• +662 441 5000
  • This email address is being protected from spambots. You need JavaScript enabled to view it.

ข่าวสิ่งแวดล้อม

สำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม  5 พฤศจิกายน 2567

ที่มา: https://www.sentangsedtee.com/today-news/article_295225

บมจ. ทรู คอร์ปอเรชั่น ได้จัดโครงการ e-Waste HACK BKK 2024 ขึ้น ภายใต้ความร่วมมือกับ สถานเอกอัครราชทูตสวีเดน ประจำประเทศไทย กรุงเทพมหานคร คณะวิศวกรรมศาสตร์ สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง และบริษัท เอสเค เทส ไทยแลนด์ จำกัด โดยเป็นโครงการระดมสมอง “นวัตกร” รุ่นใหม่ แฮ็กไอเดีย สร้างมูลค่าจากขยะอิเล็กทรอนิกส์ รีไซเคิลชิ้นส่วน e-Waste ต่อยอดเป็นนวัตกรรมอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ที่ใช้งานได้จริง เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตของคนกรุงเทพฯ ให้ดีขึ้น ตอบโจทย์ความท้าทาย ทั้งด้านการศึกษา สิ่งแวดล้อม ความปลอดภัย และสาธารณสุข

ทีม One Day Miracle plus+ จากโรงเรียนวิสุทธรังษี จังหวัดกาญจนบุรี ผู้พิชิตรางวัลชนะเลิศอันดับ 1 ประเภทมัธยมศึกษาตอนปลาย เป็นเจ้าของผลงานไอเดียสร้างนวัตกรรมจาก e-Waste ในรูปของ เครื่องดักจับคาร์บอนด้วยเทคโนโลยี DAC หรือ Direct Air Capture โดยนางสาวศิริวภา พรหมห้อง ตัวแทนทีม กล่าวว่า นวัตกรรมจาก e-Waste ในรูปของเครื่องดักจับคาร์บอนด้วยเทคโนโลยี Direct Air Capture เพื่อนำไปใช้ในกระบวนการผลิตเป็นก๊าซ Ethylene ใช้ประโยชน์ในเชิงอุตสาหกรรม เช่น อุตสาหกรรมเคมี พลาสติก และการผลิตเครื่องสำอาง ชิ้นส่วน e-Waste ที่นำมาใช้ประกอบเป็นเครื่องดักจับคาร์บอนด้วยเทคโนโลยี Direct Air Capture ตามแนวคิดครั้งนี้ ประกอบด้วย ชิ้นส่วน Power Supply ของคอมพิวเตอร์ เครื่องฟอกอากาศพัดลมไอน้ำ โดยใช้ Case และพัดลม และชิ้นส่วนเครื่องปรับอากาศ

ทีม One Day Miracle plus+ กล่าวท้ายว่า ทุกวันนี้ พวกเราพยายามใส่ใจในเรื่องสิ่งแวดล้อม เริ่มจากสิ่งเล็ก ๆ น้อย ๆ ในชีวิตประจำวัน เช่น พกแก้วเก็บความเย็นหรือลดการใช้โฟม จึงอยากให้คนรุ่นใหม่ เจนเดียวกับพวกเรา ใส่ใจกับทุกสิ่งในชีวิตประจำวันที่อาจส่งผลต่อสิ่งแวดล้อม เพราะโลกร้อนขึ้นทุกวัน จะมองข้ามเรื่องสิ่งแวดล้อมไม่ได้แล้ว ถ้าไม่สนใจตอนนี้ อนาคตข้างหน้าไม่รู้จะเกิดอะไรขึ้นบ้างอีก


สำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม  4 พฤศจิกายน 2567

ที่มา : Springnews   (https://www.springnews.co.th/keep-the-world/sustainable/853787)

พาเยือน! มหานครฉงชิ่ง จีนแผ่นดินใหญ่ เมืองที่ในอดีตขึ้นชื่อว่าเป็นเมืองที่อากาศแย่ สู่..เมืองสีเขียวในปัจจุบัน เขาทำได้ไง?

ทั่วโลกกำลังเร่งพัฒนาเมืองของตัวเองสู่ความเป็นเมืองสีเขียว ทั้งปฏิรูปโครงสร้างพื้นฐานใหม่เพื่อมารองรับการขยายตัว รวมถึงการปลูกฝังจิตสำนึกของพลเมืองให้หันมารักษ์โลก ใส่ใจสิ่งแวดล้อม บางเมืองใช้นวัตกรรม และเทคโนโลยีเข้ามาจัดการปัญหาสิ่งแวดล้อมและได้ผลผลลัพธ์ที่ดี พลิกโฉมจากเมืองที่อากาศยอดแย่สู่เมืองมหานครสีเขียว เขาทำได้อย่างไร? #สปริงนิวส์ ได้มีโอกาสเยือน “มหานครฉงชิ่ง” จีนแผ่นดินใหญ่ ในโครงการ “มองจีนยุคใหม่ สิ่งที่สื่อไทยควรรู้” ครั้งที่ 6 ระหว่างวันที่ 24-30 ตุลาคม 67 ที่ผ่านมา จัดโดยสมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย ร่วมกับ สถานเอกอัครราชทูตสาธารณรัฐประชาชนจีนประจำประเทศไทย

โดยการได้ไปศึกษาดูงานในหลายที่ในมหานครฉงชิ่ง สาธารณรัฐประชาชนจีน ทำให้ได้เห็นถึงการเปลี่ยนแปลงเมืองของจีนมากมาย มหานครฉงชิ่ง มหานครที่ใหญ่ที่สุดในประเทศจีน มีเนื้อที่ราว 82,400 ตารางกิโลเมตร เกือบเท่ากับภาคกลางของประเทศไทย มีประชาก 32 ล้านคน โดยมหานครแห่งนี้เป็นเมืองเศรษฐกิจทางตะวันตกเฉียงใต้ของจีน ซึ่งมหานครแห่งนี้ตั้งอยู่ท่ามกลางหุบเขา แต่จีนสามารถเนรมิตให้เป็นเมืองการค้าการลงทุนที่สำคัญได้

ย้อนไปเมื่อ10 ปีก่อน เมืองเศรษฐกิจของแผ่นดินใหญ่แห่งนี้ เคยประสบปัญหามลพิษอากาศอย่างมาก มีสาเหตุส่วนใหญ่มาจากอุตสาหกรรม การเผาไหม้ถ่านหิน และเชื้อเพลิงชีวภาพ ทำให้รัฐบาลเร่งออกนโยบายทุกทางเพื่อแก้ปัญหา ที่รู้จักกันก็คือ สงครามปกป้องท้องฟ้าสีคราม (Blue sky defense battle) รวมถึงนโยบายการส่งเสริมพลังงานสะอาด โดยเมืองแห่งนี้มี Green Chongqing ที่สำคัญ อาทิ

1. ภูมิทัศน์สวยงาม ต้นไม้ใหญ่ พร้อมพื้นที่สีเขียวสองข้างถนนถูกจัดการเป็นอย่างดี

2. องค์กรพัฒนาเอกชนหรือ NGO..ได้เข้ามามีส่วนช่วยเฝ้าระวังมลพิษ และทำงานร่วมกับบริษัทเอกชนมากขึ้น รวมทั้งกระตุ้นเยาวชน และสังคมให้เรียนรู้ และปกป้องธรรมชาติ เช่น กรณีศูนย์เรียนรู้ธรรมชาติ การอนุรักษ์นกอินทรี

3. ขยายชุมชนเกษตรอินทรีย์ โดยนำองค์ความรู้สมัยใหม่เข้ามาใช้ในการทำเกษตร มีการพัฒนาผลิตภัณฑ์สมุนไพร เชื่อมโยงกับการท่องเที่ยวเชิงนิเวศในเขตชนบท สร้างงานให้กับคนในท้องถิ่น โดยได้รับการส่งเสริมจากภาครัฐ อย่างกรณีเมืองดาชู (Dashu Town)

4. ป้ายทะเบียนรถยนต์แยก 2 สี ชัดเจน ให้เข้าใจว่าป้ายทะเบียนสีเขียวคือ รถยนต์พลังงานไฟฟ้า หรือ EV (Electricity vehicle) ซึ่งมีประมาณ 20% ในเมืองนี้ และกำลังเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ส่วนป้ายทะเบียนสีน้ำเงินคือ รถที่ใช้เชื้อเพลิงแบบเดิม

พัฒนาเทคโนโลยีระบบชาร์จสำหรับรถยนต์ EV และขยายจุด/สถานีชาร์จแบตเตอรี่สำหรับรถยนต์ EV ซึ่งมีอยู่ทั่วไปในเขตเมือง แม้ยังมีจำกัดในเขตพื้นที่ชนบท


สำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม  3 พฤศจิกายน 2567

ที่มา https://www.prachachat.net/general/news-1682219

ดร.สนธิ คชวัฒน์ นักวิชาการสิ่งแวดล้อมไทย มองสถานการณ์ฝุ่นปลายปี’67 ลากยาวถึงต้นปี’68 หนักกว่าปีที่ผ่านมา เผยหลายปัจจัยที่ทำให้มลพิษยังไม่หายไปไหน พร้อมจี้รัฐบาลวางแผนแก้ปัญหาให้แล้วเสร็จก่อนปี 2570

คาดการณ์สถานการณ์ฝุ่น PM 2.5 ที่จะเริ่มมาตั้งแต่วันที่ 29 ตุลาคม 2567 จนกระทั่งถึงเดือนเมษายน ดังนี้ ประเทศไทยจะเข้าสู่ช่วงหน้าหนาว มวลอากาศเย็นจากจีนแผ่ลงมาปกคลุมทำให้มลพิษที่ประเทศไทยผลิตออกมาไม่สามารถลอยขึ้นหายไปได้ รวมถึงสาเหตุไฟไหม้ในพื้นที่ป่าอนุรักษ์จากสภาพอากาศที่แห้งแล้ง การเผาป่าในพื้นที่เกษตรกรรมบนยอดเขา รวมถึงฝุ่นควันจากประเทศเพื่อนบ้าน ล้วนเป็นปัจจัยให้ภาคเหนือในตอนนั้นประสบปัญหาฝุ่นมากเป็นพิเศษ

การกำหนดมาตรฐานฝุ่น PM 2.5 ของกรมควบคุมมลพิษ ประเทศไทย ที่ปรับลดจากเดิม 50 ไมโครกรัม/ลบ.ม. ให้เหลือเพียง 37.5 ไมโครกรัม/ลบ.ม.ใน 24 ชั่วโมง ซึ่งหมายความว่า ทันทีที่ค่าฝุ่นแตะระดับ 37.5 จะถูกจัดอยู่ในกลุ่มสีส้มที่ค่าฝุ่นเริ่มมีผลกระทบทางสุขภาพ

วิกฤตมลพิษในปีนี้ไปจนถึงปีหน้าจะสาหัสที่สุดแม้จะหนักกว่าปีก่อน เนื่องจากไม่สามารถคาดการณ์ได้ว่ามวลอากาศเย็นจากจีนจะแผ่ลงมาถึงแค่ไหน สิ่งที่ต้องติดตามต่อมา คือมาตรฐานการจัดการของรัฐบาลว่าจะเข้มงวดมากแค่ไหน และเตรียมตัวรับมืออย่างไร


สำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม  2 พฤศจิกายน 2567

ที่มา: https://mgronline.com/onlinesection/detail/9670000104907

องค์กรพิทักษ์สัตว์แห่งโลก ประเทศไทย จัดแสดงนิทรรศการผลงานออกแบบสื่อโฆษณาพิทักษ์สิ่งแวดล้อมสุดสร้างสรรค์ 30 ผลงาน ในแคมเปญ Print Ads Contest หัวข้อ “ผลกระทบของอุตสาหกรรมอาหารสัตว์ต่อสิ่งแวดล้อม”

คุณโรจนา สังข์ทอง ผู้อำนวยการองค์กรพิทักษ์สัตว์แห่งโลก ประเทศไทย กล่าวว่า ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา องค์กรพิทักษ์สัตว์แห่งโลกฯ ได้รณรงค์เพื่อยกระดับสวัสดิภาพของปศุสัตว์ ซึ่งระบบฟาร์มอุตสาหกรรมไม่ได้ส่งผลกระทบต่อสัตว์เพียงอย่างเดียว แต่ยังสร้างผลกระทบรุนแรงต่อสุขภาพมนุษย์และสิ่งแวดล้อมไปพร้อมกัน จึงมีการมุ่งหวังให้มีการสร้างและพัฒนาระบบอาหารที่ยั่งยืนที่ตอบโจทย์ทั้งโภชนาการ มนุษยธรรม และสิ่งแวดล้อม ผ่านการประกวดและนิทรรศการนี้ ที่ใช้พลังของศิลปะเพื่อกระตุ้นให้สังคมตระหนักถึงปัญหาดังกล่าว

ภายในงานจัดเสวนาพิเศษ “จุดประกาย: มุมมองครีเอทีฟต่อผลกระทบอุตสาหกรรมอาหารสัตว์” โดยผู้เชี่ยวชาญในวงการครีเอทีฟและสิ่งแวดล้อม เพื่อแลกเปลี่ยนมุมมอง และแนวทางการสื่อสารประเด็นด้านสิ่งแวดล้อมผ่านงานสร้างสรรค์

ทั้งนี้ ผู้สนใจสามารถเข้าชมนิทรรศการครั้งนี้ได้ฟรี ตั้งแต่วันนี้ ถึง 3 พฤศจิกายน 2567 ณ หอศิลปวัฒนธรรมแห่งกรุงเทพมหานคร และติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ทาง Facebook: World Animal Protection Thailand หรือเว็บไซต์ https://www.worldanimalprotection.or.th/behind-the-feed


สำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม  1 พฤศจิกายน 2567

ที่มา : Spring News (https://www.springnews.co.th/keep-the-world/sustainable/853715)

          เมื่อกางสถิติจากสำนักสิ่งแวดล้อมแห่งชาติสิงคโปร์ดูแล้ว ดินแดนสิงโตพ่นน้ำสร้างขยะอาหาร (Food waste) ราว 7.4 แสนตันต่อปี หรือราว 2,000 ตันต่อวัน ซึ่งคงไม่ต้องชี้แจงกันอีกว่าขยะอาหารเหล่านี้สร้างปัญหามากแค่ไหน

แต่ลำดับถัดไปที่ทุกภาคส่วนต้องก้าวไปพร้อม ๆ กันคือ เราจะลดขยะอาหารเหล่านี้ได้ยังไง เอกชนจะมีมาตรการอะไร หรือแม้แต่ภาครัฐจะออกกฎเพื่อควบคุม บังคับ มากน้อย และจริงจังแค่ไหน

ล่าสุด สิงคโปร์ มีไอเดียลดขยะอาหารที่น่าสนใจมาก แถมได้รับเสียงตอบรับจากประชาชนดีสุด ๆ นั่นคือ สร้างแอปชื่อว่า Yindii ซึ่งเป็นแอปพลิเคชันที่ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อลดขยะอาหารโดยเฉพาะ ไม่จริงหน่า แค่แอปเดียวจะช่วยลด Food waste ได้ยังไง

เว็บไซต์ Straits Times อธิบายว่า เพียงแค่โหลดแอป Yindii เราจะสามารถกดสั่ง “ถุงสุ่ม” ล่วงหน้า และสามารถรับอาหารประเภทใดก็ได้ จากเมนูที่ขายไม่หมดในร้านค้า ร้านอาหาร ร้านค้าปลีกทั่วสิงคโปร์ แถมมีทีเด็ดคือ ราคาถูกลง 50-80% เรียกได้ว่าประหยัดทั้งเงิน ช่วยลดขยะอาหาร แต่ยังอิ่มท้อง สามารถกินจนพุงพลุ้ยได้เหมือนเดิม

แอป Yindii..เรียกขานตัวเองว่าเป็น “ตลาดอาหารส่วนเกินคุณภาพสูง” ซึ่งเปิดตัวเมื่อปี 2020 และให้บริการในฮ่องกง สิงคโปร์ รวมถึงประเทศไทยด้วย

Mahima Rajangam Natarajan ผู้ร่วมก่อตั้ง และประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการตลาดของ Yindii เปิดเผยว่า “เราตัดสินใจเปิดตัว Surprise..Bag..ในสิงคโปร์เป็นที่แรก เพราะเป็นประเทศที่มีแนวคิดก้าวหน้า และให้ความสำคัญในการลดขยะอาหาร” อัตราเงินเฟ้อคืออีกหนึ่งปัจจัยที่ทำให้ชาวสิงคโปร์หันมาซื้ออาหาร หรือสินค้าลดราคามากขึ้น เมื่อค่าครองชีพแพง การใช้จ่ายแต่ละครั้งก็ต้องคิดให้มากขึ้น และเมื่อไปค้นข้อมูลจากสำนักงานการเงินสิงคโปร์ พบว่า อัตราเงินเฟ้อของสิงคโปร์อยู่ที่ราว ๆ 2.5-3% ในปี 2024

Mahima กล่าวว่า ตั้งแต่เปิดตัวแอป Yindii มา สามารถลดอาหารส่วนเกินในแต่ละวันได้ถึง 80% คิดกันในแง่สิ่งแวดล้อมแล้ว แอปนี้สามารถลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้ราว 500 ตัน นอกจากนี้ บรรดาร้านค้า ร้านเบอเกอรี่ หรือร้านอาหารที่เข้าร่วม มีปริมาณอาหารส่วนเกินในแต่ละวันลดลง 4-5%


สำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม  31 ตุลาคม 2567

ที่มา https://mgronline.com/news1/detail/9670000104477

ศูนย์ศึกษาเรียนรู้ระบบนิเวศป่าชายเลนสิรินาถราชินี สถาบันปลูกป่าและระบบนิเวศ ปตท. ได้รับประกาศเกียรติคุณ “โครงการสนับสนุนกิจกรรมลดก๊าซเรือนกระจก (Low Emission Support Scheme:LESS)” จากองค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก (องค์การมหาชน) กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม จากโครงการด้านการจัดการของเสีย จำนวน 2 กิจกรรม ได้แก่ การขยายผลองค์ความรู้การใช้ชุดอุปกรณ์ย่อยสลายขยะอินทรีย์แบบใช้อากาศ (Biodegradation Bin)ซึ่งเป็นนวัตกรรมจากการคิดค้นและพัฒนาโดยศูนย์ฯ สิรินาถราชินี และการคัดแยกขยะรีไซเคิล ภายในร้านอาหารชิกเก้น แอนด์ บี (Chicken and Bee) ซึ่งเป็นร้านอาหารเครือข่ายชุมชนโดยรอบ ช่วงการประเมินระหว่าง 1 มกราคม 2565 – 31 กรกฎาคม 2566 โดยสามารถลดปริมาณก๊าซเรือนกระจก ได้จำนวน 6.878 ตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า นับเป็นการขยายผลองค์ความรู้ของศูนย์เรียนรู้และพร้อมร่วมขับเคลื่อนสังคมคาร์บอนต่ำอย่างเป็นรูปธรรม


สำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม  30 ตุลาคม 2567

ที่มา: https://www.thansettakij.com/social-biz/610403

มูลนิธิแม่ฟ้าหลวงฯ รับรางวัล Res Publica ด้านการพัฒนาสิ่งแวดล้อมฟื้นฟูป่าบนดอยตุงสู่ความสมบูรณ์ และสร้างคุณภาพชีวิตที่ดีชุมชน พร้อมขยายผลครอบคลุมการแก้ไขปัญหาภาวะโลกรวน

ทั้งนี้ มูลนิธิแม่ฟ้าหลวงฯ ได้รับรางวัลในความสำเร็จทางการพัฒนาอย่างสมดุลสภาพแวดล้อมและสังคม ที่นอกจากจะฟื้นฟูป่าบนดอยตุงสู่ความสมบูรณ์แล้ว ยังสร้างคุณภาพชีวิตที่ดีแก่ชุมชน และทำให้การปลูกฝิ่นหมดไปจากประเทศไทย อีกทั้งยังขยายผลการดำเนินงานให้ครอบคลุมการแก้ไขปัญหาภาวะโลกรวน

หม่อมหลวงดิศปนัดดา ดิศกุล เลขาธิการมูลนิธิแม่ฟ้าหลวง ในพระบรมราชูปถัมภ์ เปิดเผยว่า รางวัลสำคัญที่ได้รับนี้เป็นผลของความร่วมมือกันของภาครัฐ เอกชนและชุมชน อีกทั้งยังเป็นผลงานจากความทุ่มเทของพนักงานและเจ้าหน้าที่มูลนิธิแม่ฟ้าหลวงในทุกยุคทุกสมัย นับว่าเป็นของขวัญที่น่าภูมิใจในวาระครบ 36 ปีของโครงการพัฒนาดอยตุง ซึ่งรางวัล Res Publica เป็นกิจกรรมหนึ่งของสมาคม The Good Government and Civic Sense Association ซึ่งเป็นสมาคมนานาชาติตั้งอยู่ในประเทศอิตาลี มีขึ้นเพื่อยกย่องและส่งเสริมองค์กร หรือบุคคลที่มีบทบาทและผลงานด้านการพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชน


สำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม  29 ตุลาคม 2567

ที่มา : นครเชียงราย News (https://nakornchiangrainews.com/global-biodiversity-crisis-cop16-extinction-risk-action/)

วิกฤตความหลากหลายทางชีวภาพของโลก: มุมมองเชิงสถิติและแนวทางแก้ไขในที่ประชุม COP16

เมื่อวันที่ 28 ตุลาคม 2567 รายงานจาก The Japan Times เผยถึงข้อมูลที่ชี้ว่าวิกฤตความหลากหลายทางชีวภาพบนโลกกำลังเลวร้ายลงอย่างต่อเนื่อง โดยผู้เชี่ยวชาญระบุว่ามนุษย์คือปัจจัยหลักที่ส่งผลกระทบต่อระบบนิเวศทั้งบนบกและในทะเล ซึ่งส่งผลให้ประชุม COP16..ว่าด้วยความหลากหลายทางชีวภาพ ณ เมืองกาลี ประเทศโคลอมเบีย เข้าสู่สัปดาห์ที่สอง โดยมุ่งประเมินความก้าวหน้าและกำหนดเป้าหมายใหม่เพื่อยับยั้งและฟื้นฟูธรรมชาติภายในปี 2573 ตามกรอบ Kunming-Montreal Global Biodiversity Framework ที่ได้ลงนามไว้เมื่อสองปีก่อน

           วิกฤตเชิงสถิติ: การเสื่อมโทรมของมหาสมุทรและพื้นผิวโลก

           จากข้อมูลของ IPBES หน่วยงานวิทยาศาสตร์และนโยบายระดับรัฐบาลระหว่างประเทศด้านความหลากหลายทางชีวภาพพบว่า พื้นที่บนผิวโลกกว่าสามในสี่ถูกเปลี่ยนแปลงไปอย่างมีนัยสำคัญ และสองในสามของมหาสมุทรได้รับผลกระทบจากการบริโภคของมนุษย์ที่ไร้ขีดจำกัด นอกจากนี้ยังพบว่า พื้นที่ชุ่มน้ำในแผ่นดินลดลงกว่า 1 ใน 3 ตั้งแต่ปี 2513 ถึง 2558 ซึ่งเร็วกว่าอัตราการลดลงของป่าไม้ถึงสามเท่า รายงานของ IPBES ยังระบุว่าการเสื่อมโทรมของดินที่เกิดจากกิจกรรมของมนุษย์กระทบต่อความเป็นอยู่ของผู้คนอย่างน้อย3.2 พันล้านคน และการฟื้นฟูสภาพธรรมชาติจะให้ผลลัพธ์ที่คุ้มค่าอย่างน้อย 10 เท่าของต้นทุนในการดำเนินการ หนึ่งในเป้าหมายหลักของกรอบความหลากหลายทางชีวภาพ Kunming-Montreal..Global..Biodiversity Framework คือ การฟื้นฟูพื้นที่ดินที่เสื่อมโทรม พื้นที่น้ำในแผ่นดิน พื้นที่ชายฝั่งทะเล และระบบนิเวศทางทะเลให้ได้ 30% ภายในปี 2573

             ความเสี่ยงต่อการสูญพันธุ์ของสายพันธุ์นับล้าน

จากการประเมินขององค์การสหภาพนานาชาติเพื่อการอนุรักษ์ธรรมชาติ (IUCN) พบว่าสายพันธุ์พืชและสัตว์มากกว่าหนึ่งในสี่กำลังเผชิญกับความเสี่ยงที่จะสูญพันธุ์ และจากรายงานของ IPBES ระบุว่าสายพันธุ์จำนวนถึงหนึ่งล้านสายพันธุ์กำลังตกอยู่ในอันตราย โดยเฉพาะแมลงผสมเกสรที่มีบทบาทสำคัญในการขยายพันธุ์พืชและให้ผลผลิตทางการเกษตรถึงสามในสี่ของอาหารที่มนุษย์บริโภค นอกจากนี้ ปะการังซึ่งเป็นที่พึ่งพิงของชีวิตกว่า 850 ล้านคนที่ทำอาชีพเกี่ยวกับทะเลก็เป็นอีกตัวอย่างหนึ่งที่น่ากังวล ปะการังเหล่านี้มีแนวโน้มที่จะหายไปหากอุณหภูมิโลกสูงขึ้นเกิน 2 องศาเซลเซียสจากระดับก่อนยุคอุตสาหกรรม อุณหภูมินี้เป็นเกณฑ์ที่โลกพยายามไม่ให้เกินตามข้อตกลงปารีส ปี 2558 เพื่อลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกที่เป็นสาเหตุของภาวะโลกร้อน

              ห้าปัจจัยหลักที่ทำลายความหลากหลายทางชีวภาพ

สหประชาชาติได้กำหนดห้าสาเหตุหลักที่เป็นภัยต่อความหลากหลายทางชีวภาพที่มนุษย์สร้างขึ้น ได้แก่ การทำลายถิ่นที่อยู่อาศัย (เพื่อการเกษตรและการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน) การใช้ทรัพยากรอย่างเกินควร เช่น การใช้น้ำ การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ มลพิษ และการแพร่กระจายของสิ่งมีชีวิตที่รุกราน ผู้เชี่ยวชาญคาดการณ์ว่าการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศจะกลายเป็นปัจจัยหลักที่ทำลายความหลากหลายทางชีวภาพ ภายในปี 2593 หากไม่มีการแก้ไขปัญหานี้อย่างจริงจัง


© 2024 Faculty of Environment and Resource Studies, Mahidol University . All Rights Reserved.