• +662 441 5000
  • This email address is being protected from spambots. You need JavaScript enabled to view it.

ข่าวสิ่งแวดล้อม

สำนักข่าว กรมประชาสัมพันธ์  19 เมษายน 2566

คณะกรรมการนโยบายป่าไม้แห่งชาติ มีมติให้เพิกถอนป่าสงวนแห่งชาติที่มีปัญหาพื้นที่ทับซ้อน เพื่อลดความเดือดร้อนให้ประชาชน พร้อมเห็นชอบไม่ปรับปรุงนโยบายป่าไม้แห่งชาติ

นายจตุพร บุรุษพัฒน์ ปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กล่าวว่า จากการประชุมคณะกรรมการนโยบายป่าไม้แห่งชาติ (คปช.) ที่มี พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธาน ได้หารือการเร่งขับเคลื่อน 3 เรื่องสำคัญ ทั้งการทบทวนนโยบายป่าไม้แห่งชาติ และเพิกถอนพื้นที่ทับซ้อนบางส่วนของป่ากุยบุรี ป่าแม่ตาล ป่าแม่ยุย ป่าแม่หาด เพื่อแก้ปัญหาความเดือดร้อนให้ประชาชนในพื้นที่อย่างเร่งด่วน โดยที่ประชุมได้พิจารณาเพิกถอนป่าสงวนแห่งชาติ ป่ากุยบุรีบางส่วน ในพื้นที่ตำบลบ่อนอก ตำบลอ่าวน้อย ตำบลเกาะหลัก ตำบลคลองวาฬ ตำบลห้วยทราย อำเภอเมืองประจวบคีรีขันธ์ จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ โดยกรมป่าไม้และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมกันตรวจสอบการทับซ้อนของพื้นที่ดังกล่าวแล้ว พบป่าสงวนแห่งชาติป่ากุยบุรีทับซ้อนพื้นที่นิคมสร้างตนเองจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เนื้อที่ประมาณ 56,605 ไร่ จึงพิจารณาเห็นควรให้เพิกถอนป่าสงวนแห่งชาติบริเวณที่ทับซ้อนดังกล่าว รวมถึง พิจารณาการเพิกถอนป่าสงวนแห่งชาติป่าแม่ตาลและป่าแม่ยุย และป่าสงวนแห่งชาติ ป่าแม่หาด บางส่วน ที่ทับซ้อนกับพื้นที่นิคมสร้างตนเอง เนื้อที่ประมาณ 31,106 ไร่ ส่วนพื้นที่ที่มีสภาพป่าเนื้อที่ประมาณ 15,096 ไร่ ให้กันไว้เป็นป่าสงวนแห่งชาติ โดยให้อยู่ในความดูแลและรับผิดชอบของกรมป่าไม้ต่อไป และการเพิกถอนป่าสงวนแห่งชาติป่าแม่หาดบางส่วนที่ทับซ้อนกับพื้นที่นิคมสร้างตนเอง เนื้อที่ประมาณ 31,521 ไร่ เห็นควรให้เพิกถอนป่าสงวนแห่งชาติออกจากพื้นที่นิคมสร้างตนเอง ส่วนพื้นที่ที่มีสภาพป่า เนื้อที่ประมาณ 7,519 ไร่ ให้กันไว้เป็นป่าสงวนแห่งชาติ โดยให้อยู่ในความดูแลของกรมป่าไม้ต่อไปเช่นกัน

ทั้งนี้ ที่ประชุมยังได้พิจารณาการทบทวนนโยบายป่าไม้แห่งชาติตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยคณะกรรมการนโยบายป่าไม้แห่งชาติ พ.ศ. 2560 กำหนดให้ทบทวนนโยบายป่าไม้แห่งชาติทุก 3 ปี ซึ่งครบกำหนดที่ต้องทบทวนตามระเบียบดังกล่าว จึงมีมติเห็นชอบไม่ปรับปรุงนโยบายป่าไม้แห่งชาติ โดยให้คงวัตถุประสงค์ของนโยบายป่าไม้แห่งชาติ 4 ประการ บทบัญญัตินโยบายป่าไม้แห่งชาติ 24 ข้อ ครอบคลุม 3 ด้าน คือ ด้านการจัดการป่าไม้ // ด้านการใช้ประโยชน์ผลิตผลและการบริการจากป่าไม้และอุตสาหกรรมป่าไม้ และด้านการพัฒนาระบบบริหารและองค์กรเกี่ยวกับการป่าไม้ไว้เช่นเดิม พร้อมให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาตามขั้นตอนต่อไป


สำนักข่าว กรมประชาสัมพันธ์  18 เมษายน 2566

นายอนุชา บูรพชัยศรี รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า นายกรัฐมนตรี กล่าวในที่ประชุม ครม. ถึงการบูรณาการการทำงานของหลายกระทรวง ในการแก้ไขปัญหาฝุ่นละออง PM2.5 โดยเน้นย้ำให้หน่วยงานต่างๆ ติดตามอย่างใกล้ชิด และรายงานให้ทราบทุก 3 วัน เพื่อเร่งแก้ไขปัญหาอย่างทันท่วงที ซึ่งจากแรงงานภาพถ่ายดาวเทียม จะเห็นว่าจุดความร้อนในประเทศไทยสามารถควบคุมให้ลดลงได้อย่างต่อเนื่อง ส่วนของประเทศเพื่อนบ้านก็ยังคงเฝ้าระวังอยู่

นายกรัฐมนตรี ระบุว่า ได้หารือกับผู้นำเมียนมา และผู้นำ สปป.ลาว ผ่านเทเลคอนเฟอเรนซ์แล้ว ซึ่งจะต้องติดตามความคืบหน้าต่อไป และอาจจะไม่ใช่เฉพาะเพื่อนบ้านในอาเซียนเท่านั้น เพราะยังมีฝุ่นควัน ที่มาจากแถบประเทศอินเดียด้วย ดังนั้นอาจจะต้องนำเรื่องฝุ่น PM2.5 ไปพูดในเวทีต่างๆ ด้วย อย่างไรก็ตามก็ต้องขอความร่วมมือจากประชาชน ปฏิบัติตามมาตรการที่ส่วนราชการกำหนดเพื่อลดปริมาณฝุ่นละออง PM2.5 รวมถึงหมอกและควันด้วย

นายกรัฐมนตรี ยังสั่งการให้มีการป้องกันและแก้ไขปัญหาภัยแล้ง ซึ่งปีนี้อาจมีผลกระทบจากสภาพดินฟ้าอากาศที่มีภัยแล้งเข้ามา โดยที่สั่งการให้ใหม่ๆ ที่เกี่ยวข้องเฝ้าระวังติดตามข้อมูลสภาพอากาศ ปริมาณฝนที่ตก ปริมาณน้ำในอ่างเก็บน้ำต่างๆ รวมถึงวิเคราะห์และประเมินสถานการณ์ที่อาจส่งผลให้เกิดภัยแล้งในพื้นที่เพื่อเสนอเป็นข้อมูลในการตัดสินใจด้วย รวมถึงต้องมีแผนเผชิญเหตุ ดำเนินการป้องกันแก้ไขปัญหาภัยแล้งได้อย่างทันท่วงที นอกจากนั้นยังสั่งการให้วางแผนการบริหารจัดการน้ำ ทั้งการใช้น้ำในการอุปโภคบริโภค รวมสินรักษาระบบนิเวศ การเกษตรและอุตสาหกรรม รวมทั้งกำหนดแนวทางการระบายและกักเก็บน้ำไว้ใช้ประโยชน์ในแหล่งต่างๆ ให้เพียงพอในปีนี้ ตลอดจนทบทวนและจะทำแผนเผชิญเหตุภัยแล้งของจังหวัดให้สอดคล้องและเหมาะสมกับสถานการณ์ในพื้นที่ ไม่มีการสำรวจพื้นที่หมู่บ้านชุมชนที่เคยเกิดปัญหากรณีขาดแคลนน้ำเพื่อการอุปโภคบริโภคเป็นประจำอยู่แล้วเพื่อเฝ้าดูไม่ให้มีปัญหาดังกล่าวเกิดขึ้น และให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องกำหนดแผนปฏิบัติการ เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดปัญหาขึ้นอีก

นายกรัฐมนตรี สั่งการให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ประสานดำเนินการ จัดสรรน้ำเพื่อการเกษตร ตามแผนป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยด้านการเกษตรในช่วงฤดูแล้งและกำหนดมาตรการรองรับในพื้นที่เฝ้าระวัง เสี่ยงขาดเติมน้ำ โดยเฉพาะกรณีพืชที่มีความสำคัญกับเศรษฐกิจ รวมถึงประสานกรมฝนหลวงและการบินเกษตรปฏิบัติการพื้นที่การเกษตร เมื่อสภาวะอากาศเอื้ออำนวย เพื่อกักเก็บน้ำเพิ่มเติมในแหล่งน้ำต่างๆให้ได้มากที่สุด และเตรียมความพร้อมกำลังเจ้าหน้าที่ เครื่องมือต่างๆ เพื่อดำเนินการ ทั้งในส่วนพลเรือน ทหาร องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เพื่อดูแลช่วยเหลือประชาชนในพื้นที่เสี่ยงภัยตลอด 24 ชั่วโมง และให้ฝ่ายปกครอง ร่วมกับทหาร ตำรวจ ในพื้นที่สอดส่องทำความเข้าใจและช่วยเหลือประชาชนที่ประสบภัย โดยเฉพาะการขายคราบน้ำเพื่ออุปโภคบริโภค รักน้ำเพื่อการเกษตร รวมทั้งสร้างการรับรู้ต่างๆ ให้เข้าใจถึงสถานการณ์น้ำในพื้นที่ มาตรการบริหารจัดการน้ำภาครัฐ พี่ให้เกิดความร่วมมือในการใช้น้ำอย่างประหยัด

ที่ประชุม ยังรับทราบ เรื่องที่ประเทศไทย ได้เสนอตัวเป็นเจ้าภาพการประชุมประจำปี สภาผู้ว่าการธนาคารโลก และกองทุนการเงินระหว่างประเทศ ที่จะเกิดขึ้นในปี 2569 โดยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง จากแถลงรายละเอียดให้ทราบในวันพรุ่งนี้ต่อไป


สำนักข่าว กรมประชาสัมพันธ์  17 เมษายน 2566

กองอำนวยการน้ำแห่งชาติ (กอนช.) เฝ้าระวังฝนตกหนักบางแห่งในภาคใต้ พร้อมให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องบริหารจัดการน้ำรับมือภัยแล้งและบรรเทาความเดือดร้อนให้กับประชาชน

นายสุรสีห์ กิตติมณฑล เลขาธิการสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) ในฐานะรองผู้อำนวยการกองอำนวยการน้ำแห่งชาติ (กอนช.) กล่าวถึงสถานการณ์น้ำภาพรวมของประเทศวันนี้ (17 เม.ย.66) ว่า ภาคใต้มีฝนฟ้าคะนองเกิดขึ้นบางพื้นที่และมีฝนตกหนักบางแห่งในภาคใต้ฝั่งตะวันออก ช่วง 24 ชั่วโมงที่ผ่านมามีฝนตกปานกลางถึงหนักบริเวณ จ.นครศรีธรรมราช ขณะเดียวกันได้ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งบริหารจัดการน้ำรับมือภัยแล้งและการขาดแคลนน้ำปีนี้ เช่น กรมทรัพยากรน้ำ เร่งทำโครงการอนุรักษ์ฟื้นฟูแหล่งน้ำแก้มลิง หมู่ที่ 2 เชื่อมต่อคลองน้ำชุ พร้อมระบบกระจายน้ำด้วยพลังงานแสงอาทิตย์ใน ต.บ้านโคก อ.เมืองเพชรบูรณ์ จ.เพชรบูรณ์ เพื่อสร้างความมั่นคงของน้ำภาคการผลิตให้กับประชาชนในพื้นที่ หากแล้วเสร็จจะมีความจุเก็บกัก 219,000 ลูกบาศก์เมตร ประชาชนได้รับประโยชน์ 340 ครัวเรือน และพื้นที่เกษตรได้รับประโยชน์ 660 ไร่ รวมทั้ง ตรวจสอบและซ่อมบำรุงรักษาสถานีระบบโทรมาตรและระบบส่งสัญญานด้วยภาพ CCTV ในพื้นที่ลุ่มน้ำทะเลสาบสงขลา จังหวัดพัทลุงและสงขลา เพื่อเป็นข้อมูลให้กับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเตรียมรับมือบรรเทาความเดือดร้อนให้กับประชาชนช่วงหน้าแล้งและฤดูฝน

ขณะที่ กองทัพบก ได้จัดกำลังพลจิตอาสาและรถบรรทุกน้ำเข้าช่วยเหลือประชาชนที่ประสบภัยแล้งในพื้นที่บ้านปัวชัย ตำบลฝายแก้ว อำเภอภูเพียง จังหวัดน่าน 12 ครอบครัว ซึ่งประสบปัญหาภัยแล้งฝนทิ้งช่วงเดือดร้อนน้ำอุปโภค-บริโภค โดยจัดรถบรรทุกน้ำขนาด 6,000 ลิตร แจกจ่ายให้ประชาชนที่เดือดร้อน


สำนักข่าว กรมประชาสัมพันธ์  16 เมษายน 2566

นายพริษฐ์ นราสฤษดิ์กุล หัวหน้าอุทยานแห่งชาติหาดเจ้าไหม จังหวัดตรัง เปิดเผยว่า ในทุกปีช่วงฤดูกาลท่องเที่ยว หรือช่วงเทศกาลที่มีวันหยุดยาวหลายวัน จะมีนักท่องเที่ยวมานอนกางเต็นท์สัมผัสธรรมชาติริมทะเลในเขตอุทยานแห่งชาติหาดเจ้าไหม จังหวัดตรัง เป็นจำนวนมาก โดยสิ่งที่ตามมาคือ ขยะจำนวนมาก ส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม ธรรมชาติ สัตว์ทะเลและสัตว์ป่า ในพื้นที่อุทยานแห่งชาติหาดเจ้าไหม

ดังนั้น อุทยานแห่งชาติหาดเจ้าไหม จังหวัดตรัง จึงได้จัดโครงการขยะกลับบ้าน เพื่อรณรงค์สร้างจิตสำนึกให้ประชาชนและนักท่องเที่ยวได้เห็นความสำคัญของการรักษาสิ่งแวดล้อม โดยนักท่องเที่ยวที่เข้ามาท่องเที่ยวภายในอุทยานแห่งชาติหาดเจ้าไหม สามารถเก็บขยะมาแลกรับของรางวัลเป็นกระเป๋าถุงผ้า หรือเป็นอุปกรณ์เครื่องเขียนสำหรับเด็กๆ ได้ที่ เต็นท์โครงการทางซ้ายก่อนทางเข้าอุทยาน ซึ่งได้รับความสนใจและความร่วมมือจากประชาชนและนักท่องเที่ยวเป็นอย่างดี


สำนักข่าว กรมประชาสัมพันธ์  15 เมษายน 2566

ว่าที่ร้อยตรี ธนะสิทธิ์ เอี่ยมอนันชัย รองอธิบดีกรมอุตุนิยมวิทยา เปิดเผยว่า ได้ประกาศเตือนพายุฤดูร้อนบริเวณประเทศไทยตอนบน ฉบับที่ 6 มีผลกระทบจนถึงวันที่ 16 เมษายน 2566 จากมวลอากาศเย็นกำลังปานกลางได้แผ่ลงมาปกคลุมประเทศเวียดนามตอนบน ซึ่งจะแผ่ลงมาปกคลุมภาคตะวันออกเฉียงเหนือด้านตะวันออกและทะเลจีนใต้ในวันนี้ ส่งผลให้ลมใต้และลมตะวันออกเฉียงใต้ที่พัดนำความชื้นจากอ่าวไทยและทะเลจีนใต้เข้ามาปกคลุมประเทศไทยตอนบนมีกำลังแรงขึ้น ในขณะที่ประเทศไทยมีอากาศร้อนถึงร้อนจัด ลักษณะเช่นนี้ทำให้มีพายุฤดูร้อนเกิดขึ้น มีลักษณะของพายุฝนฟ้าคะนอง ลมกระโชกแรง และลูกเห็บตกบางแห่ง รวมถึงอาจมีฟ้าผ่าเกิดขึ้นได้บางพื้นที่

โดยวันนี้ (25 เม.ย.66) ขอให้ประชาชนใน 24 จังหวัด ในพื้นที่จังหวัดภาคตะวันออกเฉียงเหนือ อาทิ จังหวัดอุดรธานี หนองคาย บึงกาฬ สกลนคร นครพนม มุกดาหาร และภาคตะวันออก ได้แก่ จังหวัดนครนายก ปราจีนบุรี สระแก้ว ฉะเชิงเทรา จันทบุรี และตราด ระวังอันตรายจากพายุฤดูร้อนที่อาจจะเกิดขึ้น หลีกเลี่ยงการอยู่ในที่โล่งแจ้ง ใต้ต้นไม้ใหญ่ สิ่งปลูกสร้างและป้ายโฆษณาที่ไม่แข็งแรง ไม่ควรสวมใส่โลหะและหลีกเลี่ยงการใช้โทรศัพท์มือถือขณะเกิดพายุฝนฟ้าคะนอง สำหรับเกษตรกรควรเตรียมการป้องกันและระวังความเสียหายที่จะเกิดต่อผลผลิตทางการเกษตรและอันตรายต่อสัตว์เลี้ยง

สำหรับการตรวจวัดอุณหภูมิของประเทศไทยวานนี้ (14 เม.ย.66) สูงสุดอยู่ที่อำเภอเถิน จังหวัดลำปาง วัดได้ 43.4 องศาเซลเซียส ซึ่งถือว่าเป็นตามความคาดการณ์ว่า อากาศจะร้อนจัดจะอยู่ที่ประมาณ 43 องศาเซลเซียส


สำนักข่าว กรมประชาสัมพันธ์  14 เมษายน 2566

นายแพทย์ไพโรจน์ สุรัตนวนิช รองอธิบดีกรมการแพทย์ กล่าวว่า ปัจจุบันสภาพอากาศของประเทศไทยมีอุณหภูมิสูงขึ้นและปัญหาฝุ่น PM 2.5 เกินมาตราฐานติดอับดับต้นๆ ของโลก ทำให้ประชาชนต้องหันมาดูแลสุขภาพกันมากขึ้น โดยเฉพาะกลุ่มผู้สูงอายุเนื่องจากอายุที่มากขึ้นภูมิคุ้มกันต่าง ๆ ลดลง ร่วมกับประสิทธิภาพการทำงานของร่างกายลดลงจึงส่งผลอันตรายมากกว่าช่วงวัยอื่นๆ

ด้าน แพทย์หญิงพัชรินทร์ ปิงเมืองแก้ว รองผู้อำนวยการสถาบันเวชศาสตร์สมเด็จพระสังฆราชญาณสังวรเพื่อผู้สูงอายุ กรมการแพทย์ แนะนำการดูแลสุขภาพผู้สูงอายุในหน้าร้อนและฝุ่น PM 2.5 ดังนี้

1. พักผ่อนให้เพียงพอ รับประทานผักและผลไม้ที่มีสีส้มและเหลือง เนื่องจากมีสารต้านอนุมูลอิสระ เช่น มะเขือเทศราชินี แครอท ฟักทอง มะม่วงสุก เป็นต้น

2. การปรับอุณหภูมิของร่างกายที่เปลี่ยนแปลงรวดเร็วด้วยการดื่มน้ำ โดยปกติควรดื่มน้ำวันละประมาณ 6-8 แก้ว แต่ถ้าหากอยู่กลางแดดร้อนอาจดื่มได้มากกว่านี้

3. การป้องกันสายตาและผิวหนังจากแสงแดดจ้าในการทำกิจกรรมกลางแจ้งนาน ๆ เช่น สวมแว่นกันแดด สวมหมวก ใส่เสื้อผ้าที่ปกปิดร่างกาย เป็นต้น

4. หลีกเลี่ยงการทำกิจกรรมต่าง ๆ กลางแจ้งหากเป็นวันที่ค่าของฝุ่น PM 2.5 เกินค่ามาตรฐานพิจารณาให้ออกกำลังกายภายในอาคารแทน

5. ผู้สูงอายุที่มีโรคภูมิแพ้จมูก โพรงจมูกอักเสบ และหอบหืด ควรใช้ยาสูดทางปาก และยาพ่นจมูกต่อเนื่อง หลีกเลี่ยงสารก่อภูมิแพ้ พิจารณาการล้างจมูกอาจช่วยลดทั้งฝุ่น PM 2.5 ในทางเดินหายใจส่วนบน และสารก่อภูมิแพ้ได้

6. ผู้สูงอายุที่มีโรคภูมิแพ้ผิวหนัง แนะนำใส่เสื้อผ้าที่ปกปิดร่างกายมิดชิด และหลังกลับเข้ามาภายในอาคารแนะนำเปลี่ยนเสื้อผ้า อาบน้ำ สระผม ชำระล้างร่างกายที่อาจนำพาฝุ่นเข้ามาภายในอาคาร

7. สวมหน้ากากอนามัยที่สามารถกรอง PM 2.5 ได้ ทุกครั้งก่อนออกจากบ้าน

ทั้งนี้ การให้ผู้สูงอายุได้สัมผัสแสงแดด ช่วงเช้าตรู่และช่วงเย็น ระยะเวลาสั้น ๆ ประมาณ 10 - 15 นาที เพื่อให้ร่างกายผลิตวิตามิน D ซึ่งเป็นวิตามินที่ร่างกายสามารถสร้างเองได้โดยการกระตุ้นจากรังสียูวีบี (UVB) จะมีส่วนช่วยในการสร้างภูมิคุ้มกันของร่างกาย สามารถป้องกันโรค โดยเฉพาะภาวะกระดูกพรุน กล้ามเนื้ออ่อนแรงในวัยผู้สูงอายุได้


สำนักข่าว กรมประชาสัมพันธ์  13 เมษายน 2566

ค่าฝุ่น PM 2.5 ภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ยังปรับตัวสูงขึ้นต่อเนื่อง ผลกระทบจากจุดความร้อนในประเทศและประเทศเพื่อนบ้าน โดย ต.เวียงใต้ อ.ปาย จ.แม่ฮ่องสอน พบสูงเกือบ 300 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร

นายปิ่นสักก์ สุรัสวดี อธิบดีกรมควบคุมมลพิษ (คพ.) ในฐานะประธานศูนย์แก้ไขปัญหามลพิษทางอากาศ (ศกพ.) กล่าวว่า วันนี้ (13 เม.ย.66) ค่าฝุ่นละอองขนาดไม่เกิน 2.5 ไมครอน (PM 2.5) ในพื้นที่ภาคเหนือ 17 จังหวัด ยังสูงหลายพื้นที่ เกินมาตรฐานในระดับสีแดง 23 พื้นที่ ใน จ.แม่ฮ่องสอน เชียงราย ลำพูนลำปาง น่าน แพร่ พะเยา พิษณุโลก และเชียงใหม่ ส่วนใหญ่ค่าฝุ่นเฉลี่ยประมาณ 91 – 278 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร พบสูงสุดที่ ต.เวียงใต้ อ.ปาย จ.แม่ฮ่องสอน โดยยังพบการเผาในเขตป่า , ผลกระทบจุดความร้อน (Hotspot) จากประเทศเพื่อนบ้าน และการเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศที่มีผลต่อการสะสมของฝุ่น จึงขอให้ประชาชนในพื้นที่ควรงดกิจกรรมกลางแจ้ง กลุ่มเสี่ยงให้เฝ้าระวังอาการผิดปกติ และปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัด พร้อมขอความร่วมมือประชาชนงดการบริหารจัดการเชื้อเพลิงต่อเนื่องจนกว่าสถานการณ์จะคลี่คลายลง ทั้งนี้ ในพื้นที่ 17 จังหวัดภาคเหนือมีแนวโน้มฝุ่นละอองขึ้นสูงบริเวณภาคเหนือตอนบน โดยเฉพาะจังหวัดที่มีพื้นที่ติดกับประเทศเพื่อนบ้านต้องเฝ้าระวังถึงวันที่ 20 เมษายน คาดการณ์จะมีแนวโน้มดีขึ้นหลังวันที่ 16 - 17 เมษายน เนื่องจากความเร็วลมที่ระดับชั้นบน มีกำลังแรงขึ้น ส่งผลให้การระบายฝุ่นของพื้นที่ดีขึ้น ส่วนภาคตะวันออกเฉียงเหนือ พบค่าฝุ่น PM 2.5 ปรับตัวสูงขึ้นเช่นกัน เกินมาตรฐานในระดับสีแดง 2 พื้นที่ ใน จ. เลย และหนองคาย อยู่ที่ 95 - 117 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร

ขณะที่กรุงเทพมหานครและปริมณฑลคุณภาพอากาศปานกลาง โดยเฉพาะ แขวงทุ่งวัดดอน เขตสาทร ปรับตัวสูงขึ้นในระดับสีส้ม แต่ยังคาดการณ์ถึงวันที่ 20 เมษายนมีแนวโน้มที่ดี เนื่องจากสภาพอากาศที่เปิดมากขึ้น เพดานการลอยตัวอากาศที่สูงขึ้น ประกอบกับ ลมทางใต้ที่กำลังแรงช่วยพัดพาฝุ่นละอองออกจากพื้นที่ แต่ต้องเฝ้าระวังวันที่ 14 - 15 เมษายน อาจมีสภาพอากาศที่ปิดได้ในบางพื้นที่ ทั้งนี้ สามารถติดตามสถานการณ์คุณภาพอากาศได้ทางแอปพลิเคชั่น Air4Thai


สำนักข่าว กรมประชาสัมพันธ์  12 เมษายน 2566

ว่าที่ร้อยตรี ธนะสิทธิ์ เอี่ยมอนันชัย รองอธิบดีกรมอุตุนิยมวิทยา เปิดเผยว่า ในช่วงต้นของเทศกาลสงกรานต์วันที่ 13–14 เมษายน ทั่วประเทศตอนกลางวันมีฟ้าหลัว อากาศร้อนถึงร้อนจัดเนื่องจากความร้อนปกคลุมประชาชนไม่ควรอยู่กลางแดดเป็นเวลานานโดยวานนี้อุณหภูมิสูงสุดของไทยอยู่ที่อำเภอเถิน จังหวัดลำปางวัดได้ถึง 42.6 องศาเซลเซียส เมื่อดัชนีความร้อนสูงจะทำให้เกิดการเพลียแดด และลมแดดได้ ส่วนวันที่ 15–16 เมษายน จะมีมวลอากาศเย็นกำลังปานกลางจากจีนแผ่ลงมาปกคลุมภาคตะวันออกเฉียงเหนือและทะเลจีนใต้ ซึ่งจะปะทะกับอากาศร้อนและร้อนจัด ทำให้เกิดพายุฤดูร้อนขึ้น มีลักษณะของฝนฟ้าคะนอง ลมกระโชกแรง และลูกเห็บตกบางพื้นที่ ต้องระมัดระวังสิ่งปลูกสร้างที่ไม่แข็งแรง และต้นไม่ที่อาจหักโค่นลงมาได้ เกษตรกรไม่ควรผูกสัตว์เลี้ยงไว้ใต้ต้นไม้สูง หรือใส่ปลอกคอที่เหนี่ยมนำให้เกิดฟ้าฝ่า เนื่องจากพบเหตุฟ้าทำให้มีผู้เสียชีวิตแล้ว 1 ราย รวมถึงฟ้าผ่าวัวตายอย่างต่อเนื่อง โดยพายุดังกล่าวจะเริ่มมีผลกระทบในภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบนก่อน ส่วนภาคอื่นๆ จะได้รับผลกระทบในระยะถัดไป

พายุฤดูร้อนที่เกิดขึ้นจะมีส่วนช่วยให้สถานการณ์หมอกควัน PM2.5 บรรเทาลงบางส่วนใหญ่อยู่ในพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ส่วนภาคเหนือจะมีฝนเพิ่มขึ้นประมาณร้อยละ 30 ของพื้นที่อาจบรรเทาปัญหาลงบ้างเล็กน้อย ย้ำให้ประชาชนดูแลป้องกันปัญหาฝุ่นควันที่เกิดขึ้น โดยหลังจากวันที่ 17 เมษายนจนถึงสิ้นเดือนอากาศจะกลับมาร้อนถึงร้อนจัดต่อเนื่อง


© 2025 Faculty of Environment and Resource Studies, Mahidol University . All Rights Reserved.