• +662 441 5000
  • This email address is being protected from spambots. You need JavaScript enabled to view it.

ข่าวสิ่งแวดล้อม

สำนักข่าว กรมประชาสัมพันธ์  13 กันยายน 2566

เมื่อช่วงบ่ายที่ผ่านมา ร้อยเอก ธรรมนัส พรหมเผ่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เป็นประธานการประชุมมอบนโยบายขับเคลื่อนงานกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ พร้อมด้วยนายไชยา พรหมมา และนายอนุชา นาคาศัย รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงฯ นายประยูร อินสกุล ปลัดกระทรวงฯ รวมทั้งข้าราชการ และหน่วยงานในสังกัดทั่วประเทศ เข้าร่วมประชุม ที่ กรมชลประทาน และผ่านระบบ Facebook Live พร้อมเน้นย้ำให้ทุกหน่วยงานในสังกัดขับเคลื่อนนโยบายรัฐบาลด้านการเกษตรสู่ความสำเร็จ พร้อมให้มีการจัดตั้งศูนย์บริการประชาชนภาคการเกษตร สร้างครอบครัวเกษตรภายใต้การ บูรณาการความร่วมมือกันอย่างเข้มแข็ง ขับเคลื่อนภารกิจยกระดับมิสเตอร์สินค้าเกษตร ร่วมมือกันป้องกัน แก้ไข ฟื้นฟู รับมือปัญหาภัยทางธรรมชาติ และภัยแล้ง ประกาศทำสงครามการลักลอบนำสินค้าเกษตรเข้าสู่ราชอาณาจักรแบบผิดกฎหมาย พร้อมยกระดับสินค้าเกษตร เสริมศักยภาพเกษตร ผลักดันสินค้าเกษตรและบริการมูลค่าสูง 1 ท้องถิ่น 1 สินค้าเกษตรมูลค่าสูง ทำการเกษตรที่ใส่ใจสิ่งแวดล้อม (Go Green) ด้วย BCG และ Cabon Credit สร้างระบบประกันภัยพืชผลทางการเกษตร เกษตรกรไทย สุขใจถ้วนหน้า

รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ยังเน้นย้ำด้วยว่า หลังจากนี้ตนเองและ รมช.เกษตรฯ จะลงพื้นที่เพื่อรับฟังปัญหาความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชน เพื่อนำมาแก้ไขปัญหาให้กับประชาชน พี่น้องเกษตรกรต่อไป


สำนักข่าว กรมประชาสัมพันธ์  12 กันยายน 2566

กองอำนวยการน้ำแห่งชาติ (กอนช.) เฝ้าระวังฝนตกหนักต่อเนื่องในหลายพื้นที่ทั่วประเทศ ขณะที่หน่วยบัญชาการทหารพัฒนาเร่งทำแนวกั้นน้ำในลำน้ำแม่เอ่อล้นเข้าท่วมเส้นทางและบ้านเรือนประชาชน

นายสุรสีห์ กิตติมณฑล เลขาธิการสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) ในฐานะรองผู้อำนวยกองอำนวยการน้ำแห่งชาติ (กอนช.) กล่าวว่า ประเทศไทย ยังคงมีฝนฟ้าคะนองเกิดขึ้นได้และมีฝนตกหนักบางแห่ง ช่วง 24 ชั่วโมงที่ผ่านมามีฝนตกปานกลางถึงหนักมากบริเวณ จ.น่าน บึงกาฬ ตราด ระนอง กาญจนบุรี และกรุงเทพมหานคร โดยกรมทรัพยากรน้ำ เร่งติดตั้งเครื่องสูบน้ำ ขนาด 12 นิ้ว 2 เครื่อง พร้อมท่อส่งน้ำยาว 200 เมตร สูบน้ำจากแหล่งน้ำต้นทุนห้วยบ้านไปเติมให้กับแหล่งน้ำผลิตระบบประปาหนองสาธารณะบ้านนาเรือง ตำบลนาผือ อำเภอเมือง จังหวัดอำนาจเจริญ มีประชาชนได้รับประโยชน์ 2 หมู่บ้าน 375 หลังคาเรือน รวม 1,250 คน ส่วนหน่วยบัญชาการทหารพัฒนา ได้ประเมินสถานการณ์น้ำในลำน้ำแม่เผื่อเอ่อล้นเข้าท่วมเส้นทางและบ้านเรือนประชาชน 30 หลังคาเรือน พร้อมสนับสนุนทราย 2 คันรถ เพื่อทำแนวกั้นน้ำ ปัจจุบันระดับน้ำสูงจากพื้นถนน 20 เซนติเมตร บริเวณชุมชนบ้านเหล่า หมู่ 6 ตำบลทุ่งก่อ อำเภอเวียงเชียงรุ้ง จังหวัดเชียงราย

ขณะที่กรมฝนหลวงและการบินเกษตรได้ขึ้นบินปฏิบัติการฝนหลวงช่วยเหลือพื้นที่การเกษตรและเติมน้ำต้นทุนอ่างเก็บน้ำ พบมีฝนตกในพื้นที่ จ.เชียงราย บริเวณเวียงป่าเป้า // ลำปาง บริเวณเมืองปาน แจ้ห่ม วังเหนือ // กำแพงเพชร บริเวณเมืองกำแพงเพชร ไทรงาม ลานกระบือ // สุโขทัย บริเวณคีรีมาศ // พิษณุโลก บริเวณบางระกำ และพื้นที่ลุ่มรับน้ำเขื่อนแม่กวงอุดมธารา จ.เชียงใหม่ // นครสวรรค์ บนิเวณพยุหะคีรี ท่าตะโก // พื้นที่ลุ่มรับน้ำบึงบอระเพ็ด จ.นครสวรรค์ // นครศรีธรรมราช บริเวณลานสกา เมืองนครศรีธรรมราช พระพรหม ปากพนัง จุฬาภรณ์ เฉลิมพระเกียรติ ร่อนพิบูลย์ ชะอวด ทุ่งสง และป่าพรุควนเคร็ง จ.นครศรีธรรมราช


สำนักข่าว กรมประชาสัมพันธ์  11 กันยายน 2566

นายทวีศักดิ์ ธนะเดโชพล รองอธิบดีกรมชลประทาน เปิดเผยว่า ได้จัดมาตรการบริหารจัดการน้ำในช่วงปลายฤดูฝนที่คาดว่าจะสิ้นสุดในวันที่ 1 พฤศจิกายนนี้ โดยภาพรวมปริมาณน้ำประมาณใช้การล่าสุดอยู่ที่ 43,700 ล้านลูกบาศก์เมตร หรือร้อยละ 57 ซึ่งน้อยกว่าปีที่แล้วประมาณ 6,000 ล้านลูกบาศก์เมตร เนื่องจากผลกระทบของปรากฎการณ์เอลนีโญทำให้ฝนลดลงกว่าปีที่ผ่านมาร้อยละ 20 ปริมาณน้ำในเขื่อนน้อยกว่าปีที่แล้วร้อยละ 42 โดยเมื่อปีที่ผ่านมาอยู่ที่ 23,600 ล้านลูกบาศก์เมตร แต่ปีนี้น้ำไหลเข้าเพียง 13,000 ล้านลูกบาศก์เมตร โดยเฉพาะในพื้นที่ลุ่มเจ้าพระยา 4 เขื่อนหลักที่มีน้ำไหลเข้าเขื่อนเพียง 3,300 ล้านลูกบาศกเมตร ซึ่งลดลงจากปีที่ผ่านมากว่าร้อยละ 60

ทั้งนี้ คาดว่าปริมาณน้ำในเขื่อนกักเก็บน้ำทั้ง 35 แห่งปีนี้ จะมีน้ำใช้การประมาณ 21,000 ล้านลูกบาศก์เมตร โดยลุ่มเจ้าพระยาจะมีน้ำใช้การใน 4 เขื่อนหลักไม่เกิน 5 พันล้านลูกบาศก์เมตร คาดว่า ในช่วงปลายฤดูฝนที่มีร่องมรสุมพาดผ่านจะมีน้ำไหลเข้าเขื่อนหลักลุ่มน้ำเจ้าพระยาอีกประมาณ 40 ล้านลูกบากศ์เมตร

รองอธิบดีชลประทาน กล่าวว่า จากภาพรวมน้ำใช้ในการในปีนี้ ยืนยันว่า ได้มีการจัดแผนบริหารจัดการน้ำสำหรับการอุปโภค-บริโภค ภาคการเกษตรและรักษาระบบนิเวศ โดยเน้นกักเก็บน้ำทั้งแก้มลิง คูคลองและหนองน้ำทุกแห่ง พร้อมกับประชาสัมพันธ์ขอความร่วมมืองดปลูกข้าวนาปรังในพื้นที่เขตนอกชลประทาน เนื่องจากปริมาณน้ำไม่เพียงพอ โดยกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ได้มีมาตรการช่วยเหลือส่งเสริมการประกอบอาชีพต่างๆ รวมถึงการจ้างแรงงานสำหรับเกษตรที่ไม่ได้เพาะปลูกข้าวนาปรังอีกด้วย


สำนักข่าว กรมประ่ชาสัมพันธ์  10 กันยายน 2566

กรมทรัพยากรธรณี ขอให้อาสาสมัครเครือข่ายเฝ้าระวังดินถล่มและน้ำป่าไหลหลากช่วง 1 - 2 วันนี้ ในพื้นที่ 13 จังหวัด หลังเกิดฝนตกหนักต่อเนื่อง

ศูนย์ปฏิบัติการธรณีพิบัติภัย กรมทรัพยากรธรณี ได้ออกประกาศขอให้อาสาสมัครเครือข่ายกรมทรัพยากรธรณีและประชาชนทั่วไปเฝ้าระวังภัยดินถล่มและน้ำป่าไหลหลากช่วง 1 - 2 วันนี้ ในพื้นที่จังหวัดแม่ฮ่องสอน ตาก เชียงใหม่ เชียงราย น่าน ลำปาง แพร่ อุตรดิตถ์ พิษณุโลก เพชรบูรณ์ กาญจนบุรี จันทบุรี และตราด โดยเฉพาะในพื้นที่เสี่ยงภัยดินถล่มและน้ำป่าไหลหลากบริเวณอำเภอเมือง แม่ลาน้อย ปาย สบเมย จังหวัดแม่ฮ่องสอน // อำเภอท่าสองยาง อุ้มผาง จังหวัดตาก อำเภอฝาง ไชยปราการ เชียงดาว แม่อาย อมก๋อย จังหวัดเชียงใหม่ // อำเภอแม่ฟ้าหลวง จังหวัดเชียงราย // อำเภอเมือง เฉลิมพระเกียรติ บ่อเกลือ สองแคว จังหวัดน่าน // อำเภอเมืองปาน จังหวัดลำปาง อำเภอลอง วังชิ้น จังหวัดแพร่ // อำเภอเมือง ท่าปลา จังหวัดอุตรดิตถ์ // อำเภอนครไทย ชาติตระการ จังหวัดพิษณุโลก // อำเภอเขาค้อ หล่มเก่า จังหวัดเพชรบูรณ์ // อำเภอสังขละบุรี ทองผาภูมิ จังหวัดกาญจนบุรี // อำเภอโป่งน้ำร้อน ขลุง เขาคิชฌกูฏ จังหวัดจันทบุรี และอำเภอบ่อไร่ เขาสมิง เกาะช้าง จังหวัดตราด เนื่องจากมีร่องมรสุมพาดผ่านบริเวณภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน ทำให้มีฝนตกหนักวัดปริมาณน้ำฝนในรอบ 24 ชั่วโมงได้มากกว่า 100 มิลลิเมตร ประกอบกับ มีฝนตกสะสมมาหลายวัน ทำให้ชั้นดินอุ้มน้ำไว้มาก อาจส่งผลให้เกิดแผ่นดินถล่มและน้ำป่าไหลหลากได้

ทั้งนี้ ขอให้อาสาสมัครเครือข่ายเฝ้าระวังแจ้งเตือนธรณีพิบัติภัยของกรมทรัพยากรธรณี เตรียมความพร้อมเฝ้าระวังภัยและวัดปริมาณน้ำฝนอย่างต่อเนื่อง หากเกิดเหตุให้แจ้งเตือนสถานการณ์ดินถล่มและน้ำป่าไหลหลากให้ประชาชนในหมู่บ้านได้รับทราบ และแจ้งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพร้อมปฏิบัติตามแผนเฝ้าระวังด้วย


สำนักงานนโยบายและแผนทัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม  9 กันยายน 2566

ที่มา : https://www.bangkokbiznews.com/environment/1086551

แน่นอนว่า “พลาสติก” เป็นหนึ่งในตัวการสำคัญที่ส่งผลกระทบต่อ “สิ่งแวดล้อม” เพราะย่อยสลายยาก และก่อให้เกิดขยะสะสมเป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะพลาสติกประเภทใช้ครั้งเดียวทิ้ง (Single-use) ที่ใช้กันตามร้านค้า ร้านอาหาร

ด้วยความที่เป็นวัสดุจากธรรมชาติ หลายคนจึงคิดมองว่าน่าจะไม่ส่งผลเสียต่อสิ่งแวดล้อมได้มากเท่ากับพลาสติก แต่จากงานวิจัยล่าสุดพบว่า แก้วกระดาษ และ หลอดกระดาษ มีสารประกอบ PFAS สังเคราะห์ หรือที่เรียกว่า “สารเคมีอมตะ” มีชื่อเรียกทางวิทยาศาสตร์ว่า สารเปอร์และโพลีฟลูออโรอัลคิล (Perfluoroalkyl Substances) เคลือบอยู่บนพื้นผิว เพื่อให้ผลิตภัณฑ์ไม่อ่อนตัวง่ายเมื่อเปียกน้ำ แม้ว่าสารดังกล่าวจะพบในปริมาณต่ำ แต่หากสะสมไปนานๆ ก็อาจส่งผลเสียต่อร่างกายมนุษย์และสิ่งแวดล้อมได้

“สารเคมีอมตะ” คืออะไร ส่งผลเสียอย่างไรบ้าง?

“สารเคมีอมตะ” หรือ “PFAS” เป็นหนึ่งในสารเคมีที่มนุษย์สร้างขึ้น นิยมใช้อย่างแพร่หลายใน “บรรจุภัณฑ์อาหาร” เนื่องจากช่วยป้องกันความชื้นและดูดซึมไขมันได้ดี รวมทั้งพบได้ในของใช้ทั่วไป เช่น กระดาษห่ออาหาร เครื่องสำอาง เสื้อผ้า และ เฟอร์นิเจอร์ เป็นต้น

พบสารเคมีอมตะใน “หลอดดูดน้ำกระดาษ” มากถึง 90%

งานวิจัยจากวารสาร Food Additives and Contaminants ระบุว่า จากการทดสอบหลอดดูดน้ำกระดาษในยุโรปเมื่อเร็วๆ นี้ พบว่าหลอดกระดาษ 18 แบรนด์จากทั้งหมด 20 แบรนด์ มี “สารเคมีอมตะ” ที่มีอายุการใช้งานยาวนานและอาจเป็นพิษ ซึ่งต่อไปในอนาคตอาจก่อให้เกิดปัญหาสารเคมีตกค้างในสิ่งแวดล้อม ซึ่งเป็นอันตรายต่อสัตว์ป่า ไปจนถึงสุขภาพของมนุษย์ เนื่องจากพวกมันสลายตัวได้ยากมาก

“แก้วกระดาษ” ที่อาจเป็นพิษต่อตัวอ่อนของแมลง

นอกจากนี้งานวิจัยที่เผยแพร่ใน Mirage News ยังพบว่า “แก้วกระดาษ” โดยเฉพาะแบบใช้ครั้งเดียวก็พบปัญหาเดียวกับหลอดดูดน้ำกระดาษ นั่นก็คือ มีสารเคมีอมตะเคลือบอยู่บนผิวผลิตภัณฑ์ ที่อาจส่งผลเสียต่อธรรมชาติอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะทำให้เกิดสารเคมีที่เป็นพิษต่อสิ่งมีชีวิต


สำนักข่าว กรมประชาสัมพันธ์  8 กันยายน 2566

กองอำนวยการน้ำแห่งชาติ (กอนช.) เฝ้าระวังฝนตกหนักในหลายพื้นที่ของประเทศต่อเนื่อง พร้อมเร่งกักเก็บน้ำไหลเข้าเขื่อนจากฝนตกเพิ่มช่วงนี้ไว้สำรองใช้ปีหน้า

นายสุรสีห์ กิตติมณฑล เลขาธิการสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) ในฐานะรองผู้อำนวยกองอำนวยการน้ำแห่งชาติ (กอนช.) กล่าวว่า ประเทศไทย ยังคงมีฝนฟ้าคะนองเกิดขึ้นได้และมีฝนตกหนักบางแห่งในภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง และภาคตะวันออก ช่วง 24 ชั่วโมงสูงสุดที่ผ่านมามีฝนตกหนักถึงหนักมาก บริเวณ จ.พิษณุโลก ตราด มุกดาหาร ประจวบคีรีขันธ์ สงขลา และลพบุรี โดย กอนช. เร่งกักเก็บน้ำไหลเข้าเขื่อนจากฝนตกเพิ่มช่วงนี้ พร้อมส่งเสริมอาชีพให้เกษตรกรทดแทนการปลูกข้าวนาปีต่อเนื่อง เนื่องจากช่วงนี้มีปริมาณฝนตกเพิ่มมากขึ้นจะส่งผลให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันในหลายพื้นที่ ส่งผลดีต่อการเติมน้ำต้นทุนให้แหล่งน้ำต่างๆ เพราะปัจจุบันภาพรวมฝนของประเทศยังคงต่ำกว่าค่าปกติอยู่ร้อยละ 18 แล้วปริมาณน้ำในแหล่งน้ำทั่วประเทศลดลงจากต้นฤดูฝนผลกระทบของเอลนีโญ ซึ่งจำเป็นต้องใช้น้ำช่วยเหลือการเพาะปลูกของเกษตรกรจนกว่าจะถึงช่วงเก็บเกี่ยว ซึ่งรอบสัปดาห์ที่ผ่านมามีปริมาณน้ำไหลเข้าอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่ทั้งประเทศสะสม 1,201 ล้านลูกบาศก์เมตร ทั้งนี้ ยังคงมีร่องมรสุมพาดผ่านภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และมรสุมตะวันตกเฉียงใต้มีกำลังแรงขึ้น คาดการณ์จะมีฝนตกในหลายพื้นที่ทั้งภาคเหนือ ภาคตะวันออก เฉียงเหนือบริเวณชายขอบและตอนล่าง ภาคตะวันออก ภาคใต้ฝั่งตะวันตก และภาคกลางที่ยังคงมีฝนน้อยมาก คาดว่า จะมีน้ำไหลเข้าอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่ในสัปดาห์หน้าเพิ่มอีก 3,205 ล้านลูกบาศก์เมตร ซึ่งจะต้องกักเก็บน้ำไว้ให้ได้มากที่สุด

สำหรับแนวทางการส่งเสริมอาชีพทดแทนในพื้นที่ควบคุมไม่ให้เพาะปลูกข้าวนาปีต่อเนื่อง โดยจะจัดทำเมนูอาชีพทางเลือกต่าง ๆ แผนงาน โครงการ และงบประมาณ เพื่อเป็นการสร้างรายได้ให้ประชาชนผู้ได้รับผลกระทบจากการควบคุมการเพาะปลูก เพื่อสงวนปริมาณน้ำไว้ให้เพียงพอสำหรับหน้าแล้งที่จะมาถึงนี้ซึ่งจะยังคงอยู่ในสภาวะเอลนีโญต่อเนื่อง


สำนักข่าว กรมประชาสัมพันธ์  7 กันยายน 2566

รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กำชับเร่งแก้ปัญหากฎหมายด้านสิ่งแวดล้อมที่มีความทับซ้อนกันระหว่างกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมและตำรวจ และปัญหาที่ดินทำกินของประชาชนในเขตป่าอนุรักษ์เป็นเรื่องแรก

พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เดินทางมาถึงกระทรวงทรัพย์ฯ วันแรกอย่างไม่เป็นทางการเวลา 09.40 น. ด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม จากนั้นได้ไหว้สักการะพระพุทธสยัมภูสิ่งศักดิ์สิทธิ์ประจำกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เนื่องจากวันนี้เป็นฤกษ์มหาสิทธิโชค โดยมี นายจตุพร บุรุษพัฒน์ ปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม พร้อมด้วยผู้บริหารระดับสูง เจ้าหน้าที่ และพนักงานในสังกัดให้การต้อนรับ รวมถึง ส.ส. และ สมาชิกพรรค มารอแสดงความยินดีด้วย โดยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กล่าวว่า รู้สึกปกติไม่ตื่นเต้นอะไร ส่วนการเข้ารับตำแหน่งมีเรื่องที่ต้องดำเนินการแก้ปัญหา โดยเฉพาะเรื่องอำนาจการสอบสวนระหว่างกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมกับตำรวจ เกี่ยวกับคดีด้านสิ่งแวดล้อม ซึ่งเป็นเรื่องเร่งด่วน เนื่องจากกฎหมายจะแล้วเสร็จในปี 2567 รวมถึง การแก้ปัญหาที่ดินทำกินของประชาชนในเขตป่าอนุรักษ์ การแก้ปัญหาภัยแล้ง และฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM 2.5 แต่มีความกังวลเรื่องการแก้ปัญหาฝุ่น เนื่องจากที่ผ่านมายังมีความรุนแรงอยู่ ส่วนกรณีที่ พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ ที่เคยกำกับดูกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมไม่ได้ฝากกำชับเรื่องไหนเป็นพิเศษแต่ให้ดูแลด้วยตนเอง เพราะผ่านประสบการณ์การทำงานมามากแล้ว ต้องรู้และทำให้ได้ แต่โชคดีที่มีปลัดกระทรวงทรัพย์ฯที่เก่งอยู่แล้ว

สำหรับการวางแผนทำงานระยะสั้น ปลัดกระทรวงทรัพย์ฯได้เตรียมไว้แล้ว ส่วนสิ่งที่ NGO เป็นกังวลจะนำเรื่องการสร้างเขื่อนมาพิจารณาใหม่หรือไม่เป็นไปตามความจำเป็นของงบประมาณและความเหมาะสม ทั้งนี้ หลังจากรัฐบาลแถลงนโยบายต่อรัฐสภาวันที่ 11 กันยายนเสร็จแล้วตนเองจะเดินทางมาประชุมร่วมกับผู้บริหารกระทรวงทรัพย์ฯอย่างเป็นทางการอีกครั้ง เพื่อกำหนดนโยบายแนวทางการทำงานให้ชัดเจน

รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กล่าวถึงความคืบหน้าน้ำมันรั่วที่ศรีราชา จ.ชลบุรี ว่า ได้กำชับให้ติดตามเรื่องนี้อย่างใกล้ชิด ภาพรวมกระทรวงแก้ปัญหาได้ดีและเรื่องนี้เกี่ยวข้องกับ 3 กระทรวงซึ่งต้องทำงานร่วมกัน

ด้าน นายจุตุพร บุรุษพัฒน์ ปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กล่าวว่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ได้กำชับให้ติดตามปัญหาคราบน้ำมันรั่วในทะเลที่ใกล้เกาะสีชัง โดยเฉพาะผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและทรัพยากรทางทะเล เบื้องต้นกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง (ทช.) ได้บันทึกประจำวันที่ สภ.เกาะสีชัง ไว้แล้วรองรับหากเกิดความเสียหายต่อสิ่งแวดล้อมในอนาคต แล้วช่วงบ่ายผู้บริหารจะประชุมภายในเกี่ยวกับการแก้ปัญหาเรื่องภัยแล้ง ผลกระทบจากเอลนีโญ และมาตรการช่วยเหลือประชาชนร่วมกับหน่วยงานอื่นๆด้วย


สำนักข่าว กรมประชาสัมพันธ์  6 กันยายน 2566

สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) ย้ำ ฝนที่ตกหนักในรอบสัปดาห์ที่ผ่านมาช่วยเติมน้ำเข้าอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่ได้เพิ่มขึ้น พร้อมกำชับให้เร่งกักเก็บน้ำฝนช่วงสัปดาห์หน้าให้มากที่สุด

นายสุรสีห์ กิตติมณฑล เลขาธิการสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) ในฐานะรองผู้อำนวยการกองอำนวยการน้ำแห่งชาติ (กอนช.) กล่าวภายหลังการประชุมประเมินสถานการณ์น้ำของประเทศว่า ขณะนี้ปริมาณฝนสะสมทั่วประเทศดีขึ้น หลังพื้นที่ชายขอบของประเทศ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคตะวันออก และภาคใต้ฝั่งตะวันตกมีปริมาณฝนค่อนข้างมาก โดยช่วงวันที่ 30 สิงหาคม – 5 กันยายน พบมีปริมาณฝนตกมากและมีปริมาณฝนสะสมสูงสุด 711 มิลลิเมตร บริเวณ อ.เขาสมิง จ.ตราด ขณะนี้มีพื้นที่ประสบน้ำท่วมฉับพลัน 17 จังหวัด และสถานการณ์คลี่คลายกลับคืนสู่ภาวะปกติแล้ว 16 จังหวัด เหลือเพียง จ.ร้อยเอ็ด กำลังเร่งให้ความช่วยเหลือ ทั้งนี้ ปริมาณฝนตกที่เพิ่มมากขึ้นหลายพื้นที่ช่วยเติมน้ำต้นทุนให้แหล่งน้ำต่างๆ เนื่องจากปัจจุบันภาพรวมฝนของประเทศยังคงต่ำกว่าค่าปกติอยู่ร้อยละ 18 มีปริมาณน้ำในแหล่งน้ำทั่วประเทศ 44,638 ล้านลูกบาศก์เมตร ลดลงจากต้นฤดูฝน 1,547 ล้านลูกบาศก์เมตร เป็นผลกระทบจากเอลนีโญ จึงจำเป็นต้องใช้น้ำช่วยเหลือการเพาะปลูกของเกษตรกรจนกว่าจะถึงช่วงเก็บเกี่ยว โดยพบเป็นน้ำใช้การเพียง 20,527 ล้านลูกบาศก์เมตรเท่านั้น ซึ่งในรอบสัปดาห์ที่ผ่านมามีปริมาณน้ำไหลเข้าอ่างเก็บน้ำใหญ่ทั้งประเทศสะสม 1,201 ล้านลูกบาศก์เมตร

เลขาธิการสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) ย้ำว่า ปัจจุบันยังคงมีร่องมรสุมพาดผ่านภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และมรสุมตะวันตกเฉียงใต้มีกำลังแรงขึ้น ทำให้คาดการณ์จะมีฝนตกในหลายพื้นที่ ทั้งภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือบริเวณชายขอบและตอนล่าง ภาคตะวันออก ภาคใต้ฝั่งตะวันตก และภาคกลางที่ปัจจุบันยังคงมีฝนน้อยมากด้วย พร้อมคาดการณ์จะมีน้ำไหลเข้าอ่างเก็บน้ำใหญ่ ในสัปดาห์หน้าเพิ่มอีก 3,205 ล้านลูกบาศก์เมตร จึงต้องเร่งกักเก็บน้ำไว้ให้ได้มากที่สุด


© 2024 Faculty of Environment and Resource Studies, Mahidol University . All Rights Reserved.