนให้มากที่สุด ขอให้ประชาชนติดตามสภาพอากาศและสถานการณ์น้ำจากทางหน่วยงานราชการอย่างใกล้ชิด จนกว่าสถานการณ์จะเข้าสู่ภาวะปกติ หรือโทร. สอบถามข้อมูลได้ที่ สายด่วนกรมชลประทาน 1460 ได้ตลอดเวลา


สำนักข่าว กรมประชาสัมพันธ์  28 กันยายน 2565

นายสัตวแพทย์สรวิศ ธานีโต อธิบดีกรมปศุสัตว์ เปิดเผยว่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ได้สั่งการให้กรมปศุสัตว์ ตรวจสอบสถานที่เก็บซากสัตว์ เพื่อป้องกันการลักลอบนำเข้าซากสัตว์จากต่างประเทศ ที่ไม่มีใบอนุญาตและให้บังคับใช้กฎหมายลงโทษผู้กระทำความผิดอย่างเคร่งครัด โดยอาศัยอำนาจตาม พ.ร.บ.โรคระบาดสัตว์ พ.ศ.2558

ผลรายงานล่าสุด ได้ทำลายซากสัตว์ผิดกฎหมายกว่า 10 ตัน ที่ยึดได้จากห้องเย็นแห่งหนึ่งในนครปฐมและได้รับมอบซากสุกรจากกรมศุลกากร เพื่อทำลายชากสุกรของกลางอีกจำนวนกว่า 24 ตัน ตามข้อตกลงระหว่างกรมปศุสัตว์กับกรมศุลกากรในวันเดียวกัน ณ ด่านกักกันสัตว์นครสวรรค์ รวม 34 ตัน และจากการตรวจสอบห้องเย็นแห่งหนึ่งในจังหวัดนครปฐมพบว่าซากสัตว์ดังกล่าว ไม่มีเอกสารหลักฐานใดๆ ที่รับรองสุขศาสตร์ซากสัตว์จากหน่วยงานที่รับผิดชอบ ทำให้มีความเสี่ยงต่อการนำเชื้อโรคระบาด จึงเห็นสมควรให้ดำเนินการทำลายซากสัตว์ของกลางดังกล่าว ที่จังหวัดนครปฐมจำนวนกว่า 10,200 กิโลกรัม และได้รับมอบซากสุกรจากกรมศุลกากร เพื่อนำมาทำลายชากสุกรของกลางอีก จำนวน 23,800 กิโลกรัม ตามข้อตกลงระหว่างกรมปศสัตว์กับกรมศุลกากรในวันเดียวกัน ณ ด่านนักกันสัตว์นครสวรรค์ รวม 34,000 กิโลกรัม โดยได้ดำเนินการทำลายโดยวิธีฝังกลบเรียบร้อยแล้ว ตามระเบียบกรมปศุสัตว์ ว่าด้วยการทำลายซากสัตว์ที่ผิดกฎหมาย


สำนักข่าว กรมประชาสัมพันธ์  27 กันยายน 2565

กรมควบคุมมลพิษ (คพ.) ร่วมกับ ภาคเอกชน เปิดตัวแอปพลิเคชั่น Recycle Market (ตลาดรีไซเคิล) และแอปพลิเคชั่น “ฮีโร่ รีไซเคิล” เพื่อใช้เป็นดิจิทัลแพลตฟอร์มศูนย์กลางการซื้อขายวัสดุรีไซเคิลออนไลน์ของประเทศที่เชื่อมโยงทุกภาคส่วน

นายอรรถพล เจริญชันษา อธิบดีกรมควบคุมมลพิษ (คพ.) กล่าวว่า กรมควบคุมมลพิษ (คพ.) ร่วมกับ กลุ่มอุตสาหกรรมพลาสติก สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) และโครงการความร่วมมือภาครัฐ ภาคธุรกิจ ภาคประชาสังคม เพื่อจัดการพลาสติกและขยะอย่างยั่งยืน (PPP Plastics) ได้เปิดตัวแอปพลิเคชั่น Recycle Market (ตลาดรีไซเคิล) และแอปพลิเคชั่น “ฮีโร่ รีไซเคิล” ของเพจลุงซาเล้งกับขยะที่หายไป เพื่อใช้เป็นแอปพลิเคชั่นศูนย์กลางการซื้อขายวัสดุรีไซเคิลของประเทศที่เชื่อมโยงทุกภาคส่วน ทั้งประชาชนทั่วไป ซาเล้ง รถรับซื้อขอเก่า ร้านรับซื้อของเก่า โรงงานรีไซเคิล และรถขนส่งวัสดุรีไซเคิลให้สามารถติดต่อซื้อขายวัสดุรีไซเคิลได้โดยตรง พร้อมมีระบบสะสมแต้มที่นำไปแลกเป็นของรางวัลหรือสิทธิประโยชน์ต่างๆจากเครือข่ายบริษัทพันธมิตร ถือเป็นแรงจูงใจให้ประชาชนคัดแยกขยะเพิ่มมากขึ้น แล้วยังช่วยเพิ่มมูลค่าและคุณภาพให้กับพลาสติกและวัสดุรีไซเคิลอื่นๆ ส่งผลให้สามารถลดปริมาณขยะไปยังหลุมฝังกลบป้องกันขยะเล็ดรอดออกสู่สิ่งแวดล้อม สิ่งสำคัญการมีส่วนร่วมของประชาชนในการร่วมปรับเปลี่ยนพฤติกรรม การส่งเสริมการคัดแยกขยะ และการสนับสนุน Roadmap การบริหารจัดการขยะพลาสติกของภาครัฐจะช่วยให้ประเทศบรรลุเป้าหมายการนำพลาสติกกลับมาใช้ประโยชน์ได้ 100 เปอร์เซ็นต์ด้วย ทั้งนี้ แอปพลิเคชั่นดังกล่าวจะเป็นดิจิทัลแพลตฟอร์มที่เป็นตลาดกลางออนไลน์สำหรับซื้อ – ขายแลกเปลี่ยนขยะรีไซเคิล ระหว่างผู้ที่มีเศษพลาสติกหรือร้านรับซื้อของเก่ากับผู้ที่ต้องใช้เศษพลาสติกเป็นวัตถุดิบหรือโรงงานรีไซเคิล ซึ่งจะช่วยลดการนำเข้าเศษพลาสติกจากต่างประเทศ แล้วยังเพิ่มช่องทางการดึงขยะรีไซเคิลกลับเข้าสู่ระบบนำไปสู่การจัดการขยะพลาสติกอย่างยั่งยืน โดยสามารถโหลดแอปพลิเคชั่นได้ฟรีทั้งระบบ Android และ IOS

ด้าน นายภราดร จุลชาต ประธานโครงการความร่วมมือภาครัฐ ภาคธุรกิจ ภาคประชาสังคม เพื่อจัดการพลาสติก และขยะอย่างยั่งยืน (PPP Plastics) กล่าวว่า จากความตื่นตัวของภาคอุตสาหกรรมและแบรนด์สินค้าต่างๆ ทำให้อุปทานของเม็ดพลาสติกรีไซเคิลเพิ่มขึ้นมาก แต่โครงสร้างการจัดการขยะของประเทศยังไม่สามารถนำพลาสติกกลับเข้าสู่ระบบได้เพียงพอต่อความต้องการของตลาดได้ ดังนั้น การพัฒนาแอปพลิเคชั่น Recycle Market (ตลาดรีไซเคิล) จะเป็นเครื่องมือสำคัญเชื่อมโยงการซื้อขายวัสดุรีไซเคิลที่จะเพิ่มโอกาสให้พลาสติกและวัสดุรีไซเคิลอื่นๆกับเข้าสู่ระบบมากขึ้น ส่งผลให้เกิดแรงขับเคลื่อนทางธุรกิจในอุตสาหกรรมรีไซเคิล ที่จะส่งเสริมการจัดการพลาสติกและขยะอย่างยั่งยืนในอนาคตอย่างสมบูรณ์


สำนักข่าว กรมประชาสัมพันธ์  26 กันยายน 2565

นายระพีภัทร์ จันทรศรีวงศ์ อธิบดีกรมวิชาการเกษตร กล่าวว่า 8 เดือนแรกของปี 2565 ไทยส่งออกทุเรียนไปยังประเทศจีน มูลค่าเกือบแสนล้านบาท โดยมูลค่ารวมของการส่งออกผลไม้ทั้งหมด แสนล้านบาท สร้างรายได้ให้กับประเทศเป็นอย่างมาก แต่หลังจากวันที่ 6 กันยายนที่ผ่านมา จีนอนุญาตให้เวียดนามส่งออกทุเรียนไปยังจีนได้ ผู้ประกอบการและเกษตรกรควรเร่งปรับตัวเพื่อรับสภาพการแข่งขันของตลาดทุเรียนจีนที่จะมีผู้เล่นมากขึ้น ในอนาคตการแข่งขันในการส่งออกทุเรียนไปยังตลาดต่างประเทศ ประเด็นที่สำคัญที่ต้องคำนึงถึงคือ คุณภาพของทุเรียน ซึ่งทุเรียนที่มีคุณภาพดีย่อมเป็นที่ต้องการของผู้บริโภค

กรมวิชาการเกษตร มีคำแนะนำให้เกษตรกรรักษาคุณภาพ ในการผลิตทุเรียนคุณภาพในฤดูกาลถัดไป 4 กิจกรรมใหญ่ๆ ที่จะบำรุงรักษาต้นทุเรียนให้ได้ผลผลิตที่ดีในเขตพื้นที่ภาคตะวันออกภายหลังการเก็บเกี่ยวทุเรียน เช่น การเตรียมต้นให้พร้อมสำหรับการออกดอกแนะนำให้มีการตัดแต่งกิ่งเพื่อควบคุมทรงพุ่มและตัดกิ่งแห้ง หรือเป็นโรคออก เพื่อทำให้ทรงพุ่มโปร่ง ใส่ปุ๋ยเพื่อเพิ่มความอุดมสมบูรณ์ของดิน ควรมีการให้น้ำต้นทุเรียนเมื่อฝนทิ้งช่วงเกิน 7 วัน

การป้องกันโรคและแมลงที่สำคัญ ได้แก่ โรคใบไหม้ โรคใบติด โรครากเน่าโคนเน่า เพลี้ยชนิดต่างๆ ไรแดง และหนอนเจาะลำต้นทุเรียน การจัดการเพื่อเพิ่มปริมาณคุณภาพและผลผลิต ช่วงเดือน ม.ค-เม.ย เกษตรกรควรตัดแต่งผลอ่อน ที่มีรูปทรงบิดเบี้ยว ผลเล็ก และหนามแดงออก จำนวน 1-3 ครั้ง ตั้งแต่ผลอายุ 4-8 สัปดาห์ และให้ปุ๋ยหลังการตัดแต่งผลครั้งสุดท้าย เพื่อส่งเสริมการเจริญเติบโตของผล และคุณภาพเนื้อ และการเก็บเกี่ยวและการปฏิบัติหลังการเก็บเกี่ยวในสวน โดยกระดุมทอง ไม่น้อยกว่า 80 วันหลังดอกบาน ชะนี ไม่น้อยกว่า 100 วันหลังดอกบาน หมอนทอง ไม่น้อยกว่า 110 วันหลังดอกบาน

คำแนะนำของกรมวิชาการเกษตร จะช่วยลดต้นทุนและเพิ่มผลผลิตต่อไร่ รวมถึงขั้นตอนที่สำคัญที่สุดของธุรกิจทุเรียนก็คือ ควบคุมคุณภาพการผลิตไม่ตัดทุเรียนอ่อน เพื่อให้ทุเรียนไทยสามารถแข่งขันได้ ในส่วนของการคัดบรรจุ ต้องเข้มงวดตามมาตรการต่างๆ ที่กรมวิชาการเกษตรวางไว้อย่างเคร่งครัด เพื่อรักษาความเชื่อมั่นในการส่งออกทุเรียนไทยไปยังตลาดจีนที่เป็นตลาดใหญ่ที่สำคัญของไทย


สำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม  25 กันยายน 2565

ที่มา : https://www.khaosod.co.th/around-thailand/news_7284196

ทีมนักพฤกษศาสตร์ องค์การสวนพฤกษศาสตร์ ได้เข้าสำรวจพื้นที่เตรียมการจัดตั้งสวนพฤกษศาสตร์สุพรรณบุรี บริเวณเขาตะโกปิดทอง-เขาเพชรน้อย ได้ค้นพบกระเจียวที่มีลักษณะแตกต่างจากชนิดอื่น ในบริเวณพื้นที่ เตรียมจัดตั้งสวนพฤกษศาสตร์ฯ และพื้นที่ใกล้เคียง ได้แก่ วนอุทยานน้ำตกพุม่วง และพุหางนาค

นักพฤกษศาสตร์ขององค์การฯ ได้ตรวจสอบตัวอย่างเทียบเคียงกับกระเจียวชนิดอื่นๆ ทั่วโลก พบว่า เป็นกระเจียวชนิดใหม่ของโลกที่ยังมิได้มีการตั้งชื่อวิทยาศาสตร์มาก่อน จึงร่วมกับ รศ.ดร.สุรพล แสนสุข ผู้เชี่ยวชาญพืชวงศ์กระเจียว และนักวิชาการของมหาวิทยาลัยมหาสารคาม ทำการบรรยายลักษณะ โดยตั้งชื่อและตีพิมพ์ลงในวารสารสากล Biodiversitas เล่มที่ 22 ฉบับที่ 9 หน้า 4,579 เมื่อเดือนกันยายน พ.ศ.2565

กระเจียวสุพรรณ หรือ ขมิ้นสุพรรณ เป็นพืชสกุลกระเจียว จัดอยู่ในวงศ์ขิงข่า (Zingiberaceae) ที่มีเหง้าใต้ดิน เจริญเติบโตแตกใบและออกดอกเฉพาะในช่วงฤดูฝน ช่อดอกมีใบประดับที่มีสีสันหลากหลาย เช่น ขาว ชมพู หรือ สีอมม่วงแดง ดอกจริงมีสีขาว ที่กลีบปากมีแต้มสีเหลือง ปัจจุบันพบการกระจายพันธุ์ของกระเจียวสุพรรณที่เดียวในโลก อยู่ในบริเวณเขาตะโกปิดทอง และเขาเพชรน้อย อ.อู่ทอง จ.สุพรรณบุรี จึงถือเป็นพืชที่มีคุณค่ายิ่งของจังหวัดสุพรรณบุรีและประเทศไทย


สำนักข่าว กรมประชาสัมพันธ์  24 กันยายน 2565

นางจันทนา ภาคย์ทองสุข ผู้อำนวยการสำนักงานสิ่งแวดล้อมและควบคุมมลพิษที่ 5 กล่าวว่า จากกรณีเกิดเหตุน้ำมันในระบบทำความความร้อนรั่วไหล ของบริษัทอินโดรามาโพลีเอสเตอร์ อินดัสทรี จำกัด (มหาชน) ซึ่งเป็นโรงงานผลิตเม็ดพลาสติก ตำบลขุนแก้ว อำเภอนครชัยศรี จังหวัดนครปฐม เมื่อวันที่ 22 กันยายน ที่ผ่านมา ส่งผลให้เกิดไอระเหยและส่งกลิ่นเหม็น กระทบต่อประชาชนเป็นวงกว้าง ในพื้นที่อำเภอนครชัยศรี สามพราน และพุทธมณฑล ไปจนถึงบางพื้นที่ในจังหวัดนนทบุรี และกรุงเทพมหานคร

จากการตรวจสอบ พบว่า เป็นสารเคมีกลุ่มอะโรมาติกเบนซีน ชนิดไบฟินิลและไดฟินิลออกไซด์ เป็นสารที่มีกลิ่น ก่อให้เกิดความระคายเคือง เช่น แสบตา โพรงจมูก และระคายเคืองในระบบทางเดินหายใจ ซึ่งผู้ที่มีโรคประจำตัว เด็ก และผู้สูงอายุ อาจได้รับผลกระทบมากกว่าปกติ แต่ไม่ใช่สารก่อมะเร็งแต่อย่างใด จึงขอให้ประชาชนติดตามข้อมูลข่าวสารจากหน่วยงานราชการ เพื่อความรู้ความเข้าใจที่ถูกต้อง นอกจากนี้ ได้จัดชุดปฏิบัติการเคลื่อนที่เร็ว พร้อมเครื่องมือตรวจวัดคุณภาพอากาศ ออกปฏิบัติหน้าที่บริเวณที่ได้รับผลกระทบ หากประชาชนพบกลิ่นสารเคมีรั่วไหล สามารถติดต่อเจ้าหน้าที่ ได้ที่หมายเลขโทรศัพท์ 062-369-5198, 081-1955747 และ 094-5582884 เพื่อลงพื้นที่ตรวจสอบอย่างเร่งด่วนต่อไป


สำนักข่าว กรมประชาสัมพันธ์  23 กันยายน 2565

อธิบดีกรมควบคุมมลพิษ ย้ำ สารเคมีที่รั่วไหลจากโรงงานบริษัท อินโดรามา โพลีเอสเตอร์ อินดัสตรีส์ จำกัด (มหาชน) จ.นครปฐม จะส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมไม่มาก เพราะสารเคมีที่รั่วไหลมีปริมาณน้อย โดยจะให้เจ้าหน้าที่หมุนเวียนลงตรวจสอบสารตกค้างในสิ่งแวดล้อม ทั้งในดินและน้ำบริเวณพื้นที่รอบโรงงาน เพื่อสร้างความมั่นใจให้ประชาชน

นายอรรถพล เจริญชันษา อธิบดีกรมควบคุมพิษ (คพ.) กล่าวถึงความคืบหน้าการเกิดเหตุสารเคมีรั่วไหลประมาณ 30 ลิตร ของโรงงาน บริษัท อินโดรามา โพลีเอสเตอร์ อินดัสตรีส์ จำกัด (มหาชน) ต.ขุนแก้ว อ.นครชัยศรี จ.นครปฐม ว่า พบสารเคมีที่รั่วไหลออกมาเป็นสารน้ำมันถ่ายเทความร้อนที่มีส่วนผสมของสารไดฟีนิลและไบฟีนิล ส่วนกลิ่นที่เกิดขึ้นมาจากสารตกแต่งกลิ่นที่ผสมอยู่ สิ่งที่ทำให้ตรวจสอบได้ง่ายเมื่อเกิดเหตุรั่วไหลของสารเคมีภายในโรงงาน คพ. ได้ส่งเจ้าหน้าที่หน่วยปฏิบัติการพิทักษ์สิ่งแวดล้อม (ศปก.พล.) เข้าไปตรวจสอบในพื้นที่รัศมีประมาณ 20 กิโลเมตร เพื่อตรวจสอบอากาศและหาสารตกค้างในพื้นที่ดังกล่าว เนื่องจากตัวสารน้ำมันถ่ายเทความร้อนที่รั่วไหลออกมาเป็นสารระเหยทำให้ลอยขึ้นไปในบรรยากาศได้ไว และกระจายตัวเป็นวงกว้างจึงทำให้ประชาชนได้รับกลิ่นเหม็น แต่จะไม่ส่งผลกระทบต่อสุขภาพขนาดที่ทำให้สารก่อมะเร็งได้ เพราะมีปริมาณน้อย สูดดมในระยะสั้น แล้วเมื่อเวลาผ่านไปกลิ่นจะค่อยๆจาง ส่วนสารเคมีตัวดังกล่าวจะค่อยๆเจือจางลงและสลายจนหายไปเอง ทำให้ไม่ส่งผลกระทบมากนักหากเทียบกับเหตุกรณีโรงงานอื่นที่เคยเกิดสารเคมีรั่วไหลในลักษณะเดียวกัน

อธิบดีกรมควบคุมพิษ (คพ.) กล่าวย้ำว่า เพื่อสร้างความมั่นใจให้ประชาชน คพ.จะส่งเจ้าหน้าที่ลงไปตรวจสอบตามแหล่งน้ำ หรือท่อระบายน้ำต่างๆ และผิวดินโดยรอบโรงงานที่เกิดเหตุ เพื่อหาสารตกค้างแล้วจะประเมินความเสียหายที่ส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม คาดว่า มีโอกาสน้อยที่จะพบเพราะสารเคมีที่รั่วไหลมีปริมาณน้อยและอาจไม่ได้ส่งผลกระทบรุนแรงต่อสิ่งแวดล้อม สำหรับต้นตอของปัญหาที่เกิดจากโรงงานอุตสาหกรรมกรมโรงงานอุตสาหกรรมต้องไปตรวจสอบหาสาเหตุและหาแนวทางป้องกันไม่ให้เกิดซ้ำอีก ขณะที่ผู้ประกอบการโรงงานดังกล่าวต้องรับผิดชอบต่อสังคม โดยเฉพาะเรื่องเยียวยาให้ประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ครั้งนี้ด้วย


© 2024 Faculty of Environment and Resource Studies, Mahidol University . All Rights Reserved.