• +662 441 5000
  • This email address is being protected from spambots. You need JavaScript enabled to view it.

ข่าวสิ่งแวดล้อม

สำนักข่าว กรมประชาสัมพันธ์  21 ตุลาคม 2566

กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เพิ่มความเข้มงวดมาตรการรับมือฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM 2.5 ช่วงปลายปีนี้ในพื้นที่กรุงเทพมหานครและปริมณฑล พร้อมคุมเข้มแหล่งกำเนิดของฝุ่นที่มาจากยานพาหนะและโรงงานอุตสาหกรรมในเขตเมือง

นายปิ่นสักก์ สุรัสวดี อธิบดีกรมควบคุมมลพิษ (คพ.) กล่าวว่า กรมควบคุมมลพิษ (คพ.) กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ได้เตรียมพร้อมมาตรการรับมือสถานการณ์ฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM 2.5 ปลายปีนี้ต่อเนื่องถึงต้นปีหน้าอย่างเข้มข้น ทั้งการควบคุมไฟในป่า การเผาในพื้นที่เกษตร และควบคุมการเกิดฝุ่นในพื้นที่เมือง โดยเฉพาะกรุงเทพมหานครและปริมณฑลใกล้เข้าสู่ฤดูหนาวแล้วและยังได้รับผลกระทบจากปรากฏการณ์เอลนีโญต่อเนื่องถึงปีหน้า ส่งผลให้สภาพอากาศจะแล้งมากขึ้นมีผลให้เกิดฝุ่นละอองได้ง่ายขึ้น จึงจำเป็นต้องให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องควบคุมแหล่งกำเนิดของฝุ่นที่มาจากยานพาหนะ ด้วยการเข้มงวดการตรวจสอบและตรวจจับรถควันดำ ซึ่งเน้นรถยนต์ที่เข้ามาในเขตเมืองชั้นใน ควบคู่กับการตรวจสภาพรถยนต์ กวดขันวินัยจราจร ควบคุมพื้นที่ก่อสร้าง สนับสนุนให้ประชาชนเดินทางด้วยรถไฟฟ้าและรถสาธารณะ ส่วนกระทรวงอุตสาหกรรมขอความร่วมมือให้ควบคุมโรงงานอุตสาหกรรมทุกแห่งที่มีความเสี่ยงสูงปล่อยมลพิษหรือก่อฝุ่นละออง สำหรับพื้นที่รอบนอก ขอให้กรุงเทพมหานครสนับสนุนเกษตรกรช่วยกันไม่เผาตอซังฟางข้าว ทั้งนี้ ปีนี้ยังได้ปรับปรุงค่ามาตรฐานฝุ่นละออง PM 2.5 และดัชนีคุณภาพอากาศที่มีความเข้มขึ้น เพื่อป้องกันผลกระทบต่อสุขภาพอนามัย ทำให้สามารถแจ้งเตือนประชาชนได้รวดเร็ว พร้อมยกระดับมาตรการขึ้นให้มีความเข้มข้นมากกว่าปีที่ผ่านมา โดยจัดทำเป็นมาตรการแก้ปัญหาฝุ่นพิษ PM 2.5 ปี 2567 ที่พร้อมรับมือฝุ่นละออง ทั้งการส่งเสริมน้ำมันกำมะถันต่ำช่วยให้ฝุ่นลดลง // การพัฒนาระบบตรวจสอบย้อยกลับการเผาในพื้นที่เกษตรกรรมและพื้นที่ป่า // เร่งนำระบบ GAP PM 2.5 Free มาใช้ และส่งเสริมสินค้าเกษตรปลอดการเผา

ขณะที่ กรุงเทพมหานคร ได้จัดทำแผนลดฝุ่น 365 วัน ตั้งแต่การติดตามเฝ้าระวัง ทำ Riskmap เพื่อลงในแผนที่ที่จะเข้าถึงพื้นที่ได้ทันที ปรับปรุง AirBKK เพื่อให้ประชาชนวางแผนการเดินทางและการป้องกันตนเอง ลดการเผาในที่โล่ง และใช้ประชาชนเป็นแนวร่วม โดยแบ่งเงินรางวัลนำจับให้กับผู้แจ้งเหตุ กำจัดต้นตอ พร้อมตรวจควันดำ ณ แหล่งกำเนิด อู่รถเมล์ พื้นที่ก่อสร้าง ป้องกันประชาชน ด้วยการทำห้องปลอดฝุ่น ติดตั้งเครื่องฟอก และการออกมาตรการ WFH ที่ร่วมกับกรมควบคุมมลพิษ (คพ.) ในการพยากรณ์


สำนักข่าว กรมประชาสัมพันธ์  20 ตุลาคม 2566

ว่าที่ร้อยตรี ธนะสิทธิ์ เอี่ยมอนันชัย รองอธิบดีกรมอุตุนิยทวิทยา กล่าวว่า ประเทศไทยได้เริ่มเข้าสู่ช่วงปลายฝนต้นหนาวในช่วงสัปดาห์สุดท้ายของเดือนตุลาคมนี้ ส่งผลกระทบให้สถานการณ์ฝุ่น PM2.5 เพิ่มมากขึ้น จากลักษณะอากาศเย็นที่ปกคลุมและอยู่ในช่วงลมสงบทำให้ประเทศไทยมีฝนลดลง จึงก่อให้เกิดฝุ่นเพิ่มมากขึ้น จากเว็บไซต์กรมอุตุนิยมวิทยา รายงานแนวโน้มการระบายอากาศ บริเวณกรุงเทพมหานครและปริมณฑลวันที่ 21-28 ตุลาคม 2566 พบว่า การระบายอากาศไม่ดีถึงอ่อน อย่างไรก็ตาม ยังมีโอกาสเกิดฝนตก จึงคาดว่าฝุ่นละอองยังคงปกคลุมพื้นที่แต่มีความเข้มข้นต่ำ

ทั้งนี้ ประชาชนสามารถตรวจสอบ แนวโน้มการระบายอากาศและอัตราฝุ่น P.M. 2.5 ได้ที่ เว็บไซต์ศูนย์โอโซนและรังสี กองบริการดิจิทัลอุตุนิยมวิทยาและเว็บไซต์กรมอุตุนิยมวิทยา


สำนักข่าว กรมประชาสัมพันธ์  19 ตุลาคม 2566

เขื่อนเจ้าพระยาปรับเพิ่มการระบายน้ำท้ายเขื่อนเล็กน้อยอยู่ที่ 1,664 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที เพื่อเร่งระบายน้ำตอนบนที่ไหลลงมาเพิ่มในลุ่มน้ำเจ้าพระยา ขณะที่เขื่อนอุบลรัตน์ปรับเพิ่มการระบายน้ำเช่นกันแบบขั้นบันไดเร่งระบายน้ำจากลุ่มน้ำชีและลุ่มน้ำมูล

นายสุรสีห์ กิตติมณฑล เลขาธิการสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) กล่าวว่า อิทธิพลของร่องมรสุมกำลังปานกลางและมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ ทำให้ภาคกลางตอนล่าง กรุงเทพมหานคร ปริมณฑล ภาคตะวันออกก และภาคใต้ยังคงมีฝนตกหนักบางแห่ง โดยช่วงวันที่ 20- 24 ตุลาคม ประเทศไทยตอนบนจะมีฝนฟ้าคะนองส่วนภาคใต้จะมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง ทำให้ต้องระวังน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลากบริเวณ จ.ตาก กำแพงเพชร ชุมพร สุราษฎร์ธานี ระนอง นครศรีธรรมราช และพังงา ขณะที่วันนี้ (19 ต.ค.66) ด้านท้ายเขื่อนเจ้าพระยาปรับเพิ่มการระบายน้ำบริเวณสถานีวัดน้ำ C.13 อ.สรรพยา จ.ชัยนาท เล็กน้อยอยู่ที่ 1,664 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที เพื่อเร่งระบายน้ำตอนบนที่ไหลลงมาเพิ่มในลุ่มน้ำเจ้าพระยา แต่ภาพรวมปริมาณน้ำจากตอนบนของประเทศเริ่มลดลงต่อเนื่อง ส่วนการตัดยอดน้ำออกทางฝั่งตะวันออกและตะวันตกของลุ่มน้ำเจ้าพระยาอยู่ที่ 555 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที แบ่งเป็น รับน้ำฝั่งตะวันตก 392 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที และรับน้ำฝั่งตะวันออก 163 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที ทั้งนี้ กรุงเทพมหานคร ได้เร่งกำจัดวัชพืชและสิ่งกีดขวางทางน้ำเตรียมรับสถานการณ์น้ำฝน เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการไหลของน้ำในคลองแสนแสบ บริเวณคลองวัดบำเพ็ญเหนือ เขตมีนบุรี // คลองสอง บริเวณชุมชนสะพานไม้ 1 เขตหลักสี่ // คลองบางซื่อ บริเวณใต้ทางด่วนถึงหลังกรมสรรพาวุธทหารบก เขตพญาไทและเขตบางซื่อ // บึงกระเทียม บริเวณซอยรามอินทรา 82 เขตมีนบุรี และคลองซอยที่สิบเอ็ด บริเวณชุมชนฮ่าซ่านัย เขตหนองจอก

ขณะที่สถานการณ์น้ำในลุ่มน้ำชีและลุ่มน้ำมูล ได้ปรับเพิ่มการระบายน้ำของเขื่อนอุบลรัตน์ปัจจุบันระบายน้ำอยู่ที่วันละ 15 ล้านลูกบาศก์เมตร จะทยอยปรับเพิ่มเป็นขั้นบันไดวันละ 3 ล้านลูกบาศก์เมตร ไปสูงสุดที่วันละ 25 ล้านลูกบาศก์เมตร แต่หากจะเพิ่มการระบายน้ำอีกต้องมีหนังสือขอความเห็นชอบจากผู้ว่าราชการจังหวัดขอนแก่นในฐานะประธานคณะกรรมการลุ่มน้ำชีอย่างเป็นทางการก่อน แต่ต้องระบายน้ำไม่เกินวันละ 35 ล้านลูกบาศก์เมตร ส่วนเขื่อนลำปาวให้ปรับลดการระบายน้ำลงวันละ 3 ล้านลูกบาศก์เมตรจนกว่าปริมาณน้ำในเขื่อนจะเข้าสู่สภาวะปกติ ควบคู่กับจัดการและควบคุมการระบายน้ำไม่ให้เกิดผลกระทบกับพื้นที่ท้ายน้ำของลุ่มน้ำมูล


สำนักข่าว กรมประชาสัมพันธ์  18 ตุลาคม 2566

กรมควบคุมมลพิษ (คพ.) ระบุ การใช้ค่ามาตรฐานฝุ่นละออง PM 2.5 เฉลี่ย 24 ชั่วโมงและปรับดัชนีคุณภาพอากาศของประเทศให้เข้มขึ้น ช่วยให้ระบบมีประสิทธิภาพขึ้นและแจ้งเตือนได้รวดเร็วขึ้น ภาพรวมค่าฝุ่นในกรุงเทพมหานครและปริมณฑลวันนี้อยู่ในระดับปานกลางถึงเริ่มมีผลกระทบต่อสุขภาพ

นายปิ่นสักก์ สุรัสวดี อธิบดีกรมควบคุมมลพิษ (คพ.) กล่าวว่า หลังจาก กรมควบคุมมลพิษ (คพ.) ได้ปรับปรุงค่ามาตรฐานฝุ่นละออง PM 2.5 เฉลี่ย 24 ชั่วโมง มาอยู่ที่ 37.5 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร จากเดิม 50 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร และปรับดัชนีคุณภาพอากาศของประเทศไทยให้เข้มขึ้น มาตั้งแต่วันที่ 1 มิถุนายนที่ผ่านมา ส่งผลให้ระบบการแจ้งเตือนสถานการณ์ฝุ่นละออง PM 2.5. มีประสิทธิภาพขึ้นและแจ้งเตือนได้รวดเร็วขึ้น เพื่อให้ประชาชนสามารถติดตามสถานการณ์ฝุ่นละอองและปฏิบัติตนตามคำแนะนำเพื่อลดผลกระทบต่อสุขภาพผ่านเว็บไซต์และแอพพลิเคชัน Air4Thai โดยขณะนี้เป็นช่วงปลายฤดูฝนและจะเข้าสู่ฤดูหนาว จึงมีแนวโน้มความกดอากาศที่สูงขึ้นและอากาศไม่ถ่ายเท ทำให้จะมีฝุ่นละอองสะสมมากขึ้นได้ จากการคาดการณ์ฝุ่นละออง PM 2.5 พบค่าฝุ่นละอองอยู่ในระดับสีส้มคงประมาณ 1-2 วัน จึงขอให้ประชาชนติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด

สำหรับภาพรวมค่าฝุ่นละอองขนาดไม่เกิน 2.5 ไมครอน (PM 2.5) ในพื้นที่กรุงเทพมหานครและปริมณฑลวันนี้ (18 ต.ค.66) คุณภาพอากาศอยู่ในระดับปานกลางถึงเริ่มมีผลกระทบต่อสุขภาพ เฉลี่ยอยู่ที่ 25.5 – 50.8 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร


สำนักข่าว กรมประชาสัมพันธ์  17 ตุลาคม 2566

กรมชลประทาน เน้นย้ำให้ทุกโครงการชลประทานเก็บน้ำในแหล่งน้ำต่างๆ ให้มากที่สุด จากแนวโน้มสถานการณ์น้ำในพื้นที่ทางตอนบนของประเทศ เริ่มมีฝนตกน้อยลง ส่งผลให้ระดับน้ำในแม่น้ำสายหลักต่างๆ ลดลงอย่างต่อเนื่อง และเพื่อสำรองน้ำไว้ใช้ในช่วงฤดูแล้งที่กำลังจะมาถึง

สำหรับสถานการณ์น้ำท่วมขังในที่ลุ่มต่ำบางแห่ง กรมชลประทาน ได้ประสานงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ในเร่งติดตั้งเครื่องจักร เครื่องมือ เครื่องสูบน้ำในหลายพื้นที่ และพร้อมเดินเครื่องเต็มกำลัง เพื่อการเร่งระบายน้ำออกจากพื้นที่ ตามนโยบายของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ อาทิ การติดตั้งเครื่องสูบน้ำเคลื่อนที่ เพื่อเตรียมเร่งระบายน้ำ ในบริเวณจังหวัดขอนแก่น,สุโขทัย และ กาญจนบุรี

นอกจากนี้กรมชลประทานมีความพร้อมในการช่วยเหลือและบรรเทาความเดือดร้อนให้กับประชาชน จนกว่าสถานการณ์จะเข้าสู่ภาวะปกติ ซึ่งประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์น้ำ สามารถติดต่อโครงการชลประทานใกล้บ้าน หรือสายด่วน กรมชลประทาน 1460 ได้ตลอดเวลา


สำนักข่าว กรมประชาสัมพันธ์  16 ตุลาคม 2566

จากสถานการณ์น้ำทางตอนบนของประเทศ หลายพื้นที่เริ่มคลี่คลายแล้ว หลังจากมีปริมาณฝนลดลง แต่ยังคงมีน้ำท่วมขังในที่ลุ่มต่ำบางแห่ง ซึ่งกรมชลประทานได้ประสานงานกับหน่วยงานต่างๆ เพื่อเร่งการระบายน้ำออกจากพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบอย่างต่อเนื่อง พร้อมช่วยเหลือและบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชนให้ได้มากที่สุด โดยมีการติดตั้งเครื่องจักร เครื่องมือในการระบายน้ำหลายพื้นที่ เพื่อเร่งระบายน้ำท่วมขังจนกว่าสถานการณ์จะกลับเข้าสู่ภาวะปกติ ตามนโยบายของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เช่น การติดตั้งเครื่องสูบน้ำเคลื่อนที่ขนาด 8 นิ้ว ในเขตพื้นที่จังหวัดกาฬสินธุ์และร้อยเอ็ด, ติดตั้งเครื่องสูบน้ำแบบเคลื่อนที่ชนิดหอยโข่งระบบเครื่องยนต์ดีเซล ในเขตพื้นที่จังหวัดศรีสะเกษ และติดตั้งเครื่องสูบน้ำระบบไฮดรอลิก ขนาดท่อ 42 นิ้ว ในเขตพื้นที่จังหวัดสมุทรปราการ


สำนักข่าว กรมประชาสัมพันธ์  15 ตุลาคม 2566

กองอำนวยการน้ำแห่งชาติ (กอนช.) เฝ้าระวังน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลากในพื้นที่ 4 จังหวัด ขณะที่ด้านท้ายเขื่อนเจ้าพระยาคงการระบายน้ำอยู่ที่ 1,800 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที เป็นวันที่ 2 อาจกระทบพื้นที่นอกคันกั้นน้ำริมแม่เจ้าพระยา

นายสุรสีห์ กิตติมณฑล เลขาธิการสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) กล่าวว่า ประเทศไทย ยังคงมีฝนฟ้าคะนองและมีฝนตกหนักบางแห่งในภาคเหนือ ภาคกลาง กรุงเทพมหานคร ปริมณฑล ภาคตะวันออก และภาคใต้ ทำให้ต้องระวังน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลากในช่วง 1 - 3 วันนี้ บริเวณภาคเหนือ ใน จ.อุตรดิตถ์ // ภาคใต้ ใน จ.นครศรีธรรมราช สุราษฎร์ธานี และสตูล ขณะที่ด้านท้ายเขื่อนเจ้าพระยาวันนี้ (15 ต.ค.66) คงการระบายน้ำบริเวณสถานีวัดน้ำ C.13 อ.สรรพยา จ.ชัยนาท อยู่ที่ 1,800 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที เป็นวันที่ 2 จึงต้องระวังเป็นพิเศษ เพราะหลายพื้นที่นอกคันกั้นน้ำริมแม่เจ้าพระยา วัดไชโย คลองโผงเผง จ.อ่างทอง , อ.พรหมบุรี เมืองสิงห์บุรี และอินทร์บุรี จ.สิงห์บุรี , คลองบางบาล จ.พระนครศรีอยุธยา และ ต.หัวเวียง อ.เสนา ต.ลาดชิด ต.ท่าดินแดง อ.ผักไห่ จ.พระนครศรีอยุธยา เพิ่มสูงขึ้นประมาณ 20–80 เซนติเมตร โดย สทนช. และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ร่วมกันวางแผนบริหารจัดการน้ำและจัดการจราจรทางน้ำ เพื่อลดผลกระทบที่อาจจะเกิดขึ้น โดยใช้เครื่องมือต่างๆที่มีอยู่ในพื้นที่ตอนบนหน่วงน้ำไว้ แล้วค่อยๆปล่อยลงมาพื้นที่ลุ่มน้ำเจ้าพระยาตอนล่าง พร้อมตัดยอดน้ำโดยผันน้ำเข้าไปเก็บไว้ในทุ่งบางระกำและบึงบอระเพ็ดให้ได้มากที่สุด จากนั้นจะผันปริมาณน้ำส่วนหนึ่งออกฝั่งตะวันออกผ่านคลองชัยนาท -ปาสัก และฝั่งตะวันตกผ่านคลองมะขามเฒ่า แม่น้ำท่าจีน และแม่น้ำน้อย เพื่อควบคุมการระบายน้ำท้ายเขื่อนเจ้าพระยาตามแผนที่วางไว้

ทั้งนี้ กรมชลประทาน ได้แจ้งเตือนการระบายน้ำท้ายเขื่อนเจ้าพระยาและระดับน้ำที่จะเพิ่มขึ้นให้กับประชาชนได้ขนของไว้ที่สูงให้ทันท่วงที และเตรียมพร้อมรถสูบน้ำเคลื่อนที่ตามจุดต่างๆ สำหรับช่วยเหลือประชาชนในพื้นที่ พร้อมนำกระสอบทรายมาป้องกันตามแนวคันคลอง เพื่อป้องกันน้ำเอ่อล้นเข้าท่วมพื้นที่


สำนักข่าว กรมประชาสัมพันธ์  14 ตุลาคม 2566

กองอำนวยการน้ำแห่งชาติ (กอนช.) ขอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องวางแผนบริหารจัดการน้ำและจัดการจราจรทางน้ำ ขณะที่ด้านท้ายเขื่อนเจ้าพระยาปรับเพิ่มการระบายน้ำอยู่ที่ 1,800 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที เพื่อเร่งระบายน้ำหลากจากตอนบน อาจกระทบพื้นที่นอกคันกั้นน้ำริมแม่เจ้าพระยา

นายสุรสีห์ กิตติมณฑล เลขาธิการสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) ในฐานะรองผู้อำนวยกองอำนวยการน้ำแห่งชาติ (กอนช.) กล่าวว่า ประเทศไทย ยังคงมีฝนฟ้าคะนองและมีฝนตกหนักบางแห่งในภาคเหนือ ภาคกลาง กรุงเทพมหานคร ปริมณฑล ภาคตะวันออก และภาคใต้ ส่วนช่วงวันที่ 15 - 19 ตุลาคมจะมีฝนเพิ่มขึ้นและมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่งในภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง ภาคกลาง ภาคตะวันออก และภาคใต้ ทำให้ต้องระวังน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลากช่วง 1- 3 วันนี้ บริเวณ ภาคเหนือ ใน จ.เชียงใหม่ แม่ฮ่องสอน น่าน และตาก // ภาคตะวันออก ใน จ.ตราด ภาคใต้ จ.พังงา ทั้งนี้ สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) ได้ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องวางแผนบริหารจัดการน้ำและจัดการจราจรทางน้ำ เพื่อลดผลกระทบที่อาจจะเกิดขึ้น โดยใช้เครื่องมือต่างๆที่มีอยู่ในพื้นที่ตอนบนหน่วงน้ำไว้แล้วค่อยๆปล่อยลงมาพื้นที่ลุ่มน้ำเจ้าพระยาตอนล่าง พร้อมตัดยอดน้ำโดยผันน้ำเข้าไปเก็บไว้ในทุ่งบางระกำและบึงบอระเพ็ดให้ได้มากที่สุด จากนั้นจะผันปริมาณน้ำส่วนหนึ่งออกฝั่งตะวันออกผ่านคลองชัยนาท - ป่าสัก และฝั่งตะวันตกผ่านคลองมะขามเฒ่า แม่น้ำท่าจีน และแม่น้ำน้อย เพื่อที่จะควบคุมการระบายน้ำท้ายเขื่อนเจ้าพระยา ซึ่งวันนี้ (14 ต.ค.66) ด้านท้ายเขื่อนเจ้าพระยาปรับเพิ่มการระบายน้ำบริเวณสถานีวัดน้ำ C.13 อ.สรรพยา จ.ชัยนาท อยู่ที่ 1,800 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาทีแล้ว จึงต้องระวังเป็นพิเศษ เพราะหลายพื้นที่นอกคันกั้นน้ำริมแม่เจ้าพระยาอาจได้รับผลกระทบ

ด้าน กรมชลประทาน เร่งระดมกำลังเจ้าหน้าที่ดำเนินการติดตั้งเครื่องสูบน้ำเพื่อป้องกันอุทกภัย โดยใช้เครื่องจักรกลประเภท เครื่องสูบน้ำขับด้วยระบบไฮดรอลิก ขนาดท่อ 42 นิ้ว 1 เครื่อง บริเวณประตูระบายน้ำชลหารพิจิตร และตำบลคลองด่าน อำเภอบางบ่อ จังหวัดสมุทรปราการ ในพื้นที่รับผิดชอบของ โครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาชลหารพิจิตร สำนักงานชลประทานที่ 11 สามารถสูบน้ำได้ 277,200 ลูกบาศก์เมตรต่อวัน เพื่อเร่งระบายน้ำออกจากพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบต่อเนื่อง พร้อมเข้าไปช่วยเหลือและบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชนให้ได้มากที่สุด


© 2024 Faculty of Environment and Resource Studies, Mahidol University . All Rights Reserved.