• +662 441 5000
  • This email address is being protected from spambots. You need JavaScript enabled to view it.

ข่าวสิ่งแวดล้อม

สำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม  26 มกราคม 2568

ที่มา https://theactive.thaipbs.or.th/news/pollution-20250122

สมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย จัดกิจกรรมราชดำเนินเสวนา หัวข้อ “วิกฤตขยะพิษ กับ ชีวิตประชาชน” เพื่อเล่าถึงภาพปัญหาการจัดการขยะจากอุตสาหกรรมในประเทศไทย พร้อมร่วมหาทางออกกับปัญหามลพิษ ที่ส่งผลกระทบต่อประชาชนและสิ่งแวดล้อม

อรรถวิชช์ สุวรรณภักดี ประธานคณะที่ปรึกษาของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม บอกว่า หลังเข้ามาทำงานในกระทรวงอุตสาหกรรม ได้ลงพื้นที่ตรวจสอบปัญหามลพิษในพื้นที่ จ.ระยอง แล้วได้ทำการ ร่างกฎหมาย ร่าง พ.ร.บ.กากอุตสาหกรรมและขยะอิเล็กทรอนิกส์ ที่เตรียมจะยื่นต่อสภาผู้แทนราษฎรในสัปดาห์หน้า เนื่องจากช่วง 10 ปีที่ผ่านมาโรงงานจากจีนทะลักเข้ามาในไทยจำนวนมาก เพราะจีนมีการเปลี่ยนรูปแบบภาคอุตสาหกรรมใหม่ และสิ่งที่เข้ามาในไทย คือ การทุ่มตลาด และ ปัญหาสิ่งแวดล้อม โดยการทุ่มตลาดมาในลักษณะของอุตสาหกรรมเหล็ก เตาหลอม ซึ่งพบว่าเตาหลอมที่ไม่ใช้แล้วในต่างประเทศ หรือที่จีนกลับถูกนำเข้ามาใช้ในประเทศไทย ขณะที่เรื่องสิ่งแวดล้อม อย่างการการจัดการกากอุตสาหกรรม โดยกระทรวงอุตสาหกรรม ซึ่งถือว่าเป็นต้นเหตุของเรื่อง จึงได้วางโมเดลของร่างกฎหมายเอาไว้ว่า คือ แยกเป็นโรงงานกำจัดกากอุตสาหกรรมออกจากโรงงานทั่วไป

อรรถวิชช์ บอกอีกว่า กรณีโรงงานในนิคมอุตสาหกรรม ที่แม้จะมีโรงงานกำจัดขยะในนิคมของตัวเองแต่ก็ไม่ยอมใช้ ไปใช้บริการโรงงานนอกนิคม กฎหมายก็จะออกแบบเอาไว้ว่าถ้าเป็นนิคมอุตสาหกรรมแล้วมีการเคลื่อนย้ายจากอุตสาหกรรมในนิคมตัวเองจะต้องมีการรายงาน และขอให้เน้นการใช้บริการภายในนิคมของตนเอง

“กฎหมายฉบับนี้ จะรื้อระบบใหม่ให้เป็นระบบอุตสาหกรรมสะอาด ผมเข้าใจทุกภาคส่วนกับปัญหาที่เกิดขึ้น พยายามจะทำให้เกิดการปฏิบัติจริงได้เร็วที่สุด กฎหมายฉบับนี้เนื่องจากเป็นกฎหมายการเงิน  เชื่อว่ากว่าจะได้เห็นน่าจะปลายปี 68”


สำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม  25 มกราคม 2568

ที่มา: https://www.bangkokbiznews.com/politics/1163356

นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (ผู้ว่าฯ กทม.) พร้อมด้วย นายพรพรหม วิกิตเศรษฐ์ ที่ปรึกษาของผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร และผู้บริหารด้านความยั่งยืนของกรุงเทพมหานคร ติดตามสถานการณ์ฝุ่น PM2.5 ในพื้นที่ กทม.

นายชัชชาติ กล่าวว่า สถานการณ์ฝุ่น กทม. ยังรุนแรงอยู่ ค่าฝุ่นสีแดงเพิ่มมากขึ้นรวม 21 เขต โดยเฉพาะเขตรอบนอก ส่วนเขตด้านในยังคงตัว ซึ่งได้ชี้แจงว่าฝุ่น PM 2.5 ที่เพิ่มสูงขึ้นนั้น หลัก ๆ มาจาก 3 ปัจจัย คือ 1. รถยนต์ 2. การเผา 3. สภาพอากาศปิด โดยเฉพาะช่วงที่อากาศไม่ถ่ายเท ทำให้ฝุ่นที่มียิ่งสะสมมากขึ้น ซึ่ง 2 ปัจจัยที่ไม่สามารถควบคุมได้คือ สภาพอากาศปิดเพราะเป็นวิถีธรรมชาติ และการเผาที่มาจากรอบนอก กทม.

นายชัชชาติ กล่าวด้วยว่า ได้เริ่มจำกัดโซนการวิ่งรถบรรทุก 6 ล้อขึ้นไปที่ไม่ลงทะเบียนสีเขียว ห้ามเข้าพื้นที่วงแหวนรัชดาภิเษก รวมพื้นที่ 9 เขต และแนวถนนผ่าน 13 เขต ซึ่งถือเป็นครั้งแรก ส่วนนายพรพรหม กล่าวเสริมว่า เรื่องการตรวจรถควันดำ กทม. จะตะลุยตรวจต่อเนื่องแบบไม่แจ้งล่วงหน้าแต่เรื่องควันขาวของรถที่ถือว่าสร้างมลภาวะเช่นกัน แต่ไม่เข้าเกณฑ์การตรวจ ก็ได้เสนอรัฐบาลว่าควรจะปรับเปลี่ยนกฎให้เข้ากับบริบทสถานการณ์ และอยากย้ำว่าการเปลี่ยนน้ำมันเครื่อง/ไส้กรอง จะช่วยลดฝุ่นและ PM2.5 ได้ ซึ่งอยากให้เจ้าของรถและเจ้าของกิจการได้ร่วมกัน


สำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม  24 มกราคม 2568

ที่มา : MGR Online (https://mgronline.com/indochina/detail/9680000006959)

เอเอฟพี – การสำรวจอุทยานแห่งชาติกัมพูชาเป็นเวลาหลายปีทำให้ได้พบสัตว์ใกล้สูญพันธุ์ที่ไม่เคยพบเห็นมาก่อนในประเทศ ที่เป็นการเน้นย้ำถึงความจำเป็นของความพยายามในการอนุรักษ์มากยิ่งขึ้น นักสิ่งแวดล้อมระบุ

การสำรวจที่ซับซ้อนทำให้ค้นพบสัตว์ต่างๆ ตั้งแต่ตัวนิ่มไปจนถึงเก้งยักษ์ที่ใกล้สูญพันธ์อย่างยิ่ง ในอุทยานแห่งชาติวีรชัย ที่เป็นแหล่งความหลากหลายทางชีวภาพที่ยังไม่ถูกแตะต้องมากนัก

อุทยานแห่งนี้ที่มีพื้นที่กว่า 405,000 เฮกตาร์ ทอดยาวไปทั่วภาคตะวันออกเฉียงเหนือของกัมพูชา ที่มีพรมแดนติดกับลาวและเวียดนาม

กล้องมากกว่า 150 ตัวถูกติดตั้งระหว่างการสำรวจ ที่ยังได้รับความช่วยเหลือจากชุมชนท้องถิ่นบันทึกหลักฐานเกี่ยวกับสัตว์และพืชในพื้นที่คุ้มครอง

การสำรวจดังกล่าวพบสิ่งมีชีวิตทั้งหมด 89 ชนิด รวมถึงสัตว์ป่าใกล้สูญพันธุ์ 20 ชนิด เช่น ค่างห้าสี ลิ่นซุนดา เสือลายเมฆ หมาใน และหมีหมา ตามรายงานขององค์กรอนุรักษ์ Fauna & Flora ที่เป็นผู้นำการสำรวจ นอกจากนี้ ยังพบสัตว์ 9 ชนิดที่ไม่เคยพบในกัมพูชามาก่อน เช่น เก้งยักษ์ ที่เป็นสัตว์ใกล้สูญพันธุ์อย่างยิ่ง กิ้งก่าแก้ว และจิ้งจกดิน

การค้นพบดังกล่าวตอกย้ำถึงความสำคัญของอุทยานในฐานะแหล่งความหลากหลายทางชีวภาพที่แข็งแกร่ง และเป็นหลักฐานที่จะกระตุ้นให้เกิดความพยายามในการอนุรักษ์ที่เพิ่มมากขึ้น ผู้อำนวยการโครงการ Fauna & Flora ประจำกัมพูชา กล่าว

อุทยานแห่งนี้ที่เป็นส่วนหนึ่งของผืนป่าที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เป็นแหล่งรวมความหลากหลายทางชีวภาพ แหล่งดูดซับคาร์บอนที่สำคัญ และเป็นที่อยู่อาศัยของชุมชนพื้นเมืองที่มีความหลากหลาย

อย่างไรก็ตาม ผู้อำนวยการโครงการเตือนว่าภูมิภาคนี้กำลังเผชิญกับแรงกดดันที่เพิ่มขึ้นจากการทำลายแหล่งที่อยู่อาศัยตามธรรมชาติ ที่มักจะเป็นเพื่อการเกษตร โครงสร้างพื้นฐาน และการใช้ที่ดินอื่นๆ

การดักจับสัตว์เป็นปัญหาสำคัญอีกหนึ่งประการที่ทำให้เกิดภาวะป่าว่างเปล่าในบางพื้นที่ ที่สัตว์ป่า โดยเฉพาะสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมขนาดกลางและขนาดใหญ่ถูกผลักดันให้สูญพันธุ์

นักสิ่งแวดล้อมเตือนว่าในพื้นที่อื่นๆ ของประเทศ สิ่งมีชีวิตมากกว่า 500 ชนิดในเขตเทือกเขากระวานตอนกลางก็เผชิญกับภัยคุกคามมากมาย ตั้งแต่การตัดไม้และล่าสัตว์ผิดกฎหมาย ไปจนถึงขุดลอกทราย รัฐบาลถูกวิพากษ์วิจารณ์ที่อนุญาตให้บริษัทต่างๆ เข้าถางป่าหลายแสนเฮกตาร์ในประเทศ รวมถึงในเขตคุ้มครอง เพื่อดำเนินโครงการตั้งแต่การทำสวนยาง ไร่อ้อย ไปจนถึงเขื่อนผลิตไฟฟ้าพลังงานน้ำ


สำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม  23 มกราคม 2568

ที่มา https://www.banmuang.co.th/news/it/414554

งานประชุมสุดยอดด้านความปลอดภัยทางไซเบอร์แห่งภูมิภาค Cybersec Asia x Thailand International Cyber Week 2025 (โดยความร่วมมือกับ NCSA) เริ่มต้นขึ้นอย่างเป็นทางการ งานสำคัญนี้รวบรวมผู้เชี่ยวชาญด้านความปลอดภัยไซเบอร์ระดับชั้นนำ ผู้กำหนดนโยบาย และผู้นำในอุตสาหกรรมจากประเทศไทยและเอเชียทั้งหมด เพื่อขับเคลื่อนความร่วมมือ แบ่งปันข้อมูลเชิงกลยุทธ์ และกำหนดทิศทางในการพัฒนาความปลอดภัยไซเบอร์ในภูมิภาค

ในปีที่ผ่านมาเราได้เห็นการเพิ่มขึ้นของภัยคุกคามทางไซเบอร์ที่ซับซ้อน เน้นย้ำถึงความจำเป็นเร่งด่วนในการร่วมมือกัน ผ่านโปรแกรมการฝึกอบรม การเสริมสร้างความร่วมมือเชิงกลยุทธ์ และการตั้งมาตรฐานที่แข็งแกร่ง ซึ่งงาน Cybersec Asia x Thailand International Cyber Week 2025 สร้างแรงกระเพื่อมอย่างยิ่งต่อการพัฒนาตลาดความปลอดภัยไซเบอร์ ทุกธุรกิจและบุคลากรสามารถเติบโตได้อย่างปลอดภัยในภูมิทัศน์ดิจิทัลที่กำลังพัฒนา ทั้งยังสะท้อนถึงความมุ่งมั่นของรัฐบาลไทยในการสร้างระบบนิเวศความปลอดภัยไซเบอร์ที่แข็งแกร่ง ซึ่งเป็นฟอรัมที่สำคัญสำหรับการสำรวจภัยคุกคามที่เกิดขึ้นใหม่ การแสดงโซลูชันล้ำสมัย และเสริมสร้างความร่วมมือระหว่างทุกภาคส่วน

คุณภูริพันธ์ บุนนาค รองผู้อำนวยการ สำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการแห่งประเทศไทย กล่าวเสริมว่า “ในยุคดิจิทัล ความปลอดภัยไซเบอร์เป็นรากฐานสำคัญของเสถียรภาพและการก้าวหน้าระดับโลก ในขณะที่ดิจิทัลของเอเชียกำลังเปิดโอกาสมหาศาล แต่ก็ทำให้เกิดความเสี่ยงใหม่ๆ ตั้งแต่ภัยคุกคามที่ขับเคลื่อนโดย AI ไปจนถึงการเข้ารหัสควอนตัม การจัดการกับความท้าทายเหล่านี้จำเป็นต้องมีความร่วมมือระหว่างประเทศที่แข็งแกร่ง ซึ่งการจัดงานครั้งนี้ ไม่เพียงแต่ช่วยผลักดันอุตสาหกรรมงานแสดงนิทรรศการไปข้างหน้า แต่ยังช่วยปกป้องผู้คนและธุรกิจทั่วโลก”


สำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม  22 มกราคม 2568

ที่มา: https://www.thairath.co.th/money/tech_innovation/tech_companies/2837167

ทรูมันนี่ ร่วมกับ บริษัท แอสเซนด์ บิท จำกัด ผู้ให้บริการเทคโนโลยีบล็อกเชน ได้เผยความสำเร็จของบริการซื้อคาร์บอนเครดิตเพื่อชดเชยการปล่อยคาร์บอน เผยเทรนด์คนรุ่นใหม่ ใส่ใจด้านสิ่งแวดล้อมมากขึ้น พร้อมประกาศความสำเร็จของการเปิดให้บริการคาร์บอนเครดิตผ่านแอปพลิเคชัน “ทรูมันนี่” โดยมีผู้ใช้งานแอปฯ ทรูมันนี่ซื้อคาร์บอนเครดิตเพื่อชดเชยการปล่อยก๊าซคาร์บอนเป็นจำนวนแล้วกว่า 1,500 ตันคาร์บอน หรือเทียบเท่ากับการใช้ต้นไม้กว่า 100,000 ต้นในการดูดซับก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ต่อปี

การซื้อคาร์บอนเครดิตเพื่อชดเชยคาร์บอนผ่านแอปฯ ทรูมันนี่ ได้ถูกออกแบบมาให้สามารถตรวจสอบข้อมูลได้ผ่านเทคโนโลยีบล็อกเชนสาธารณะ Polygon โดยการซื้อคาร์บอนเครดิตเพื่อชดเชยการปล่อยคาร์บอนในแต่ละครั้งจะถูกแปลงเป็นโทเคนดิจิทัลและบันทึกการรีไทร์คาร์บอน หรือ Carbon Offset ซึ่งหมายถึงการลดผลกระทบจากการปล่อยคาร์บอนฯ ไว้ในรูปแบบ NFT บนบล็อกเชน โดยระบบจะตัดเงินจากบัญชีทรูมันนี่ เพื่อซื้อและเบิร์นโทเคนคาร์บอนเครดิตที่ผ่านการรับรองมาตรฐานระดับสากล ทำให้การทำธุรกรรมทั้งหมดรวดเร็ว โปร่งใส ตรวจสอบได้ และมีต้นทุนที่เข้าถึงได้ง่ายกว่าบริการชดเชยคาร์บอนรูปแบบเดิมที่เห็นในประเทศไทยหลายเท่าตัว

นายอภินันท์ ดาบเพ็ชร กรรมการผู้จัดการ บริษัท แอสเซนด์ บิท จำกัด และผู้อำนวยการฝ่ายการเติบโตของวอลเล็ทแพลตฟอร์ม บริษัท ทรูมันนี่ จำกัด กล่าวว่า แอสเซนด์ บิท ต้องการที่จะเชื่อมโยงคนไทยเข้าสู่โลกบล็อกเชนสาธารณะ และมอบโอกาสในการเข้าถึงและให้การสนับสนุนทรัพยากรของโลกผ่านการแปลงสินทรัพย์เป็นโทเคน โดยคาร์บอนเครดิตเป็นหนึ่งในตัวอย่างสำคัญที่ทำให้ผู้คนสามารถเข้ามามีส่วนร่วมในการลดโลกร้อน ลดคาร์บอนฟุตพรินต์ และทำให้สังคมเห็นภาพชัดเจนถึงประโยชน์ที่แท้จริงจากการใช้เทคโนโลยีใหม่ ๆ ทางด้านการเงินในการสร้างอนาคตที่ยั่งยืน


สำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม  21 มกราคม 2568

สกสว. เผย “เชียงใหม่ –ลำปาง” สองจังหวัดต้นแบบการใช้วิจัยนวัตกรรมเพื่อการอนุรักษ์ โชว์ 5โปรเจกต์เด่นสร้าง “เมืองน่าอยู่” พร้อมรับฟังเสียงหน่วยงานภูมิภาคสรรหากลไกสร้างความยั่งยืนใน 17 จังหวัดภาคเหนือ

สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (สกสว.) นำทีมคณะผู้แทนสำนักงบประมาณ และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมผลงานภายใต้การสนับสนุนจากกองทุนวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม จังหวังเชียงใหม่ และจังหวัดลำปาง ทั้งสองจังหวัดเป็นพื้นที่ต้นแบบการจัดการเศรษฐกิจและทรัพยากรธรรมชาติ สู่การยกระดับความร่วมมือของภาครัฐ ภาคเอกชน และประชาชน เช่น การจัดการป่าชุมชน และการประยุกต์ใช้มาตรการลดการเผาในที่โล่ง และการถ่ายทอดความรู้ให้กับชุมชนอื่น ๆ

การท่องเที่ยวคาร์บอนสุทธิเป็นศูนย์สำหรับนักท่องเที่ยวคุณภาพกลุ่มอาสาสมัครชาวต่างชาติ โดยมีแผนจะขยายผลให้ครอบคลุม 17 จังหวัดภาคเหนือ และคาดการณ์ว่าจะสามารถสร้างผลกระทบที่จะเกิดขึ้นกว่า 2,000 ล้านบาท

ศาสตราจารย์ นายแพทย์ สิริฤกษ์ ทรงศิวิไล ประธานกรรมการส่งเสริมวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (กสว.) กล่าวว่า การลงพื้นที่ครั้งนี้เพื่อรับทราบความคืบหน้าการดำเนินงาน และเป็นโอกาสอันดีที่ กสว. และคณะจะได้รับฟังข้อมูลสถานการณ์และโจทย์ความต้องการของภาคส่วนต่าง ๆ ในพื้นที่ เพราะหัวใจสำคัญของการบริหารกองทุนส่งเสริม ววน. คือ การหนุนเสริมให้ประเทศพัฒนาได้ดียิ่งขึ้น โดยใช้กระบวนการทางความรู้ที่นำความต้องการของผู้ได้รับประโยชน์เป็นตัวตั้ง เพื่อให้งบประมาณที่ลงทุนไปนั้นเกิดประโยชน์ต่อพื้นที่และคนในพื้นที่อย่างแท้จริง

ด้าน รองศาสตราจารย์ ดร.ปัทมาวดี โพชนุกูล ผู้อำนวยการ สกสว. กล่าวเสริมว่า จังหวัดเชียงใหม่ และจังหวัดลำปาง เป็นพื้นที่ที่มีกระบวนการทำงานร่วมกันอย่างเข้มแข็งของหน่วยบริหารและจัดการทุน (PMU)หน่วยรับงบประมาณต่าง ๆ และองคาพยพในพื้นที่ ทั้งหน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน ภาคประชาสังคม ประชาชน และภาควิชาการ ซึ่งมีความพร้อมที่จะเดินหน้าในการนำความรู้ที่เกิดขึ้นไปใช้ประโยชน์และสร้างการเปลี่ยนแปลงให้เกิดขึ้นกับพื้นที่ในมิติเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม สามารถนำไปขยายผลวงกว้าง โดยมีผลการดําเนินงานของโครงการภายใต้กองทุนส่งเสริม ววน. ดังนี้

1.แม่เหียะโมเดล

2.การจัดการป่าชุมชน

3.การท่องเที่ยวคาร์บอนสุทธิเป็นศูนย์

4.ลำปางเมืองแห่งการเรียนรู้บนฐานทุนวัฒนธรรม

5.การยกระดับผลิตภัณฑ์เซรามิก และผลิตภัณฑ์ภาชนะสัมผัสอาหารจากกาบหมาก ของ จ. ลำปาง ให้ได้การรับรองมาตรฐาน

ที่มา : กรุงเทพธุรกิจ (https://www.bangkokbiznews.com/tech/innovation/1144766)


สำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม  20 มกราคม 2568

ที่มา https://www.thansettakij.com/economy/617381

กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม แจ้งความเห็นถึงโครงการ “บ้านเพื่อคนไทย” หลังครม. ไฟเขียวงบศึกษาให้คมนาคมเรียบร้อย รับต้องฝ่าด่านการจัดทำรายงานการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม หรือ EIA ตามกฎหมายด้วย

โครงการ “บ้านเพื่อคนไทย” หนึ่งในโครงการใหม่สำหรับผู้มีรายได้น้อยและรายได้ปานกลาง รวมถึงผู้ที่เริ่มทำงานหรือคนที่อยู่ในวัยทำงานที่กำลังพยายามเก็บเงินซื้อบ้าน และต้องการมีบ้านเป็นของตัวเอง ล่าสุดรัฐบาลได้เปิดตัวโครงการไปเป็นที่เรียบร้อย พร้อมทั้งเปิดให้ผู้ที่สนใจลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการแล้วและได้รับความสนใจจากประชาชนเป็นจำนวนมาก

หากการดำเนินโครงการพัฒนาที่อยู่อาศัยรอบพื้นที่สถานีรถไฟที่มีศักยภาพ หรือ โครงการบ้านเพื่อคนไทย เข้าข่ายตามประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เรื่อง กำหนดโครงการ กิจการ หรือการดำเนินการ ซึ่งต้องจัดทำรายงานการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม (EIA) และหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการจัดทำรายงานการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม พ.ศ. 2566 ลงวันที่ 20 ธันวาคม 2566  

หน่วยงานนั้นจะต้องจัดทำรายงานการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อมให้เป็นไปตามประกาศฉบับดังกล่าว และจะต้องจัดกระบวนการมีส่วนร่วมของประชาชนตามประกาศสำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเรื่อง แนวทางการมีส่วนร่วมของประชาชน ในกระบวนการจัดทำรายงานการประเมินผลกระทบ สิ่งแวดล้อม พ.ศ. 2566 ด้วย


สำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม  19 มกราคม 2568

ที่มา: https://www.posttoday.com/international-news/718258

ธนาคารขนาดใหญ่ที่สุด 6 แห่งของสหรัฐอเมริกาได้ประกาศถอนตัวจากกลุ่มพันธมิตรธนาคารสุทธิเป็นศูนย์ (NZBA) ซึ่งเป็นความร่วมมือระดับโลกที่สนับสนุนโดยสหประชาชาติ โดยเจพี มอร์แกนเป็นรายล่าสุดที่ประกาศถอนตัว ตามหลังซิตี้กรุ๊ป แบงก์ออฟอเมริกา มอร์แกน สแตนลีย์ เวลส์ ฟาร์โก และโกลด์แมน แซคส์ โดยการถอนตัวครั้งนี้เกิดขึ้นก่อนการเข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดีที่คาดว่าจะเกิดขึ้นของโดนัลด์ ทรัมป์ ซึ่งมีนโยบายชัดเจนในการสนับสนุนอุตสาหกรรมพลังงานและต่อต้านกฎระเบียบด้านสิ่งแวดล้อม นักวิเคราะห์มองว่าเป็นความพยายามของธนาคารในการหลีกเลี่ยงการปะทะกับฝ่ายการเมืองที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต

แม้จะถอนตัวจากกลุ่มพันธมิตร แต่ธนาคารเหล่านี้ยืนยันว่ายังคงมุ่งมั่นในการดำเนินการด้านสภาพภูมิอากาศ โดยซิตี้กรุ๊ประบุว่าจะมุ่งเน้นการสนับสนุนการเปลี่ยนผ่านสู่เศรษฐกิจคาร์บอนต่ำในตลาดเกิดใหม่ ขณะที่เจพี มอร์แกนเน้นย้ำว่าจะทำงานอย่างเป็นอิสระเพื่อพัฒนาเทคโนโลยีคาร์บอนต่ำควบคู่ไปกับการรักษาความมั่นคงด้านพลังงาน

ปัจจุบัน NZBA ยังคงมีสมาชิก 141 แห่งทั่วโลก รวมถึงธนาคารยักษ์ใหญ่ของยุโรปทั้งหมด ควบคุมสินทรัพย์รวมประมาณ 40% ของสินทรัพย์ธนาคารทั่วโลก หรือราว 64 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ แม้การถอนตัวของธนาคารสหรัฐฯ จะส่งผลกระทบ แต่ผู้เชี่ยวชาญเชื่อว่า NZBA ยังคงมีบทบาทสำคัญในการขับเคลื่อนการเปลี่ยนแปลงสู่เศรษฐกิจที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมต่อไป


© 2025 Faculty of Environment and Resource Studies, Mahidol University . All Rights Reserved.