สำนักข่าว กรมประชาสัมพันธ์ 11 เมษายน 2566
นายสุพิศ พิทักษ์ธรรม อธิบดีกรมฝนหลวงและการบินเกษตร เปิดเผยหลังลงพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ ประชุมหารือโครงการศึกษาวิจัยเพื่อใช้อากาศยานกรมฝนหลวงและ การบินเกษตรโปรยน้ำแรงดันสูงเพื่อกำจัดฝุ่นละออง PM 2.5 ว่า ตามที่ขณะนี้บริเวณพื้นที่ภาคเหนือของประเทศไทยได้ประสบปัญหาหมอกควันและมลพิษทางอากาศ หรือฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM 2.5 ซึ่งมีสาเหตุจากหลายปัจจัย ส่งผลให้เกิดมลพิษทางอากาศทั้งสิ้น แต่ปัจจัยหลักของการเกิดฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM 2.5 โดยในหลายหน่วยงานในประเทศไทยได้ศึกษาและหาแนวทางการช่วยเหลือพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบกันมาอย่างต่อเนื่อง เช่น การปล่อยละอองน้ำจากยอดตึกสูง การใช้สารเคมีเพื่อลดอุณหภูมิในชั้นบรรยากาศ การพ่นละอองน้ำจากพื้นดินขึ้นไปในอากาศ และการปฏิบัติการฝนหลวง ซึ่งกรมฝนหลวงและการบินเกษตร เห็นถึงความสำคัญของการช่วยแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้น จึงได้ร่วมกับมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลธัญบุรี มีแนวคิดทดสอบและวิจัยการประยุกต์ใช้อากาศยานกรมฝนหลวงและการบินเกษตรสำหรับพ่นละอองน้ำแรงดันสูงเพื่อควบคุมและบรรเทาฝุ่นละออง PM 2.5 ที่ระดับความสูง 5,000-6,000 ฟุต โดยเป็นการปรับปรุงอุปกรณ์ท่อโปรย ติดตั้งบนอากาศยาน พร้อมติดตั้งเครื่องพ่นสเปรย์ฉีดน้ำแรงดันสูง พร้อมโครงเหล็ก ติดตั้งไว้ตรงกลางลำตัวเครื่องบินเพื่อให้ถังน้ำไม่เกิดการเคลื่อนไหวเมื่ออากาศยานทำการไต่ระดับไปที่เพดานการบิน หรืออยู่ภายใต้สภาวะการบินที่แปรปรวน สำหรับขั้นตอนการทำงานการพ่นละอองน้ำ จะนำถังน้ำ จำนวน 3 ถัง บรรจุน้ำปริมาตรรวม 2,000 ลิตรต่อถึงกัน โดยจะต่อท่อน้ำออกจากถังบรรจุน้ำขนาด 1,000 ลิตร เพื่อป้อนให้กับปั๊มแรงดันสูง น้ำจะถูกเพิ่มแรงดันและส่งผ่านท่อไปยังหัวฉีด 12 หัว ที่ถูกติดตั้งไว้ที่ท่อโปรยใต้เครื่องบิน โดยมีอัตราการไหลของน้ำ 40 ลิตร ต่อนาที ซึ่งจากการทดสอบที่ผ่านมา พบว่า การกระจายตัวของละอองน้ำที่ภาคพื้น หัวฉีดสามารถทำระยะการพ่นไกลได้สูงสุดถึง 10 เมตร และครอบคลุมพื้นที่ 100 ตารางเมตร ที่ระดับการบินความสูง 5,000-6,000 ฟุต และจะดำเนินการปล่อยละอองน้ำเป็นระยะเวลา 50 นาทีต่อรอบการปฏิบัติภารกิจ คาดว่า ละลองน้ำที่พ่นออกมาจากตัวอากาศยานกรมฝนหลวงและการบินเกษตร จะช่วยลดปริมาณฝุ่น PM 2.5 ได้ในระดับหนึ่ง