• +662 441 5000
  • This email address is being protected from spambots. You need JavaScript enabled to view it.

ข่าวสิ่งแวดล้อม

สำนักข่าว กรมประชาสัมพันธ์  8 ธันวาคม 2566

สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) เฝ้าระวังฝนตกหนักในพื้นที่ภาคใต้ต่อเนื่อง พร้อมระวังน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลากใน 10 จังหวัด

นายสุรสีห์ กิตติมณฑล เลขาธิการสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) กล่าวว่า ช่วงวันที่ 9 - 11 ธันวาคม ประเทศไทยตอนบนมีฝนเล็กน้อยบางแห่ง ส่วนภาคใต้ยังคงมีฝนตกหนักบางแห่ง โดยภาคใต้ยังต้องเฝ้าระวังน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลากถึงวันนี้ (8 ธ.ค.66) ใน จ.ประจวบคีรีขันธ์ ชุมพร สุราษฎร์ธานี ตรัง พัทลุง นครศรีธรรมราช สงขลา ปัตตานี ยะลา และนราธิวาส ส่วนเขื่อนบางลางได้ปรับเพิ่มการระบายน้ำเป็น 6 ล้านลูกบาศก์เมตรต่อวันจนถึงวันที่ 8 ธันวาคม รวมทั้ง ให้ระวังระดับน้ำเพิ่มขึ้นอย่างฉับพลันและระดับน้ำล้นตลิ่ง บริเวณแม่น้ำสายหลักและลำน้ำสาขา ทั้งนี้ สทนช. ยังได้กำชับให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งช่วยเหลือประชาชนในพื้นที่ได้รับความเดือดร้อนต่อเนื่อง เช่น กรมทรัพยากรน้ำ ติดตั้งเครื่องสูบน้ำพื้นที่เสี่ยงอุทกภัยตามมาตรการรับมือฤดูฝนปี 2566 โดยติดตั้งเครื่องสูบน้ำ ขนาด 12 นิ้ว ในพื้นที่เสี่ยงอุทกภัยเพิ่มเติม บริเวณชุมชนบ้านรับแพรก ตำบลท่าบอน อำเภอระโนด จังหวัดสงขลา เพื่อเตรียมพร้อมช่วยบรรเทาอุทกภัยให้กับประชาชน


สำนักข่าว กรมประชาสัมพันธ์  7 ธันวาคม 2566

ประเทศไทย จะนำเสนอความก้าวหน้าของการแก้ปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ และแสดงบทบาทในเชิงบวกการให้ความร่วมมือกับประชาคมโลก บนเวทีการประชุม COP 28 ณ รัฐดูไบ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์

นายจตุพร บุรุษพัฒน์ ปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กล่าวว่า ประเทศไทยในฐานะรัฐภาคีกรอบอนุสัญญาฯได้เข้าร่วมการประชุมรัฐภาคีกรอบอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ สมัยที่ 28 (COP 28) ณ รัฐดูไบ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ซึ่งเป็นการประชุมสำหรับประมุขของรัฐและหัวหน้ารัฐบาลการประชุม High-level Segment ระหว่างวันที่ 9 - 10 ธันวาคมนี้ โดยมี พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เป็นหัวหน้าคณะผู้แทนไทย เพื่อนำเสนอความก้าวหน้าของการแก้ปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและลดโลกร้อนของไทย พร้อมเป็นการแสดงบทบาทในเชิงบวกของไทยในการให้ความร่วมมือกับประชาคมโลกในการจัดการกับปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ และขยายโอกาสในการได้รับความช่วยเหลือทางการเงิน เทคโนโลยี วิชาการในการจัดการและปรับตัวต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศร่วมกับประชาคมโลก รวมถึงแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสารประสบการณ์ทำงานร่วมกับประเทศสมาชิกอื่นทั้งในระดับภูมิภาคและระดับโลก

สำหรับประเด็นการการเจรจาสำคัญบนเวที Cop 28 เช่น การประเมินสถานการณ์ดำเนินงานระดับโลก การจัดทำเป้าหมายระดับโลกด้านการปรับตัวต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ เป้าหมายด้านการเงินเพื่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ซึ่งภาคีประเทศกำลังพัฒนายังคงเรียกร้องให้เร่งระดมเงินให้ได้ 100,000 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ภายในปี 2052 เพื่อสนับสนุนการขับเคลื่อนการดำเนินงานตามการมีส่วนร่วมที่ประเทศกำหนด (NDC 2030) ให้บรรลุเป้าหมายตามที่แต่ละภาคีได้ให้คำมั่นไว้ การขับเคลื่อนการลดก๊าซเรือนกระจกให้บรรลุเป้าหมายตามความตกลงปารีส กองทุนสำหรับการสูญเสียและความเสียหายที่เกิดขึ้นจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (Loss & Damage Facility) เพื่อช่วยประเทศที่มีความเปราะบาง ลดการสูญเสียและความเสียหายที่เกิดขึ้นจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ


สำนักข่าว กรมประชาสัมพันธ์  6 ธันวาคม 2566

ค่าฝุ่นละออง PM 2.5 ในกรุงเทพมหานครและปริมณฑลปรับตัวสูงขึ้นทุกพื้นที่ โดยพบสูงในระดับสีส้มเริ่มมีผลกระทบต่อสุขภาพ 11 พื้นที่

นายสรอรรถ สุขหวาน นักวิชาการสิ่งแวดล้อมปฏิบัติการ กรมควบคุมมลพิษ (คพ.) กล่าวว่า สถานการณ์ฝุ่นละอองขนาดไม่เกิน 2.5 ไมครอน (PM 2.5) ในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑลวันนี้ (30 พ.ย.66) ภาพรวมคุณภาพอากาศอยู่ในระดับคุณภาพดีถึงเริ่มมีผลกระทบต่อสุขภาพ โดยค่าฝุ่นปรับตัวสูงขึ้นทุกพื้นที่และพบสูงขึ้นในระดับสีส้มเริ่มมีผลกระทบต่อสุขภาพ 11 พื้นที่ คือ ต.มหาชัย อ.เมือง จ.สมุทรสาคร // ต.ปากน้ำ อ.เมือง จ.สมุทรปราการ // ริมถนนมาเจริญ เพชรเกษม 81 เขตหนองแขม // ริมถนนซอยนิคมบ้านพักรถไฟธนบุรี 5 เขตบางกอกน้อย // ริมถนนศรีนครินทร์ เขตประเวศ // ริมถนนเลียบวารี เขตหนองจอก // ริมถนนบางนา-ตราด เขตบางนา // ริมถนนพระรามที่ 4 หน้าสามย่านมิตรทาวน์ เขตปทุมวัน // ริมถนนลาดพร้าว ซอยลาดพร้าว 95 เขตวังทองหลาง // สวนทวีวนารมย์ เขตทวีวัฒนา และแขวงคลองกุ่ม เขตบึงกุ่ม โดยมีแนวโน้มฝุ่นละอองสูง เนื่องจากเกิดสภาะอากาศที่นิ่งและลมสงบ ทำให้เกิดการสะสมของฝุ่นละอองขนาดเล็กในระดับใกล้ผิวพื้น โดยสถานการณ์จะบรรเทาลงจากสภาพอากาศที่เปิดมากขึ้น ประกอบกับ ลมตะวันออกเฉียงเหนือมีกำลังแรงขึ้นช่วยพัดพาฝุ่นละอองขนาดเล็กที่สะสมอยู่ในพื้นที่ออกไปได้มากตั้งแต่วันที่ 8 ธันวาคมเป็นต้นไป ทั้งนี้ จำเป็นต้องควบคุมและลดการระบายฝุ่นละอองจากแหล่งกำเนิดต่างๆต่อเนื่อง เพื่อลดปริมาณการปล่อยทั้งจากยานพาหนะ ด้วยการบำรุงรักษาเครื่องยนต์ให้มีประสิทธิภาพและเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่องสม่ำเสมอ โดยเฉพาะเครื่องยนต์ดีเซล จึงขอให้ประชาชนหันมาใช้รถโดยสารสาธารณะให้มากขึ้นแทนรถยนต์ส่วนบุคคล เช่น รถไฟฟ้า และงดการเผาในที่โล่ง เพราะเป็นแหล่งกำเนิดฝุ่นที่ส่งผลกระทบรุนแรง

-------------------- เสียง ------------------

สำหรับประชาชนที่อยู่ในพื้นที่มีฝุ่น PM 2.5 เกินมาตรฐานควรเฝ้าระวังสุขภาพ ลดเวลาการทำกิจกรรมกลางแจ้ง หรือใช้อุปกรณ์ป้องกันตนเอง หากมีอาการทางสุขภาพควรปรึกษาแพทย์ โดยสามารถติดตามตรวจสอบสถานการณ์ฝุ่น PM 2.5 ได้ทางเว็บไซต์และแอพพลิเคชัน Air4thai และ AirBKK


สำนักข่าว กรมประชาสัมพันธ์  5 ธันวาคม 2566

กรมควบคุมมลพิษ (คพ.) คาดการณ์ฝุ่นละออง PM 2.5 ในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑล มีแนวโน้มสูงขึ้นถึงวันที่ 7 ธันวาคมนี้

นายปิ่นสักก์ สุรัสวดี อธิบดีกรมควบคุมมลพิษ (คพ.) กล่าวว่า กรมควบคุมมลพิษ (คพ.) ได้คาดการณ์สถานการณ์ฝุ่นละอองขนาดไม่เกิน 2.5 ไมครอน (PM 2.5) ในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑลช่วงนี้ถึงวันที่ 7 ธันวาคมนี้ มีแนวโน้มฝุ่นละอองสูง เนื่องจากเกิดสภาะอากาศที่นิ่งและลมสงบ ทำให้เกิดการสะสมของฝุ่นละอองขนาดเล็กในระดับใกล้ผิวพื้น โดยสถานการณ์จะบรรเทาลงตั้งแต่วันที่ 8 ธันวาคมเป็นต้นไป เพราะสภาพอากาศที่เปิดมากขึ้น ประกอบกับ ลมตะวันออกเฉียงเหนือมีกำลังแรงขึ้นช่วยพัดพาฝุ่นละอองขนาดเล็กที่สะสมอยู่ในพื้นที่ออกไปได้มาก ทั้งนี้ จำเป็นต้องควบคุมและลดการระบายฝุ่นละอองจากแหล่งกำเนิดต่างๆต่อเนื่อง เพื่อลดปริมาณการปล่อยทั้งจากยานพาหนะ ด้วยการบำรุงรักษาเครื่องยนต์ให้มีประสิทธิภาพและเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่องสม่ำเสมอ โดยเฉพาะเครื่องยนต์ดีเซล จึงขอให้ประชาชนหันมาใช้รถโดยสารสาธารณะให้มากขึ้นแทนรถยนต์ส่วนบุคคล เช่น รถไฟฟ้า และงดการเผาในที่โล่ง เพราะเป็นแหล่งกำเนิดฝุ่นที่ส่งผลกระทบรุนแรง

สำหรับประชาชนที่อยู่ในพื้นที่มีฝุ่น PM 2.5 เกินมาตรฐานควรเฝ้าระวังสุขภาพ ลดเวลาการทำกิจกรรมกลางแจ้ง หรือใช้อุปกรณ์ป้องกันตนเอง หากมีอาการทางสุขภาพควรปรึกษาแพทย์ โดยสามารถติดตามตรวจสอบสถานการณ์ฝุ่น PM 2.5 ได้ทางเว็บไซต์และแอพพลิเคชัน Air4thai และ AirBKK


สำนักข่าว กรมประชาสัมพันธ์  4 ธันวาคม 2566

นายอนุชา นาคาศัย รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เป็นประธานพิธีเปิดงานรณรงค์การใช้เมล็ดพันธุ์ดีและลดต้นทุนการผลิต ภายใต้โครงการส่งเสริมศักยภาพการผลิตเมล็ดพันธุ์ข้าวของศูนย์ข้าวชุมชน ณ บ้านสามัคคี ตำบลปะโค อำเภอกุดจับ จังหวัดอุดรธานี พร้อมกล่าวว่า ประเทศไทย เป็นแหล่งผลิตข้าวที่สำคัญของโลก มีพื้นที่เพาะปลูกข้าวประมาณ 59 ล้านไร่ จังหวัดอุดรธานี มีพื้นที่ส่งเสริมการปลูกข้าวกว่า 1,900,000 ไร่ ปัจจุบันมีการปลูกข้าวด้วยวิธีหว่านมากขึ้น เมล็ดพันธุ์ข้าวที่เกษตรกรเก็บไว้ใช้จึงมีคุณภาพด้อยลงและกระทบต่อคุณภาพข้าวที่เกษตรกรผลิตลดลงไปด้วย เป็นสาเหตุหนึ่งที่ต้องส่งเสริมให้มีการจัดตั้งเป็นศูนย์ข้าวชุมชน ซึ่งเป็นกลุ่มผู้ผลิตเมล็ดพันธุ์ข้าวคุณภาพดี และเป็นแหล่งเรียนรู้ ด้านการผลิตข้าวและเมล็ดพันธุ์ข้าวคุณภาพดี โดยเน้นการลดต้นทุนการผลิตข้าว ซึ่งการจัดงานรณรงค์การใช้เมล็ดพันธุ์ดีและลดต้นทุนการผลิตในครั้งนี้ เป็นมาตรการที่มีความสำคัญในการช่วยเหลือเกษตรกรในปัจจุบันที่ต้นทุนการผลิตสูง ผลผลิตต่อไร่และค่าตอบแทนต่ำ ให้สามารถลดต้นทุนการผลิตและเพิ่มมูลค่าให้สูงขึ้น พร้อมกันนี้ อยากเห็นพี่น้องเกษตรกรทุกคนมีรายได้ มีโอกาสจับเงินแสนเงินล้าน และลูกหลานเกษตรกรไทยต้องมีอนาคตที่ดี กลับมาทำเกษตรที่บ้านเกิด เพื่อสานต่ออาชีพ ถึงเวลาแล้วที่ กรมการข้าว และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ต้องร่วมมือกันอย่างจริงจังในการหาแนวทางในการปรับเปลี่ยนการทำนาให้ประสบความสำเร็จ สร้างรายได้ที่มั่นคง ต้องคิดใหม่ ทำใหม่ ซึ่งจากการทดลองให้เกษตรกรปรับเปลี่ยนพื้นที่การเพาะปลูกข้าวมาเลี้ยงวัว โดยนำร่องในพื้นที่จังหวัดชัยนาท 300 ครัวเรือน พบว่า ระยะเวลา 3 ปี เกษตรกรสามารถคืนทุนและมีรายได้เพิ่มขึ้น นับว่าประสบความสำเร็จและเป็นนโยบายหลักที่ผมจะเดินหน้าขับเคลื่อนต่อไป

สำหรับศูนย์เมล็ดพันธุ์ข้าวอุดรธานี กรมการข้าว มีเป้าหมายการผลิตในฤดูฝนปี 2566 จำนวน 4,100 ตัน เมล็ดพันธุ์ข้าวที่ผลิตประกอบด้วย ข้าวเจ้าพันธุ์ กข15 จำนวน 800 ตัน ขาวดอกมะลิ 105 จำนวน 1,100 ตัน และข้าวเหนียว กข6 จำนวน 2,200 ตัน เกษตรกรที่ทำนาในอำเภอกุดจับบางส่วนทำการผลิตเมล็ดพันธุ์ข้าวให้กับศูนย์เมล็ดพันธุ์ข้าวอุดรธานี จำนวน 2,816 ตัน คิดเป็นรายได้ประมาณ 56,320,000 บาท


สำนักข่าว กรมประชาสัมพันธ์  3 ธันวาคม 2566

กรมทรัพยากรธรณี ขอให้อาสาสมัครเครือข่ายเฝ้าระวังดินถล่มและน้ำป่าไหลหลากช่วง 2 –3 วันนี้ ในพื้นที่ภาคใต้ 7 จังหวัด หลังเกิดฝนตกหนักต่อเนื่อง

ศูนย์ปฏิบัติการธรณีพิบัติภัย กรมทรัพยากรธรณี ได้ออกประกาศขอให้อาสาสมัครเครือข่ายกรมทรัพยากรธรณีและประชาชนทั่วไปเฝ้าระวังภัยดินถล่มและน้ำป่าไหลหลากช่วง 2 - 3 วันนี้ ในพื้นที่จังหวัดนครศรีธรรมราช ตรัง พัทลุง สงขลา ยะลา ปัตตานี และนราธิวาส โดยเฉพาะในพื้นที่เสี่ยงภัยดินถล่มบริเวณอำเภอศรีบรรพต ตะโหมด ศรีนครินทร์ กงหรา ป่าบอน จังหวัดพัทลุง // อำเภอสะข้าย้อย หาดใหญ่ รัตภูมิ จังหวัดสงขลา // อำเภอจะแนะ แว้ง ตากใบ สุไหงโก-ลก ศรีสาคร จังหวัดนราธิวาส เนื่องจากมีฝนตกต่อเนื่องวัดปริมาณน้ำฝนในรอบ 24 ชั่วโมงได้มากกว่า 100 มิลลิเมตร ประกอบกับ มีฝนตกสะสมมาหลายวันทำให้ชั้นดินอุ้มน้ำไว้มาก

อาจส่งผลให้เกิดแผ่นดินถล่มได้

ทั้งนี้ ขอให้อาสาสมัครเครือข่ายเฝ้าระวังแจ้งธรณีพิบัติภัยของกรมทรัพยากรธรณี เตรียมความพร้อมเฝ้าระวังภัยและวัดปริมาณน้ำฝนอย่างต่อเนื่อง หากเกิดเหตุให้แจ้งเตือนสถานการณ์ดินถล่มและน้ำป่าไหลหลากให้ประชาชนในหมู่บ้านได้รับทราบ และแจ้งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพร้อมปฏิบัติตามแผนเฝ้าระวังด้วย


สำนักข่าว กรมประ่ชาสัมพันธ์  2 ธันวาคม 2566

ที่วิสาหกิจชุมชนแปลงใหญ่กล้วยหอมทอง BK77 หมู่ 10 ต.ดอนหญ้านาง อ.พรเจริญ จ.บึงกาฬ นายทรงศักดิ์ ทองศรี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย ลงพื้นที่ตรวจติดตามการแก้ไขปัญหาการเกษตร พร้อมมอบนโยบายหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และพบปะสมาชิกวิสาหกิจชุมชนฯ โดยรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทยได้ชื่นชมวิสาหกิจชุมชนแปลงใหญ่กล้วยหอมทอง BK77 จากผลการดำเนินงานที่เป็นรูปธรรมในการยกระดับรายได้ของเกษตรกรในกลุ่ม แก้ไขปัญหาความยากจนอย่างยั่งยืน และสามารถสร้างชื่อเสียงให้แก่ผลผลิตทางการเกษตรในพื้นที่ โดยผลผลิตมีมาตรฐานในระดับจำหน่ายร้านสะดวกซื้อ และส่งออกต่างประเทศ

นายทรงศักดิ์ ทองศรี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย กล่าวว่า การแก้ไขปัญหาความยากจนเป็นหัวใจสำคัญของการแก้ไขปัญหาประชาชน โดยเฉพาะวันนี้เราจะทำอย่างไรให้เศรษฐกิจฐานรากประชาชนอยู่ดีกินดี ประชาชนต้องไม่มีความยากจน ความยากจนต้องพ้นไปจากประเทศไทยให้ได้ นี่เป็นแนวความคิดกรอบใหญ่ของรัฐบาล ทีนี้จะมีการประชุม ครม. ในวันที่ 4 ธันวาคม 2566 นายกรัฐมนตรีดำริให้ ครม.ทุกคนลงไปพื้นที่ในกลุ่มคลัสเตอร์ที่จะมีการประชุม ไม่ว่าจะเป็นจังหวัดอุดรธานี, เลย, หนองบัวลำภู, หนองคาย หรือบึงกาฬ วันนี้ผมอยู่ที่บึงกาฬ ก็เป็นจังหวัดที่เพิ่งตั้งมาประมาณ 13 ปี ได้เห็นการพัฒนาการหลายๆ อย่าง ทั้งโครงสร้างพื้นฐาน, แหล่งท่องเที่ยว, ความเป็นอยู่ของประชาชน แต่ว่าสิ่งหนึ่งที่เราต้องลงมาติดตามก็คือ จะทำอย่างไรให้ประชาชนฐานรากที่ยังมีปัญหาอยู่เรื่องของรายได้ เราก็มีการมอบนโยบายให้หน่วยงานของรัฐช่วยกันลงมาดูเป็นพี่เลี้ยงในการแก้ไขปัญหากับประชาชน เราก็จะลงมาในลักษณะพุ่งเป้า ทำอย่างไรให้ปัญหาเรื่องความยากจนพ้นไปโดยเร็ววัน โดยเฉพาะวันนี้เรามาดูส่วนหนึ่งของการแก้ปัญหา

โดยประชาชนได้ตั้งเป็นวิสาหกิจปลูกกล้วยหอมนำไปจำหน่ายในตลาด เราก็มาดูเป็นพี่เลี้ยงและให้กำลังใจ แต่เห็นแล้วก็ชื่นใจเพราะว่า คนที่เป็นวิสาหกิจร่วมกันก็มีข้อมูลหลายอย่างที่ทำให้ผลผลิตภาคการเกษตรเป็นที่ต้องการของตลาดต่าง ๆ ทั้งการ MOU กับวิสาหกิจอื่น ๆ เป็นช่องทางตลาด และขณะเดียวกันก็มีการพัฒนาพันธุ์ต่างๆ ทำให้ผลผลิตที่ออกมามีความสมบูรณ์มากขึ้นก็จะนำไปสู่การเป็นผลไม้ที่ออกสู่ตลาดได้ และมีรายได้เข้าสู่ครอบครัว จึงเป็นทางหนึ่งในการแก้ไขปัญหาความยากจน


สำนักข่าว กรมประชาสัมพันธ์  1 ธันวาคม 2566

สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) เฝ้าระวังน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลากในภาคใต้ 10 จังหวัด ช่วงวันที่ 3 – 8 ธันวาคมนี้ หลังเกิดฝนตกหนักต่อเนื่อง

นายสุรสีห์ กิตติมณฑล เลขาธิการสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) กล่าวว่า ขณะนี้ความกดอากาศสูงกำลังปานกลางจะแผ่ลงมาปกคลุมภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ทำให้ประเทศไทยตอนบนมีฝนตกบางแห่งในระยะแรก หลังจากนั้นอุณหภูมิจะลดลงกับมีลมแรง ส่วนภาคใต้ตอนล่างยังคงมีฝนตกหนักบางแห่ง โดยช่วงวันที่ 2-6 ธันวาคมประเทศไทยตอนบนมีฝนฟ้าคะนองบางแห่งในระยะแรก จากนั้นอุณหภูมิจะลดลงกับมีลมแรง โดยเฉพาะภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ส่วนมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือกำลังปานกลางพัดปกคลุมอ่าวไทยและภาคใต้ตลอดช่วงทำให้ภาคใต้ยังคงมีฝนตกหนักบางแห่ง จึงต้องระวังน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลากในภาคใต้ช่วงวันที่ 3 – 8 ธันวาคมนี้ บริเวณ จ.ประจวบคีรีขันธ์ ชุมพร สุราษฎร์ธานี ตรัง พัทลุง นครศรีธรรมราช สงขลา ปัตตานี ยะลา และนราธิวาส รวมทั้ง ระวังอ่างเก็บน้ำขนาดกลางและขนาดเล็กที่มีปริมาณน้ำมากกว่าร้อยละ 80 บริเวณ จ.สุราษฎร์ธานี ภูเก็ต กระบี่ นครศรีธรรมราช ตรัง พัทลุง และอ่างเก็บน้ำที่มีสถิติปริมาณน้ำไหลเข้าอ่างเก็บน้ำมากกว่าความจุเก็บกัก ซึ่งเขื่อนบางลาง จ.ยะลา ให้พิจารณาบริหารจัดการน้ำให้เหมาะสม

สำหรับภาพรวมยังคงมีน้ำท่วมขังในพื้นที่ภาคใต้ 6 จังหวัด คือ ชุมพร สุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช ตรัง พัทลุง และสงขลา รวม 29 อำเภอ 115 ตำบล 684 หมู่บ้าน มีประชาชนได้รับผลกระทบ 29,266 ครัวเรือน โดยระดับน้ำมีแนวโน้มลดลง


© 2024 Faculty of Environment and Resource Studies, Mahidol University . All Rights Reserved.