• +662 441 5000
  • This email address is being protected from spambots. You need JavaScript enabled to view it.

ข่าวสิ่งแวดล้อม

สำนักข่าว กรมประชาสัมพันธ์  7 ตุลาคม 2566

กรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช ตั้งหน่วยข่าวกรองอาชญากรรมด้านสัตว์ป่า (WCU) เพื่อลดอาชญากรรมด้านสัตว์ป่าทั้งในประเทศและระหว่างประเทศในอนาคต

นายอรรถพล เจริญชันษา อธิบดีกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง รักษาราชการแทนอธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช กล่าวว่า กรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช ได้เปิดห้องปฏิบัติการ "หน่วยข่าวกรองอาชญากรรมสัตว์ป่า หรือ WCU : Wildlife Crime Inteligence Unit" ที่ได้รับการสนับสนุนงบประมาณจากโครงการต่อต้านการค้าสัตว์ป่าผิดกฎหมายในประเทศไทย (CIWT – GEF6) , โครงการพัฒนาแห่งสหประชาชาติ (UNDP) , สมาคมอนุรักษ์สัตว์ป่า (WCS) ประเทศไทย พร้อมสนับสนุนซอฟแวร์ I2 และการฝึกอบรมเจ้าหน้าที่กรมอุทยานฯหน่วยงานบังคับใช้กฎหมายที่เกี่ยวข้อง เพื่อลดอาชญากรรมด้านสัตว์ป่าทั้งในประเทศและระหว่างประเทศในอนาคต ซึ่งห้องปฏิบัติการนี้ทำหน้าที่เป็นแกนกลางศูนย์ข้อมูลและศูนย์บัญชาการอำนวยความสะดวกการออกคำสั่งเชิงกลยุทธ์ และประสานการสื่อสาร ช่วยอำนวยความสะดวกในการตัดสินใจด้วยการวิเคราะห์ข้อมูล โดยใช้ซอฟแวร์ I2 ช่วยสืบสวนทางนิติวิทยาศาสตร์ดิจิทัล การจัดการฐานข้อมูลอาชญากรรมสัตว์ป่า ทำการวิเคราะห์ข้อมูลที่ซับซ้อน และสร้างการนำเสนอข้อมูลแบบรายงานการสืบสวนที่เป็นองค์ประกอบสำคัญทั้งหมดในภารกิจการต่อสู้กับอาชญากรรมสัตว์ป่า ทั้งนี้ มีเจ้าหน้าที่กรมอุทยานฯได้รับการฝึกอบรมการใช้โปรแกรม I2 จำนวน 80 นายกระจายปฏิบัติหน้าที่ตามพื้นที่คุ้มครองทั่วประเทศ โดยในสถานการณ์ฉุกเฉิน ห้องปฏิบัติการ WCU จะสามารถปรับเปลี่ยนเป็นห้องบัญชาการ เป็นศูนย์กลางการประสานงาน พื้นที่ทำงานร่วม การวางแผนจัดสรรอุปกรณ์และควบคุมติดตามสถานการณ์เพื่อตอบสนองต่อสู้กับอาชญากรรมต่อสัตว์ป่าอย่างมีประสิทธิภาพที่ใช้ประโยชน์จากโครงสร้างพื้นฐานทางเทคโนโลยี เพื่อจัดการเหตุการณ์และควบคุมการปฏิบัติการและรองรับการสืบสวนขยายผลอาชญากรรมด้านสิ่งแวดล้อมอื่นในอนาคตด้วย

ทั้งนี้ ปัจจุบันกรมอุทยานฯ ได้บังคับใช้กฎหมายตามพระราชบัญญัติสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ 2562 ที่พัฒนาปรับปรุงกฎหมายให้สอดคล้องกับปัจจุบัน มีการเพิ่มบทกำหนดโทษในการครอบครอง ค้าขาย นำเข้า ส่งออก ซึ่งสัตว์ป่าที่ได้รับการคุ้มครองตามกฎหมายดังกล่าวข้างต้น และอนุสัญญาด้านพืชป่าสัตว์ป่าต่างๆที่ไทยได้เข้าร่วมเป็นภาคีเครือข่าย ซึ่งเป็นการกำหนดมาตรการเพื่อปกป้องคุ้มครองไม่ให้มีการกระทำผิดเกี่ยวกับการค้าขาย นำเข้า และส่งออกสัตว์ป่าระหว่างประเทศ


สำนักข่าว กรมประชาสัมพันธ์  6 ตุลาคม 2566

กรมควบคุมมลพิษ (คพ.) ขอให้ท้องถิ่นเฝ้าระวังน้ำท่วมระบบบำบัดน้ำเสียรวมของชุมชน พบมีพื้นที่เสี่ยงท่วม 24 แห่ง โดยได้จัดทำแนวทางการป้องกันและลดผลกระทบแล้ว

นายปิ่นสักก์ สุรัสวดี อธิบดีกรมควบคุมมลพิษ (คพ.) กล่าวว่า เนื่องจากช่วงนี้มีฝนตกหนักในหลายพื้นที่ จนเกิดน้ำป่าไหลหลากและน้ำท่วมฉับพลัน โดย กรมควบคุมมลพิษ (คพ.)ได้สำรวจระบบบำบัดน้ำเสียรวมของชุมชนในประเทศมี 118 แห่ง พบมีระบบบำบัดน้ำเสียที่ตั้งอยู่ในจังหวัดมีความเสี่ยงจะได้รับผลกระทบจากเหตุอุทกภัย 24 แห่ง คือ เทศบาลเมืองลำพูน , เทศบาลนครเชียงใหม่ , เทศบาลนครลำปาง , เทศบาลเมืองสุโขทัยธานี , เทศบาลเมืองน่าน , เทศบาลเมืองตาก เทศบาลนครแม่สอด จ.ตาก , เทศบาลเมืองกำแพงเพชร , เทศบาลตำบลสลกบาตร จ.กำแพงเพชร , เทศบาลเมืองชัยภูมิ , เทศบาลนครนครราชสีมา , เทศบาลเมืองปากช่อง จ.นครราชสีมา , เทศบาลนครอุดรธานี , เทศบาลเมืองยโสธร , เทศบาลเมืองกาฬสินธุ์ , เทศบาลนครขอนแก่น , เทศบาลนครอุบลราชธานี , เทศบาลเมืองวารินชำราบ จ.อุบลราชธานี , เทศบาลเมืองฉะเชิงเทรา , เทศบาลตำบลบางคล้า จ.ฉะเชิงเทรา , เทศบาลเมืองกาญจนบุรี , เทศบาลเมืองบ้านหมี่ จ.ลพบุรี และเทศบาลนครยะลา (2 ระบบ) ขณะนี้ยังไม่มีระบบบำบัดน้ำเสียได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ดังกล่าว

ทั้งนี้ เบื้องต้น คพ.ได้จัดทำแนวทางการป้องกันและลดผลกระทบจากอุทกภัยต่อระบบรวบรวมและบำบัดน้ำเสียรวมของชุมชน ด้วยการจัดส่งให้สำนักงานสิ่งแวดล้อมและควบคุมมลพิษ ที่ 1 - 16 เพื่อเป็นแนวทางให้กับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นใช้ป้องกันและแก้ปัญหาระบบบำบัดน้ำเสียในพื้นที่ พร้อมแจ้งเตือนสถานการณ์และให้ปรึกษาทางวิชาการ


สำนักข่าว กรมประชาสัมพันธ์  5 ตุลาคม 2566

กองอำนวยการน้ำแห่งชาติ (กอนช.) ขอให้ประชาชนระวังฝนตกหนักต่อเนื่องถึงวันที่ 7 ตุลาคมนี้ อาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลากหลายพื้นที่ ขณะที่เขื่อนเจ้าพระยาปรับเพิ่มการระบายน้ำอยู่ที่ 1,479 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที

นายสุรสีห์ กิตติมณฑล เลขาธิการสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) ในฐานะรองผู้อำนวยกองอำนวยการน้ำแห่งชาติ (กอนช.) กล่าวว่า ประเทศไทย ยังคงมีฝนตกต่อเนื่องในหลายพื้นที่ เนื่องจากได้รับอิทธิพลจากร่องมรสุมทำให้มีฝนตกหนักบางแห่งบริเวณภาคเหนือตอนล่าง ภาคกลางตอนบน และภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง โดยคาดการณ์ถึงวันที่ 7 ตุลาคมไทยจะมีฝนเพิ่มขึ้นและมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง ทำให้ต้องระวังแหล่งน้ำขนาดใหญ่มีน้ำมาก 8 แห่ง ในภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ คือ แม่งัดสมบูรณ์ชล แม่มอก กิ่วลม ห้วยหลวง ลำปาว หนองหาร น้ำพุง และอุบลรัตน์ จึงขอให้หน่วยงานพิจารณาบริหารจัดการน้ำให้เหมาะสม เพื่อไม่ให้เกิดผลกระทบหรือเกิดผลกระทบน้อยที่สุดบริเวณท้ายเขื่อน รวมทั้ง ระวังพื้นที่เสี่ยงน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลากช่วง 1 - 3 วันนี้บริเวณจ.เชียงใหม่ ตาก ศรีสะเกษ กาญจนบุรี ราชบุรี สระแก้ว ระยอง จันทบุรี ตราด พังงา และนราธิวาส ขณะที่สถานการณ์เขื่อนเจ้าพระยาวันนี้ (5 ต.ค.66) ได้ปรับเพิ่มการระบายน้ำบริเวณสถานีวัดน้ำ C.13 อ.สรรพยา จ.ชัยนาท อยู่ที่ 1,479 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที จากเมื่อวานระบายน้ำอยู่ที่ 1,449 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที เนื่องจากเร่งระบายน้ำหลากจากทางตอนบนของประเทศ

สำหรับพื้นที่ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วมในพื้นที่ชุมชนรวม 4 จังหวัด 15 อำเภอ 66 ตำบล 379 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 13,209 ครัวเรือน คือ จ.ตาก น้ำท่วมใน อ.สามเงา และบ้านตาก // กาฬสินธุ์ น้ำเอ่อล้นจากเขื่อนลำปาวใน อ.เมืองกาฬสินธุ์ ร่องคำ ฆ้องชัย ยางตลาด กมลาไสย สามชัย ท่าคันโท หนองกุงศรี สหัสขันธ์ และห้วยเม็ก // อุบลราชธานี น้ำท่วมใน อ.เมืองอุบลราชธานี วารินชำราบ ม่วงสามสิบ ตระการพืชผล ตาลสุม เหล่าเสือโก้ก ดอนมดแดง // ตราด น้ำท่วมในพื้นที่ อ.บ่อไร่ ภาพรวมในทุกพื้นที่ระดับน้ำลดลงแล้ว ส่วนพื้นที่เกษตรกรรมได้รับความเสียหาย 17 จังหวัด ใน 396,726 ไร่ คือ ลำพูน สุโขทัย ตาก ขอนแก่น ร้อยเอ็ด กาฬสินธุ์ ชัยภูมิ ยโสธร อำนาจเจริญ อุบลราชธานี นครพนม สกลนคร ลพบุรี พระนครศรีอยุธยา สระบุรี สุพรรณบุรี และอ่างทอง


สำนักข่าว กรมประชาสัมพันธ์  4 ตุลาคม 2566

สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) เร่งระบายน้ำท้ายเขื่อนเจ้าพระยาเพื่อเตรียมรับปริมาณน้ำรอบใหม่ หลังคาดการณ์จะมีฝนตกหนักในภาคกลางช่วง 2 - 3 วันนี้

นายสุรสีห์ กิตติมณฑล เลขาธิการสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) กล่าวว่า ช่วง 1 - 2 สัปดาห์ที่ผ่านมาประเทศไทยเกิดฝนตกหนักและต่อเนื่องในพื้นที่ภาคเหนือตอนล่างและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ส่งผลให้ปริมาณน้ำในลำน้ำต่างๆมีน้ำสูงขึ้นจนเอ่อล้นตลิ่งเข้าท่วมบ้านเรือนและพื้นที่การเกษตรของประชาชนในหลายพื้นที่ เช่น สุโขทัย พิจิตร แพร่ โดยปริมาณน้ำหลากจากตอนบนของประเทศได้ไหลมารวมกันที่บริเวณจังหวัดนครสวรรค์ของพื้นที่ภาคกลาง ซึ่งปริมาณน้ำส่วนหนึ่งไหลเข้าไปกักเก็บในบึงบอระเพ็ดที่มีศักยภาพรองรับน้ำหลากหรือน้ำส่วนเกินได้จำนวนมาก ขณะที่ปริมาณน้ำไหลผ่านเขื่อนเจ้าพระยาค่อยข้างมีปริมาณมาก จึงจำเป็นต้องเร่งระบายน้ำท้ายเขื่อนเจ้าพระยาปัจจุบันระบายอยู่ที่ 1,449 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที ส่งผลให้พื้นที่ลุ่มต่ำนอกคันกั้นน้ำใน จ.ชัยนาท สิงห์บุรี อ่างทอง และพระนครศรีอยุธยาจะได้รับผลกระทบ โดยจะพยายามระบายน้ำท้ายเขื่อนไม่ให้เกิน 1,500 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที พร้อมคาดการณ์ช่วง 2 - 3 วันนี้มีแนวโน้มที่ปริมาณน้ำจะเพิ่มเติมอีก เนื่องจากยังคงได้รับผลกระทบจากอิทธิพลร่องมรสุมพาดผ่านภาคกลางจนเกิดฝนตกหนักต่อเนื่อง ทั้งนี้ สทนช. ยังกำชับให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องบริหารจัดการน้ำและเก็บกักน้ำปลายฤดูฝน ควบคู่กับเร่งทำความเข้าใจกับประชาชนและเกษตรกรในพื้นที่ว่าน้ำที่เก็บกักจะสำรองไว้ใช้อุปโภค - บริโภค ไม่สนับสนุนการทำนาปีต่อเนื่อง แต่กำหนดมาตรการเสริมเมนูอาชีพให้เป็นทางเลือกของเกษตรกรแทน เพื่อให้น้ำต้นทุนมีเพียงพอใช้ถึงปีหน้า

ทั้งนี้ กอนช. ยังได้จัดตั้งศูนย์บริหารจัดการน้ำส่วนหน้าในพื้นที่เสี่ยงอุทกภัยภาคกลาง เพื่อติดสถานการณ์น้ำลุ่มเจ้าพระยา รับมือน้ำหลากตอนบนไหลผ่านเขื่อนเจ้าพระยาเพิ่มขึ้นจนกระทบพื้นที่ลุ่มต่ำนอกคัน บริหารจัดการน้ำช่วงฤดูฝนอย่างเป็นเอกภาพ และช่วยเหลือประชาชนทันท่วงที รวมทั้ง จะหารือกับเกษตรกรในภาคกลางที่เก็บเกี่ยวข้าวนาปีเสร็จแล้วเพื่อใช้พื้นที่นารองรับน้ำฝนในปริมาณที่เหมาะสมผ่านกระบวนการมีส่วนร่วมในพื้นที่ แล้วจะนำอาชีพเสริมช่วงน้ำหลากให้กับประชาชนสร้างรายได้เสริมต่อไป


สำนักข่าว กรมประชาสัมพันธ์  3 ตุลาคม 2566

กรมควบคุมมลพิษ (คพ.) เพิ่มความเข้มงวดเฝ้าระวังสถานที่กำจัดขยะมูลฝอยและระบบบำบัดน้ำเสียในพื้นที่น้ำท่วมและเสี่ยงน้ำท่วม เพื่อป้องกันผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม

นายปิ่นสักก์ สุรัสวดี อธิบดีกรมควบคุมมลพิษ(คพ.) กล่าวว่า เนื่องจากหลายพื้นที่เกิดฝนตกหนักต่อเนื่องจนเกิดน้ำท่วมขัง พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ได้กำชับให้กรมควบคุมมลพิษ(คพ.) สำรวจสถานที่กำจัดขยะมูลฝอยและระบบบำบัดน้ำเสียในพื้นที่น้ำท่วมหรือในพื้นที่เสี่ยงน้ำท่วม เพื่อเตรียมรับมือและเฝ้าระวังผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมจากน้ำท่วม โดยเฉพาะน้ำเน่าเสียและน้ำเสียจากบ่อขยะ เบื้องต้น คพ.ปรับปรุงรายชื่อสถานที่กำจัดขยะมูลฝอยที่เสี่ยงจะได้รับผลกระทบน้ำท่วม เพื่อติดตาม ให้คำแนะนำทางวิชาการ และส่งหนังสือแจ้งเตือนไปยังกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ผู้ว่าราชการ 76 จังหวัด และผู้ว่ากรุงเทพมหานคร พร้อมจัดทำวันเพจแจ้งเตือนภัยสถานที่กำจัดขยะมูลฝอยที่เสี่ยงได้รับผลกระทบน้ำท่วม ซึ่งอยู่ระหว่างการติดตามและเฝ้าระวังพายุลูกใหม่เพื่อแจ้งเตือนต่อไป

ทั้งนี้ คพ. ได้มอบหมายให้สำนักงานสิ่งแวดล้อมและควบคุมมลพิษ ที่ 1 - 16 ติดตามและรายงานข้อมูลเชิงพื้นที่ส่งทุกวัน จากการตรวจสอบพบมีสถานที่กำจัดขยะมูลฝอยที่ได้รับผลกระทบ 2 แห่ง คือ สถานที่กำจัดขยะมูลฝอยของเทศบาลเมืองสวรรคโลก ต.ย่านยาว อ.สวรรคโลก จ.สุโขทัย มีข้อแนะนำให้ก่อสร้างคันดินและปรับปรุงการระบายน้ำฝนภายในพื้นที่ รวมถึง ปรับปรุงถนนเพิ่มเติม 2 สถานที่กำจัดขยะมูลฝอยของ อบต.ดงละคร อ.เมือง จ.นครนายก มีคำแนะนำให้หาพื้นที่ทิ้งขยะชั่วคราว พร้อมประสานขอทิ้งร่วมกับ อปท. ใกล้เคียง และดักกั้นขยะมูลฝอยที่ลอยไม่ให้ออกสู่ภายนอก


สำนักข่าว กรมประชาสัมพันธ์  2 ตุลาคม 2566

สำนักงานคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติ (สคทช.) และสำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ (องค์การมหาชน) หรือ GISTDA ร่วมกันจัดทำข้อมูลเพื่อติดตามการใช้ประโยชน์ในพื้นที่จัดที่ดินทำกินให้ชุมชน (คทช.) เพื่อเตรียมพร้อมให้เกษตรกรรับกฎหมายสินค้าที่ปลอดจากการตัดไม้ทำลายป่าของสหภาพยุโรป

นางรวีวรรณ ภูริเดช ผู้อำนวยการสำนักงานคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติ (สคทช.) กล่าวถึงโครงการจัดทำข้อมูลเพื่อติดตามการใช้ประโยชน์ในพื้นที่จัดที่ดินทำกินให้ชุมชน (คทช.) ว่า สำนักงานคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติ (สคทช.) และสำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ (องค์การมหาชน) หรือ GISTDA ได้ร่วมหารือแนวทางและแผนการดำเนินโครงการฯ เพื่อจัดทำข้อมูลภูมิสารสนเทศสำหรับการบริหารจัดการและติดตามการใช้ประโยชน์พื้นที่จัดที่ดินทำกินให้ชุมชนตามนโยบายรัฐบาล (คทช.) ซึ่งเป็นการเตรียมพร้อมให้เกษตรกรในพื้นที่ คทช. ในการดำเนินการตามระเบียบว่าด้วยสินค้าที่ปลอดจากการตัดไม้ทำลายป่าของสหภาพยุโรป (EUDR) ที่กำหนดให้สินค้าควบคุม 7 ชนิด คือ โค , โกโก้ , กาแฟ , น้ำมันปาล์ม , ยางพารา , ถั่วเหลือง และไม้ รวมถึง ผลิตภัณฑ์แปรรูปที่เกี่ยวข้องที่นำเข้าและวางจำหน่ายในตลาดของสหภาพยุโรปหลังวันที่ 31 ธันวาคม 2567 ต้องแสดงให้เห็นว่าไม่ได้มาจากแหล่งผลิตที่ก่อให้เกิดการทำลายป่าหรือทำให้ป่าเสื่อมโทรมหลังวันดังกล่าวที่กำหนด โดย GISTDA จะสนับสนุนข้อมูลภูมิสารสนเทศ ด้วยการอ่านแปลภาพถ่ายดาวเทียมการใช้ประโยชน์ที่ดิน และวิเคราะห์การเปลี่ยนแปลงการใช้ประโยชน์ที่ดินในพื้นที่ คทช. ช่วงปี 2563

สำหรับโครงการนี้ยังจะช่วยติดตามการเปลี่ยนแปลงการใช้ประโยชน์ที่ดินในพื้นที่ คทช. เริ่มตั้งแต่การดำเนินนโยบายจัดที่ดินทำกินให้ชุมชน ผ่านการอ่านแปลภาพถ่ายดาวเทียมในปี 2558 และปัจจุบัน เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดการบุกรุกพื้นที่ป่าเพิ่มเติม รวมทั้ง ใช้เป็นข้อมูลประกอบการกำหนดมาตรการและแนวทางส่งเสริมการใช้ประโยชน์ที่ดินและการพัฒนาอาชีพในพื้นที่ คทช. อย่างเหมาะสม ผ่านการจัดทำระบบข้อมูลภูมิสารสนเทศที่ทันสมัย เพื่อช่วยให้การบริหารจัดการที่ดินและทรัพยากรดินของ สคทช. เกิดประโยชน์สูงสุดต่อเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อมต่อไป


สำนักข่าว กรมประชาสัมพันธ์  1 ตุลาคม 2566

กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เดินหน้าแผนรับมือการเข้าสู่ยุคโลกเดือด หลังการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศเป็นภัยคุกคามสำคัญทางเศรษฐกิจของโลกระยะยาว และป้องกันปัญหาการกีดกันทางการค้า

นายเถลิงศักดิ์ เพ็ชรสุวรรณ รองปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กล่าวถึงวิกฤติโลกร้อนกับความท้าทายของประเทศไทยว่า หลังเลขาธิการสหประชาชาติ ได้ประกาศยุคของภาวะโลกร้อน (global warming)ได้สิ้นสุดลงแล้ว จากนี้โลกเข้าได้สู่ยุคโลกเดือด (global boiling) ทำให้สภาเศรษฐกิจโลก (World Economic Forum) ได้จัดทำรายงานความเสี่ยงโลกล่าสุดปี 2566 (Global Risks Report 2023) โดยความเสี่ยงคุกคามโลกในระยะยาว 10 ปี พบปัญหาการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ (Climate Change) เป็นภัยคุกคามสำคัญทางเศรษฐกิจของโลกระยะยาว ทั้งปัญหาความล้มเหลวในการบรรเทาปัญหา Climate Change ความล้มเหลวในการปรับตัวต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ภัยพิบัติทางธรรมชาติ และการสูญเสียความหลากหลายทางชีวภาพ ซึ่งการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและการสูญเสียความหลากหลายทางชีวภาพเป็นปัญหาเกิดจากแรงขับเคลื่อนที่มาจากกิจกรรมของมนุษย์ โดยปัญหาทั้งสองทวีความรุนแรงขึ้นส่งผลกระทบซึ่งกันและกัน ทำให้ทิศทางการพัฒนาของโลกทวีความเข้มงวดมากขึ้น และนำไปสู่สถานการณ์กีดกันทางการค้า (Non-tariff barriers) ที่ไม่ใช่ภาษีมากขึ้น

ทั้งนี้ ประเทศไทย ตั้งเป้าจะยกระดับและก้าวเข้าสู่สถานะการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ให้ได้ในปี 2065 และความเป็นกลางทางคาร์บอนในปี 2050 โดยกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมได้วางแนวทางขับเคลื่อนเศรษฐกิจ BCG และเป้าการพัฒนาอย่างยั่งยืน (SDGs) เพื่อช่วยยกระดับความสามารถการแข่งขันให้กระจายรายได้ ควบคู่กับการรักษาฐานทรัพยากรธรรมชาติของประเทศที่สอดรับสู่เป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน


สำนักข่าว กรมประชาสัมพันธ์  30 กันยายน 2566

กองอำนวยการน้ำแห่งชาติ (กอนช.) ขอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเฝ้าระวังฝนตกหนักถึงหนักมากในหลายพื้นที่ พร้อมเร่งให้ความช่วยเหลือประชาชนที่ประสบภัยน้ำท่วมและมาตรการป้องกัน

นายสุรสีห์ กิตติมณฑล เลขาธิการสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) ในฐานะรองผู้อำนวยการกองอำนวยการน้ำแห่งชาติ (กอนช.) กล่าวว่า ประเทศไทย ยังคงมีฝนตกหนักบริเวณภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลางภาคตะวันออก และภาคใต้ โดยเฉพาะภาคเหนือมีฝนตกหนักมากบางแห่ง ช่วง 24 ชั่วโมงที่ผ่านมามีฝนตกหนักถึงหนักมาก บริเวณ จ.สุโขทัย กรุงเทพมหานคร จันทบุรี นราธิวาส กาญจนบุรี และอุดรธานี ส่งผลให้หลายพื้นที่เกิดน้ำท่วมขัง โดยหน่วยงานต่างๆเร่งให้ความช่วยเหลือและเตรียมพร้อมป้องกันน้ำท่วม เช่น กรมชลประทาน ร่วมกับกองทัพบกก่อกระสอบทรายกั้นน้ำบริเวณริมแม่น้ำมูลตรงชุมชนท่าก่อไผ่ เนื่องจากประตูกั้นน้ำระหว่างแม่น้ำมูลกับคลองน้ำภายในชุมชนปิดกั้นไม่สนิท ทำให้น้ำจากแม่น้ำมูลไหลทะลักเข้าสู่ภายในชุมชนท่ากอไผ่ อำเภอวารินชำราบ จังหวัดอุบลราชธานี รวมทั้ง ยังเร่งระดมเครื่องจักร - เครื่องมือ เครื่องสูบน้ำ พร้อมเดินหน้ากำจัดวัชพืชและสิ่งกีดขวางทางน้ำต่อเนื่อง เพื่อรักษาความสะอาดและลดปัญหาน้ำเน่าเสียในการช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการระบายน้ำ และเก็บกักน้ำไว้ใช้แล้งหน้าตรงบริเวณประตูระบายน้ำบางปลาดุก ต.ห้วยพลู อ.นครชัยศรี ติดตั้งเครื่องสูบน้ำเคลื่อนที่ขับด้วยเครื่องยนต์ดีเซล ขนาด 12 นิ้ว 2 เครื่อง และบริเวณประตูระบายน้ำบางเก็ง ต.ลานตากฟ้า อ.นครชัยศรี จ.นครปฐม 1 เครื่อง ด้านกรมทรัพยากรน้ำเร่งติดตั้งเครื่องสูบน้ำ บริเวณวัดแก้วพิจิตร พระอารามหลวง ตำบลหน้าเมือง อำเภอเมือง จังหวัดปราจีนบุรี ขนาด 10 นิ้ว เพื่อเฝ้าระวังและสูบน้ำท่วมขังในบริเวณวัด

ทั้งนี้ สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) ยังได้การคาดการณ์พื้นที่เสี่ยงน้ำหลากดินถล่มล่วงหน้า 3 วัน พบพื้นที่เสี่ยงเกิดฝนตกหนักน้ำท่วม 19 จังหวัด คือ กำแพงเพชร เชียงใหม่ ตาก เพชรบูรณ์ แพร่ ลำปาง ลำพูน อุทัยธานี ขอนแก่น นครพนม บึงกาฬ บุรีรัมย์ มุกดาหาร จันทบุรี ฉะเชิงเทรา ตราด ปราจีนบุรี กาญจนบุรี และระนอง


© 2024 Faculty of Environment and Resource Studies, Mahidol University . All Rights Reserved.