สำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม 4 ตุลาคม 2567
ที่มา https://www.prachachat.net/economy/news-1666930
สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย จับมือภาคีเครือข่าย พร้อมสมาชิกใหม่ 48 ราย ประกาศแนวทางส่งคืนบรรจุภัณฑ์กลับมาใช้ใหม่ เตรียมรับ พ.ร.บ.การจัดการบรรจุภัณฑ์อย่างยั่งยืนในปี 2570 ปิดช่องโหว่กฎหมายขยะเดิมหลัง องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น มีหน้าที่แค่เก็บขน กำจัด ไม่คัดแยก
ผู้ประกอบการไทย ไม่ว่าจะเป็นผู้ประกอบการรายใหญ่หรือ SMEs ต้องมีความตื่นตัว เนื่องจากหลายมาตรการในต่างประเทศ ส่งผลกระทบต่อการส่งออก รวมถึงหาก พ.ร.บ.การจัดการบรรจุภัณฑ์อย่างยั่งยืน ประกาศใช้ ทุกบริษัทก็จะต้องเข้าร่วมและดำเนินการตาม ซึ่งปัจจุบัน สถาบันการจัดการบรรจุภัณฑ์และรีไซเคิลเพื่อสิ่งแวดล้อม (TIPMSE) ภายใต้การดำเนินงานของ ส.อ.ท. ได้ประสานกับเครือข่ายทั้งภาครัฐและเอกชน ในการเตรียมความพร้อมก่อนเข้าสู่ภาคบังคับ โดยคาดว่าจะเริ่มประกาศเป็นกฎหมายบังคับใช้ในปี 2570 นี้
ภาคอุตสาหกรรมเข้ามามีส่วนร่วมตั้งแต่ต้น ซึ่งที่ผ่านมา TIPMSE ทำหน้าที่เป็นแกนกลางในการเตรียมความพร้อม ทั้งในแง่ของการให้ความเห็นต่อการพัฒนาร่างกฎหมาย EPR การพัฒนามาตรการจูงใจ การพัฒนาระบบฐานข้อมูลเพื่อรองรับระบบ EPR การส่งเสริมการออกแบบตามหลักการการออกแบบเพื่อการรีไซเคิล (Design-for-recycling หรือ D4R) การสื่อสารเพื่อกระตุ้นให้เกิดการดำเนินการ (Call to Action) ในห่วงโซ่ความรับผิดชอบ และการนำหลักการ EPR มาสู่การทดลอง ทั้งโมเดลเก็บกลับในพื้นที่เป้าหมายในโครงการ Pack Back จังหวัดชลบุรี
ทั้งนี้ การพัฒนากลไก EPR โดยใช้ระบบภาคการผลิต จะเป็นเครื่องมือและกลยุทธ์ที่สำคัญในการเดินหน้าสู่การลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก เพื่อบรรลุเป้าหมายการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero) สอดรับนโยบายภาครัฐในการนำโมเดลเศรษฐกิจใหม่ ที่เรียกว่า “BCG” (Bio-Circular-Green Economy) หรือเศรษฐกิจชีวภาพ เศรษฐกิจหมุนเวียน เศรษฐกิจสีเขียว ที่นำเอาจุดแข็งของประเทศไทยมาพัฒนา