• +662 441 5000
  • This email address is being protected from spambots. You need JavaScript enabled to view it.

ข่าวสิ่งแวดล้อม

สำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม  8 มิถุนายน 2567

ที่มา: https://www.dailynews.co.th/news/3503910/

พระอธิการกัมปนาท สุเขธิโต เจ้าอาวาสวัดหมูสี ประธานกลุ่มเครือข่ายอนุรักษ์สัตว์ป่าและธรรมชาติ กล่าวว่า กลุ่มเครือข่ายกลุ่มอนุรักษ์รอบอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ ได้ร่วมกันจัดงาน “วันอนุรักษ์เขาใหญ่” เนื่องในวันสิ่งแวดล้อมโลก ในวันที่ 8 มิถุนายน 2567 ณ บริเวณหน้าด่านประตูทางขึ้นอุทยานฯ เขาใหญ่ ประตูด่านศาลเจ้าพ่อเขาใหญ่ ตำบลหมูสี อำเภอปากช่อง จังหวัดนครราชสีมา

นายวัชรากร นามสีฐาน นายกสมาคมอนุรักษ์ธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเขาใหญ่ กล่าวว่า การเปลี่ยนแปลงของธรรมชาติในปัจจุบัน ของพื้นที่ปากช่อง เขาใหญ่ เทียบกับเมื่อ 10 ปีที่ผ่านมานั้น ถือว่าผิดกันมาก จากสภาพอากาศทั่วไปในช่วงกลางวันเย็นสบายตลอดทั้งวัน แต่ในปัจจุบันสภาพอากาศร้อนขึ้น ซึ่งเกิดจากสภาพพื้นที่เปลี่ยนไป การขยายชุมชนออกไปรอบแนวเขาใหญ่ ทำให้พื้นที่ป่าลดลงเป็นจำนวนมาก ซึ่งเมื่อก่อน สัตว์ป่าแต่ละชนิดสามารถหาดูได้ยาก แต่ในปัจจุบัน สัตว์ป่าเริ่มออกมาหากินนอกเขตอุทยานฯ และไม่ยอมกลับเข้าพื้นที่ ทำให้พฤติกรรมสัตว์ป่าเปลี่ยนแปลงไป จึงอยากให้ทุกฝ่ายเห็นความสำคัญในการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ ผืนป่าและสัตว์ป่า ไว้ให้ลูกหลานได้ดูได้ศึกษาต่อไป จึงขอเชิญชวนผู้ที่สนใจเรื่องสิ่งแวดล้อมและการอนุรักษ์ เข้าร่วมงาน


สำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม  7 มิถุนายน 2567

ที่มา : Trueid (https://news.trueid.net/detail/Z7yeWK4Na6y7)

ปักกิ่ง, 6 มิ.ย. (ซินหัว) — แถลงการณ์จากกระทรวงนิเวศวิทยาและสิ่งแวดล้อมของจีนเมื่อวันพุธ (5 มิ.ย.) ระบุว่าจีนมีการดำเนินงานคุ้มครองสิ่งแวดล้อมดีขึ้นในปี 2023 โดยคุณภาพของอากาศและน้ำพัฒนาดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง ความเข้มข้นเฉลี่ยของฝุ่นพีเอ็ม 2.5 (PM2.5) ตามเมืองกลุ่มเฝ้าติดตามของกระทรวงฯ จำนวน 339 แห่ง อยู่ที่ 30 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตรในปี 2023 ลดลงจากเป้าหมายรายปีเกือบ 3 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร และลดลงร้อยละ 28.6 จากปี 2016ส่วนน้ำผิวดินร้อยละ 89.4 ของพื้นที่เฝ้าติดตามมีคุณภาพค่อนข้างดี จัดอยู่ที่หรือสูงกว่าระดับ 3 ในระบบคุณภาพน้ำ 5 ระดับ ซึ่งเพิ่มขึ้น 1.5 จุดเมื่อเทียบปีต่อปี ขณะสัดส่วนพื้นที่น้ำทะเลภายใต้เขตอำนาจของจีนที่มีคุณภาพดีที่สุดอยู่ที่ร้อยละ 97.9 เพิ่มขึ้น 0.5 จุดเมื่อเทียบปีต่อปีอนึ่ง เมื่อวันพุธ (5 มิ.ย.) ตรงกับวันสิ่งแวดล้อมโลกขององค์การสหประชาชาติ (UN) ซึ่งมุ่งกระตุ้นการตระหนักรู้และการลงมือปฏิบัติเพื่อคุ้มครองสิ่งแวดล้อมบนโลก โดยปีนี้มุ่งเน้นการฟื้นฟูที่ดิน การแปรสภาพเป็นทะเลทราย และการต้านทานภัยแล้งเมื่อวันจันทร์ (3 มิ.ย.) เจ้าหน้าที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติของจีน ซึ่งร่วมกิจกรรมวันสิ่งแวดล้อมโลกที่จัดโดยสำนักงานโครงการสิ่งแวดล้อมแห่งสหประชาชาติประจำจีน เผยว่าจีนได้ฟื้นฟูระบบนิเวศอันครอบคลุมภูเขา แม่น้ำ ป่าไม้ พื้นที่เพาะปลูก ทะเลสาบ ทุ่งหญ้า และทะเลทราย กว่า 100 ล้านหมู่ (ราว 42 ล้านไร่)


สำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม  6 มิถุนายน 2567

ที่มา https://www.posttoday.com/smart-life/709593

กล่องกระดาษ นับเป็นขยะที่ขยายตัวต่อเนื่องจากการเติบโตของ E-Commerceหลายท่านอาจรู้สึกปวดหัวไม่รู้ต้องจัดการกล่องเหล่านี้เช่นไร แต่ปัญหาอาจหมดไปเมื่อมีการผลิตโฟมชนิดใหม่อาศัยกล่องกระดาษจากการส่งพัสดุ

ส่วนนี้ถือเป็นการซ้ำเติมปัญหาขยะล้นเมืองและการจัดการขยะในหลายประเทศ เพราะพัสดุออนไลน์ยังคงได้รับความนิยมอีกทั้งบรรจุภัณฑ์ที่นำมาใช้งานมีส่วนผสมของพลาสติก โฟม ไปจนกระดาษแข็ง ที่จัดการได้ยาก จึงกลายเป็นปัญหาที่ต้องได้รับความใส่ใจอย่างเร่งด่วน

ด้วยเหตุนี้จึงมีการคิดค้นวัสดุชนิดใหม่จากการรีไซเคิลกล่องบรรจุภัณฑ์จากธุรกิจ E-Commerce  ผลงานนี้เป็นของทีมวิจัยจาก Beijing Forestry University แห่งประเทศจีน กับการคิดค้นวัสดุรูปแบบใหม่ โดยอาศัยการรีไซเคิลกล่องกระดาษที่ได้รับความนิยมในธุรกิจ E-Commerce มาผลิตเป็นโฟมชนิดใหม่ ซึ่งจะช่วยแก้ปัญหาขยะได้ในหลายมิติ


สำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม  5 มิถุนายน 2567

ที่มา: https://ch3plus.com/news/environment/krobkruakao3/402683

วันสิ่งแวดล้อมโลก หรือ World Environment Day มีจุดเริ่มต้นขึ้นเพื่อสร้างความตระหนักต่อวิกฤตการณ์ด้านสิ่งแวดล้อมที่เกิดขึ้นทั่วโลก จาก “การประชุมสหประชาชาติเรื่องสิ่งแวดล้อมของมนุษย์” หรือ “UN Conference on the Human Environment” ณ กรุงสตอกโฮล์ม ประเทศสวีเดน เพื่อร่วมกันหาหนทางแก้ไขปัญหาสิ่งแวดล้อมที่แต่ละประเทศกำลังเผชิญอยู่  ดังนั้นเพื่อเป็นการระลึกถึงจุดเริ่มต้นของการร่วมมือจากหลากหลายชาติในด้านสิ่งแวดล้อม องค์การสหประชาชาติจึงได้ประกาศให้วันที่ 5 มิถุนายนของทุกปีเป็น “วันสิ่งแวดล้อมโลก” พร้อมจัดให้มีคำขวัญและหัวข้อเพื่อการรณรงค์ด้านสิ่งแวดล้อมในแต่ละปีต่างกัน

โดยในส่วนของประเทศไทย กรมการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและสิ่งแวดล้อม ได้มีการจัดกิจกรรมเนื่องใน “วันสิ่งแวดล้อมโลก ประจำปี 2567 ภายใต้แนวคิด “Our land. Our future. We are #GenerationRestoration.” “พลิกฟื้นผืนดิน สู้วิกฤตภัยแล้ง” ในวันที่ 5 มิถุนายน 2567 โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อสร้างความตระหนักรู้ และส่งเสริมให้ประชาชนมีส่วนร่วมในการรักษาสิ่งแวดล้อม มุ่งสร้างภูมิคุ้มกันต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ สู้วิกฤตภัยแล้ง อีกทั้งนำเสนอการเตรียมการประกาศเจตนารมณ์ความร่วมมือ ยกระดับการดำเนินงานของภาคีเครือข่ายภาคเอกชน มุ่งสู่เป้าหมาย Thailand Net Zero 2065 ในช่วงเดือนกรกฎาคม 2567 เพื่อเป็นการส่งเสริมให้ผู้ประกอบการมีแนวทางในการประกอบกิจการที่คำนึงถึงผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม รวมถึงสร้างความรู้ความเข้าใจ ส่งเสริมให้กลุ่มผู้บริโภคการมีส่วนร่วมในการลดปริมาณขยะ ลดใช้พลาสติกแบบใช้ครั้งเดียวทิ้ง ใช้ทรัพยากรอย่างคุ้มค่า และปรับเปลี่ยนวิถีชีวิต เพื่อตั้งรับปรับตัวต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ

การที่จะแก้ไขปัญหาสิ่งแวดล้อมให้ประสบความสำเร็จต้องใช้แนวทางที่ใช้ความรู้ แรงผลักดัน และความร่วมมือจากคนทุกรุ่น และหน่วยงานทุกภาคส่วนในสังคม  การแก้ไขปัญหาสิ่งแวดล้อมจึงเป็นหน้าที่ของทุกคนที่จะต้องช่วยกันดูแลรักษาด้วยการช่วยกันประหยัดทรัพยากรที่อยู่รอบ ๆ ตัว เช่น การใช้น้ำ ไฟ อย่างคุ้มค่า การลดปริมาณขยะ สร้างพฤติกรรมการแยกขยะ และการลดการก่อให้เกิดมลพิษทางอากาศ ทางน้ำ และทางเสียง ไม่ตัดไม้ทำลายป่า รวมทั้งช่วยกันปลูกป่า ปลูกต้นไม้ เพื่อช่วยเพิ่มพื้นที่สีเขียวให้กับโลกของเรา ตลอดจนช่วยกันเสริมสร้างปลูกจิตสำนึกต่อสิ่งแวดล้อม สร้างทัศนคติในการอนุรักษ์ทรัพยากรกลับมาใช้อย่างรู้คุณค่า เพื่อเป็นพลังสำคัญในการรักษาทรัพยากรสิ่งแวดล้อมให้สดใสและยั่งยืนสำหรับทุกคนต่อไปในอนาคต


สำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม  4 มิถุนายน 2567

ที่มา : Springnews (https://www.springnews.co.th/keep-the-world/environment/850750)

ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าปัญหา “ขยะล้นโลก” เป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่เป็นจุดเริ่มต้นของปัญหาสิ่งแวดล้อม ซึ่งเกิดจากการใช้ทรัพยากรในการอุปโภค-บริโภคของมนุษย์ ร่วมรณรงค์เร่งแก้ปัญหาขยะเนื่องในวันสิ่งแวดล้อมโลก 5 มิถุนายน ในแต่ละปี มนุษย์ทั่วโลกสร้างขยะมากถึง 2.12 พันล้านตัน แต่เรากลับมีการบริหารจัดการที่ไม่เหมาะสม โดยขยะส่วนใหญ่บนโลกใบนี้ถูกนำไปทิ้งตามบ่อทิ้งขยะ หรือทิ้งตามแม่น้ำ และในท้ายที่สุด พวกมันก็ลอยไปอยู่ในทะเล แต่ปัญหาขยะจะยิ่งรุนแรงมากขึ้นในประเทศที่มีฐานะไม่ร่ำรวย ดังนั้นหากมนุษย์เราไม่ช่วยเหลือกันอย่างจริงจัง คำกล่าวที่ว่า “ขยะล้นโลก” ก็คงจะเกิดขึ้นในอนาคตประเทศร่ำรวยขนขยะมาทิ้งที่ประเทศยากจนกว่า เมื่อปลายปี 2021 สำนักงานคุ้มครองสิ่งแวดล้อมของสหรัฐฯ ประกาศนโยบายที่ตั้งเป้าว่า สหรัฐฯจะต้องมีอัตราการรีไซเคิลขยะให้ได้ 50 เปอร์เซ็นต์ ภายในปี 2030 โดยตัวเลขเมื่อปี 2018 คาดการณ์ว่า สหรัฐฯสามารถรีไซเคิลขยะได้เพียงแค่ 32 เปอร์เซ็นต์เท่านั้น และมีขยะพลาสติกเพียงแค่ 8.7 เปอร์เซ็นต์ที่ถูกนำกลับมารีไซเคิลในแต่ละปี ทั้งนี้ เนื่องจากในปี 2018 จีน ซึ่งเป็นประเทศนำเข้าขยะรายใหญ่ ประกาศจะไม่รับขยะพลาสติกจากต่างประเทศมาจัดการอีกแล้ว นอกจากนี้ ยังมีการลงนามของกว่า 180 ประเทศที่จะใช้มาตรการอันเข้มงวดขึ้น ต่อประเด็นการที่ชาติร่ำรวยจะขนขยะพลาสติกไปทิ้งในประเทศยากจนกว่า อย่างไรก็ตาม แม้จีนจะไม่รับขยะพลาสติกและยังมีข้อตกลงร่วมกันของหลายชาติ แต่ในปี 2021 สหรัฐฯก็ยังคงส่งออกขยะพลาสติก 45 ล้านตันไปทิ้งในต่างประเทศอยู่ดี และมากขึ้นกว่าปี 2020 ด้วย สหรัฐฯ สหราชอาณาจักร แคนาดา ไอร์แลนด์ และเยอรมนี เคยพึ่งพาประเทศอย่างจีน อินโดนีเซีย มาเลเซีย เคนยา เวียดนาม และตุรกี ในการรีไซเคิลขยะ อย่างไรก็ตาม เมื่อประเทศเหล่านั้นเต็มไปด้วยขยะจำนวนมาก และไม่มีเทคโนโลยีหรืออุปกรณ์ที่จะจัดการขยะรีไซเคิลอย่างเหมาะสม ก็ทำให้ในท้ายที่สุดขยะเหล่านั้นได้รับการจัดการที่ไม่ดี และถูกเผาแทนที่จะถูกนำไปรีไซเคิล ประชากรในอาเซียนกำลังเพิ่มขึ้น ขยะก็เพิ่มตาม ขยะมากถึง 1 ใน 5 ของโลกใบนี้อยู่ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยนอกจากสาเหตุเรื่องการรับขยะจากต่างประเทศมาจัดการแล้ว อีกสาเหตุสำคัญที่ทำให้ขยะในภูมิภาคนี้เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องก็คือ การขยายตัวของเขตเมือง และการขยายตัวของเศรษฐกิจ ประกอบกับจำนวนประชากรที่เพิ่มขึ้น โดยในช่วง 20 ปีที่ผ่านมา เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ของเรามีประชากรเพิ่มขึ้นเกือบ 25 เปอร์เซ็นต์ เป็นกว่า 690 ล้านคนแล้ว ปัจจัยต่างๆนำมาสู่การบริโภคที่เพิ่มขึ้น และทำให้เกิดการสร้างขยะตามมา ซึ่งขยะเกิดขึ้นได้จากทุกช่องทางการบริโภค ไม่ว่าจะเป็นการสั่งซื้อของออนไลน์ ที่ต้องมีขยะจากบรรจุภัณฑ์ หรือจะเป็นการซื้อของจากหน้าร้านทั่วไป รายงานยังชี้ว่า กว่า 80 เปอร์เซ็นต์ของขยะที่ลอยลงไปในทะเลมาจากภูมิภาคอาเซียนของเรานี่เอง นอกจากนี้ เรายังมีการจัดการขยะอย่างไม่เหมาะสม โดยพบว่า 90 เปอร์เซ็นต์ของขยะถ้าไม่ถูกทิ้งในที่ทิ้งขยะ ก็จะถูกนำไปเผาขยะล้นอินโดนีเซียจนชาวบ้านต้องย้ายบ้านหนี ในอินโดนีเซีย แต่ละวันจะมีขยะมากถึง 7 พันตันมาถึงที่บ่อทิ้งขยะบันตาร์เกบัง ซึ่งมีขนาดความกว้างเท่าสนามฟุตบอลกว่า 200 สนามรวมกัน และมีความสูงกว่าตึก 15 ชั้น โดยบ่อทิ้งขยะแห่งนี้ตั้งอยู่ในเมืองเบกาซี ที่นี่รองรับขยะจากกรุงจาการ์ตามานานกว่า 30 ปีแล้ว รอบๆบ่อทิ้งขยะแห่งนี้ก็รายล้อมไปด้วยหมู่บ้านจำนวนมาก ซึ่งมีประชาชนราว 20,000 คนอาศัยอยู่  ปัญหาที่ตามมาก็คือกลิ่นและความสะอาด ส่งผลทำให้ชาวบ้านจำนวนมากต้องย้ายหนี แต่ประชาชนส่วนใหญ่ที่ยังอาศัยอยู่ก็คือคนที่ประกอบอาชีพเก็บของเก่าขาย บ่อทิ้งขยะบันตาร์เกบังเป็นหนึ่งในบ่อทิ้งขยะที่ใหญ่ที่สุดในโลก และมันยังคงมีขนาดใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ จนทำให้รัฐบาลพยายามผลักดันให้ประชาชนที่อาศัยอยู่ใกล้ๆย้ายออก เพราะรัฐต้องการขยายพื้นที่ทิ้งขยะ


สำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม  3 มิถุนายน 2567

ที่มา https://www.lokwannee.com/web2013/?p=468365

โคกหนองนา แนวคิดการจัดการพื้นที่ทางการเกษตร ซึ่งเป็นการผสมผสานของเกษตรทฤษฎีใหม่ร่วมกับภูมิปัญญาท้องถิ่นให้มีความเหมาะสมและสอดคล้องกับสภาพธรรมชาติที่มีอยู่ในพื้นที่นั้นๆ ซึ่งเป็นการจัดการสภาพแวดล้อมที่มีอยู่แล้วตามธรรมชาติให้เกิดความยั่งยืนเอื้อต่อคุณภาพชีวิตที่ดีของคนในชุมชน

 การพัฒนาพื้นที่ตามหลักเศรษฐกิจพอเพียงและทฤษฎีใหม่ โดยยึดหลัก บวร โดยมีผู้นำศาสนาเป็นศูนย์รวมใจในการพัฒนาพื้นที่ให้ยั่งยืน  พระปลัดสาธิต สุจิณโณ ได้ให้แนวคิดกับคณะกรรมการกลุ่มวิสาหกิจชุมชนเขตพัฒนาเศรษฐกิจพอเพียง(SEDZ) ตำบลบางสระเก้า อำเภอแหลมสิงห์ จังหวัดจันทบุรีว่า การจัดกระบวนการปรับปรุงพื้นที่ใหม่ครั้งนี้ เพื่อให้เกิดประโยชน์แก่ชุมชนสูงสุด ให้กำหนดชัดเจนลงไปว่า พื้นที่ไหนจะเป็นเขตอนุรักษ์ เพื่อสร้างสิ่งแวดล้อมที่ดีไว้บำบัดอากาศ แหล่งออกซิเจนของชุมชน พื้นที่ส่วนไหนจะเป็นส่วนที่ชาวบ้านใช้ทำมาหากิน ประมาณคนละ1- 2 ไร่ ให้มีรายได้และมีชีวิตที่ดีขึ้น นอกจากนั้นกันเขตพื้นที่สาธารณะเพื่อใช้เป็นศูนย์การเรียนรู้ โดยให้สมาชิกในกลุ่มวิสาหกิจฯ ดูแลกันเอง จ้างกันเองในราคาถูกและร่วมกันไม่ให้เกิดการบุกรุกทำลายสิ่งแวดล้อม ทั้งกันเขตพื้นที่สำหรับพัฒนาถนนให้เกิดความสะดวกมีไฟฟ้าประปาได้ในอนาคต พื้นที่ตรงนี้จะสร้างรายได้ทั้งเลี้ยงกุ้งเลี้ยงปลาแบบธรรมชาติ และจะประมวลผลทุกปีว่าชาวบ้านมีรายได้พอที่จะเลี้ยงชีพเลี้ยงครอบครัวตัวเองไหม”

นอกเหนือจากการสร้างงานสร้างรายได้ให้ชุมชน ทางกลุ่มวิสาหกิจฯ วางแผนไว้ว่าในส่วนพื้นที่ป่าจะทำทางเดินศึกษาธรรมชาติ 400 กว่าไร่ และฟื้นฟูระบบน้ำให้เป็นแหล่งอาศัยของตัวอ่อนสัตว์น้ำ ร่วมเป็นส่วนหนึ่งที่จะส่งเสริมการท่องเที่ยววิถีธรรมชาติในชุมชน ซึ่งมีทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมที่อุดมสมบูรณ์สมกับวิถีชีวิตและวัฒนธรรมการท่องเที่ยวที่ยั่งยืนต่อไป


สำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม  2 มิถุนายน 2567

ที่มา: https://www.matichon.co.th/local/quality-life/news_4602187

กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) โดยกรมการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและสิ่งแวดล้อม ร่วมกับสำนักเลขาธิการอาเซียน เป็นเจ้าภาพจัดประชุมคณะทำงานอาเซียนด้านสิ่งแวดล้อมเมืองที่ยั่งยืน ครั้งที่ 22 เชื่อมโยงระหว่างประเทศสมาชิกอาเซียนให้เกิดพลังในการขับเคลื่อนการจัดการสิ่งแวดล้อมเมืองสู่ความยั่งยืน ณ โรงแรมอมารี กรุงเทพฯ มี ดร.ชญานันท์ ภักดีจิตต์ รองปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เป็นประธานในพิธีเปิดการประชุม และนายปวิช เกศวววงศ์ รองอธิบดีกรมการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและสิ่งแวดล้อม เป็นประธานร่วมดำเนินการประชุม

ผู้เข้าร่วมการประชุม ประกอบด้วย ผู้อำนวยการกลุ่มสิ่งแวดล้อมและเจ้าหน้าที่ สำนักเลขาธิการอาเซียน ผู้แทนหน่วยงาน National Focal Point คณะทำงานอาเซียนด้านสิ่งแวดล้อมเมืองที่ยั่งยืน (AWGESC) ประเทศสมาชิกอาเซียน 10 ประเทศ โดยมีผู้แทนจากองค์กรความร่วมมือระหว่างประเทศและหน่วยงานพันธมิตรของภูมิภาคอาเซียน และผู้แทนหน่วยงานที่เกี่ยวข้องของไทย รวม 70 คน สำหรับประเทศไทย ทส. ได้บูรณาการแผนงานระดับภูมิภาคอาเซียนดังกล่าวในยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี และแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 13 พร้อมทั้งขับเคลื่อนให้เป็นรูปธรรมโดยน้อมนำหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง เป็นธงนำทาง ซึ่งให้ความสำคัญกับการสร้างความสมดุลระหว่างการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมควบคู่กับการอนุรักษ์ ดูแลรักษาสิ่งแวดล้อมโดยมีประชาชนเป็นศูนย์กลางในการมีส่วนร่วมและบูรณาการทุกภาคส่วนและทุกระดับทั้งภาคประชาชน ภาครัฐและภาคเอกชน

ดร.ชญานันท์  กล่าวว่า ทส. ได้ผลักดันการดำเนินงานเมืองสิ่งแวดล้อมยั่งยืนให้ครอบคลุมทั้งประเทศตามบริบทและอัตลักษณ์พื้นที่ มุ่งเป้าบรรลุผลสำเร็จ “เมืองยืดหยุ่นปรับตัว สังคมในเมืองที่สงบและปลอดภัย รวมทั้งวิถีชีวิตที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม” ด้วยการส่งเสริมให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นตระหนักและบูรณาการแนวคิดการจัดการสิ่งแวดล้อมยั่งยืน สะท้อนบทบาทที่สร้างสรรค์ ในการเชื่อมโยงระหว่างประเทศสมาชิกอาเซียนให้เกิดพลัง ตลอดจนแลกเปลี่ยนความคิดเห็นและประสบการณ์ นำไปสู่การยกระดับการขับเคลื่อนงานด้านสิ่งแวดล้อม เพื่อบรรลุเป้าหมายตามวิสัยทัศน์ประชาคมอาเซียนต่อไป


สำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม 1 มิถุนายน 2567

ที่มา : MGR Online (https://mgronline.com/smes/detail/9670000046061)

สำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (องค์การมหาชน) หรือ NIA กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัย และนวัตกรรม (อว.) ร่วมกับสำนักงานนวัตกรรมอิสราเอล (Israel Innovation Authority) หรือ IIA โชว์นวัตกรรมการรีไซเคิลขยะพลาสติกผสมพีวีซีด้วยกระบวนการซูปเปอร์ออกไซด์เพื่อผลิตน้ำมัน แนฟทาสำหรับอุตสาหกรรมเคมีครั้งแรกของประเทศไทย ซึ่งเป็นนวัตกรรมที่เกิดขึ้นจากความร่วมมือของ 2 บริษัทนวัตกรรม ได้แก่ บริษัท เอสซีจี เคมิคอลส์ จำกัด (มหาชน) จากประเทศไทย และบริษัท พลาสติกแบ๊ค (Plastic Back) จากประเทศอิสราเอล โดยนวัตกรรมนี้จะช่วยแก้ปัญหากระบวนการกำจัดและเปลี่ยนขยะพลาสติกที่มีพีวีซีปนเปื้อนซึ่งยากต่อการกำจัดและได้ผลผลิตเป็นน้ำมันแนฟทาสำหรับใช้ในโรงงาน ทดแทนแนฟทาจากฟอสซิลซึ่งมีราคาสูงมากได้ และโครงการนี้ถือเป็นหนึ่งในตัวอย่างความสำเร็จของโครงการพัฒนาความร่วมมือกับหน่วยงานระหว่างประเทศเพื่อการเติบโตของธุรกิจนวัตกรรม (Bilateral Programs for Parallel Support)

          ดร. กริชผกา บุญเฟื่อง ผู้อำนวยการสำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (องค์การมหาชน) หรือ NIA กล่าวว่า “NIA มุ่งส่งเสริมการพัฒนานวัตกรรมที่สร้างมูลค่าและส่งผลกระทบเชิงบวกทั้งด้านเศรษฐกิจและสังคม โดยเฉพาะการสร้างเครือข่ายความร่วมมือระหว่างประเทศ เพื่อเร่งสร้างโอกาสการเติบโตให้กับผู้ประกอบธุรกิจนวัตกรรม จึงได้ดำเนิน “โครงการพัฒนาความร่วมมือกับหน่วยงานระหว่างประเทศเพื่อการเติบโตของธุรกิจนวัตกรรม” ขึ้น โดยร่วมกับสำนักงานนวัตกรรมอิสราเอล หรือ IIA พัฒนาศักยภาพของผู้ประกอบธุรกิจนวัตกรรมในสาขาธุรกิจที่มีความสนใจร่วมกันระหว่างสองประเทศ โดย “โครงการรีไซเคิลขยะพลาสติกผสมพีวีซีด้วยกระบวนการซูปเปอร์ออกไซด์เพื่อผลิตน้ำมันแนฟทาสำหรับอุตสาหกรรมเคมี” ระหว่างบริษัท เอสซีจี เคมิคอลส์ จำกัด (มหาชน) และ บริษัท พลาสติกแบ๊ค ในครั้งนี้ถือเป็นก้าวแรกของความสำเร็จที่มีการนำนวัตกรรมจากอิสราเอลมาประยุกต์ใช้ในประเทศไทยนับตั้งแต่มีการลงนามความร่วมมือ (MoU) ด้านนวัตกรรมในปี 2561 ซึ่งนอกจากจะสามารถนำน้ำมันแนฟทาจากกระบวนการรีไซเคิลทางเคมีมาใช้เป็นสารตั้งต้นในโรงงานอุตสาหกรรมหรือขายทดแทนแนฟทาจากฟอสซิลที่ปัจจุบันมีราคาขายประมาณ 550 ดอลลาร์สหรัฐต่อตันแล้ว ยังช่วยลดปริมาณการใช้สารตั้งต้นในกลุ่มฟอสซิลให้แก่โรงงานปิโตรเคมี และเพิ่มอัตราส่วนของผลิตภัณฑ์พอลิเมอร์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และมีปริมาณคาร์บอนฟุตพริ้นท์ต่ำ (Green polymer) ได้อีกด้วย”


© 2024 Faculty of Environment and Resource Studies, Mahidol University . All Rights Reserved.