• +662 441 5000
  • This email address is being protected from spambots. You need JavaScript enabled to view it.

ข่าวสิ่งแวดล้อม

สำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม  31 ธันวาคม 2566

ผมเชื่อว่าคนส่วนใหญ่ในยุคนี้มีความเข้าใจและล้วนตระหนักถึงความสำคัญนี้เป็นอย่างดี เราจะเห็นได้ว่าในช่วงทศวรรษที่ผ่านมา หลายองค์กรได้มีการกำหนดนโยบายหรือกิจกรรมต่างๆ เพื่อส่งเสริมการลดการใช้พลังงานและเปลี่ยนมาใช้พลังงานทางเลือกที่ยั่งยืน รวมถึงการสร้างกิจกรรมให้ความรู้แก่บุคคลากรและประชาชนที่เกี่ยวข้องมาโดยตลอดด้วยความสามารถของ “เทคโนโลยีเอไอและข้อมูล” ที่ถูกพัฒนาขึ้นและสามารถนำมาใช้งานได้ง่ายและแพร่หลายอย่างในทุกวันนี้ ทั้งความสามารถในการรวบรวมและวิเคราะห์ข้อมูลการเรียนรู้ที่รวดเร็ว การลดการทำงานที่ซ้ำๆ และเปลี่ยนทำงานให้อยู่ในรูปแบบอัตโนมัติที่แม่นยำ ทำให้เอไอถูกนำเข้ามาใช้งาน เสมือนเป็นอีกหนึ่งตัวช่วยสำคัญของทุกองค์กรในการเพิ่มประสิทธิภาพในการบริหารจัดการลดการใช้ทรัพยากรที่เกินความจำเป็น และแก้ปัญหาต่าง ๆ ที่เกี่ยวกับสิ่งแวดล้อมได้อย่างยั่งยืนยิ่งขึ้น ตัวอย่างของบทบาทของเอไอและข้อมูลที่มีส่วนช่วยด้านสิ่งแวดล้อม ได้แก่ 1. การบริหารจัดการพลังงานและการใช้พลังงานหมุนเวียน อัลกอริทึ่มของเอไอช่วยให้เราสามารถจัดการและปรับการใช้พลังงานในอาคาร โรงงาน และสภาพแวดล้อมของเมืองให้มีประสิทธิภาพสูงสุด ผ่านการวิเคราะห์รูปแบบการใช้งานและข้อมูลปริมาณการใช้พลังงานในช่วงอดีตที่ผ่านมา และคาดการณ์ปริมาณพลังงานที่จะใช้งานได้เหมาะสม ซึ่งจะเป็นการช่วยลดการผลิตและการใช้พลังงานที่เกินความจำเป็น นอกจากนี้ ยังช่วยให้เราเลือกใช้พลังงานหมุนเวียนจากทางเลือกอื่นๆ เช่น ลม น้ำ และแสงอาทิตย์ ซึ่งมีความผันผวนรุนแรงตามสภาพอากาศ ได้อย่างเหมาะสมและแม่นยำยิ่งขึ้น รวมไปถึงการต่อยอดในการลดปริมาณ Carbon Footprint 2. ช่วยพัฒนาความยั่งยืนทางการเกษตร ในภาคการเกษตร เอไอจะวิเคราะห์ข้อมูลที่เกี่ยวกับรูปแบบสภาพอากาศ สภาพดิน คุณภาพของพืชผลที่ผ่านมา และแนะนำวิธีการและปริมาณการให้ดิน น้ำ ปุ๋ย ยาฆ่าแมลง และสารเคมีได้อย่างเหมาะสมให้แก่เกษตรกร เพื่อปรับปรุงผลผลิตให้มีคุณภาพที่ดียิ่งขึ้นรวมถึงลดการสูญเสียและลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม 3. เพิ่มความปลอดภัยการเฝ้าระวังและแจ้งเตือนภัยธรรมชาติ เอไอสามารถเฝ้าระวังและตรวจจับสัญญาณความผิดปกติที่อาจเป็นจุดเริ่มต้นของภัยธรรมชาติ เช่น ไฟป่า น้ำท่วม ฝุ่น คลื่นสึนามื ผ่านอุปกรณ์อัจฉริยะต่างๆ เช่น กล้องวงจรปิด หรือ เซ็นเซอร์ ที่ทำงานเฝ้าระวังให้เราได้ตลอด 24 ชั่วโมง เมื่อเรารู้สัญญาณของภัยธรรมชาติได้เร็วขึ้น ก็ทำให้เราสามารถจัดการ แก้ไข เตรียมตัวรับมือปัญหาเหล่านี้ได้ดียิ่งขึ้น และลดการสูญเสียที่อาจเกิดขึ้นได้อย่างมหาศาล 4. การอนุรักษ์ระบบนิเวศและความหลากหลายทางชีวภาพ การผสานเครื่องมือเอไอให้ทำงานร่วมกับโดรน ทำให้การสำรวจระยะไกลในพื้นที่ขนาดใหญ่และการสร้างแบบจำลองทางสถิติตามระบบสารสนเทศทางภูมิศาสตร์เป็นไปได้ง่ายยิ่งขึ้น จากข้อมูลที่ได้จากการสำรวจ ทำให้เราสามารถตรวจสอบพื้นที่ป่าและระบบนิเวศ สร้างแผนที่ ระบุตำแหน่งที่อยู่และจำนวนประชากรของสัตว์ป่า นก และสิ่งมีชีวิตอื่นๆ ได้อย่างแม่นยำ เพื่อให้ภาคส่วนที่เกี่ยวข้องนำมาใช้ในการวางแผนกลยุทธ์ คาดการณ์ภัยคุกคามที่จะส่งผลต่อระบบนิเวศและความหลากหลายทางชีวภาพได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ การใช้เทคโนโลยีเอไอและข้อมูลจะช่วยลดการสูญเสียและการใช้ทรัพยากรที่ไม่จำเป็น รวมถึงยังสามารถช่วยในการวางแผนและการบริหารสิ่งแวดล้อมที่ยั่งยืนในระยะยาว ด้วยเหตุนี้ การให้ความสำคัญในการเปิดรับและการทำงานร่วมกันกับข้อมูลและเทคโนโลยีเอไอ จึงเป็นสิ่งที่สำคัญยิ่งในการพัฒนาและสร้างสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน


สำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม  30 ธันวาคม 2566

ที่มา : https://www.technologychaoban.com/bullet-news-today/article_264700

แผ่นผนังปลูกต้นไม้แนวตั้งจากขยะ ในงานภูมิทัศน์ Vertical planting wall panel from landscaping waste ผลงานของ อาจารย์ดนุพล มากผ่อง และผู้ช่วยศาสตราจารย์วีระยุทธนาคทิพย์ นักวิจัยและอาจารย์ สาขาเทคโนโลยีภูมิทัศน์ คณะเทคโนโลยีการเกษตร มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลธัญบุรี ตอบโจทย์กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม ที่ขับเคลื่อน BCG Model เพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน นำขยะกลับไปใช้ใหม่ให้เกิดประโยชน์

งานวิจัยนี้เพื่อต้องการลดปริมาณขยะในงานภูมิทัศน์ เกิดขึ้นจากการจัดสร้าง และดูแลรักษาภูมิทัศน์เกิดขึ้นจากขั้นตอนการปลูกต้นไม้ รวมไปถึงการดูแล และการตกแต่งภูมิทัศน์ เช่น กระถางพลาสติกถุงเพาะชำต้นไม้ แผ่นซาแรนหุ้มโคนต้นไม้ ถุงดินปลูกที่ย่อยสลายไม่ได้ ซึ่งเป็นการนำขยะในงานภูมิทัศน์ กลับมาใช้ใหม่ ให้เกิดประโยชน์ สามารถพัฒนาต่อยอดเป็นผลิตภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมได้


สำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม  29 ธันวาคม 2566

ที่มา: https://www.infoquest.co.th/2023/362217

นายนฤตม์ เทอดสถีรศักดิ์ เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน ซึ่งมีนายปานปรีย์ พหิทธานุกร รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.ต่างประเทศ เป็นประธาน ได้เห็นชอบมาตรการส่งเสริมการลงทุนเพื่อลดปัญหาฝุ่นละออง PM 2.5 โดยขยายขอบข่ายการสนับสนุนตามมาตรการส่งเสริมการลงทุนเพื่อพัฒนาชุมชนและสังคม รวมถึงการสนับสนุนองค์กรท้องถิ่นและกลุ่มเกษตรกรในการยกระดับสิ่งแวดล้อมในชุมชน โดยการจัดการป่าในพื้นที่เป้าหมาย ครอบคลุมทั้งป่าชุมชน ป่าอนุรักษ์ ป่าสงวนแห่งชาติทั่วประเทศ เพื่อลดปัญหาฝุ่นละออง PM 2.5

สำหรับมาตรการส่งเสริมการลงทุนเพื่อลดปัญหาฝุ่น PM 2.5 ในครั้งนี้ บีโอไอได้หารือร่วมกับกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ในการกำหนดมาตรการที่จะช่วยสนับสนุนและเพิ่มความสามารถขององค์กรท้องถิ่นและกลุ่มเกษตรกร ในการยกระดับการจัดการสิ่งแวดล้อมในชุมชนด้วยวิธีต่าง ๆ เพื่อลดปัญหาฝุ่นละออง PM 2.5 อย่างยั่งยืน โดยกิจกรรมที่สามารถขอรับสิทธิตามมาตรการส่งเสริมการลงทุนเพื่อลดปัญหาฝุ่นละออง PM 2.5 เช่น การก่อสร้างแนวกันไฟป่าเปียก การก่อสร้างฝายชะลอความชุ่มชื้น การสนับสนุนเครื่องมือและอุปกรณ์ดับไฟป่า การฝึกอบรมด้านการป้องกันและควบคุมไฟป่า

ทั้งนี้ ผู้ประกอบการที่เข้าร่วมสนับสนุนการจัดการป่า และการลดปัญหาฝุ่นละออง PM 2.5 ตามเกณฑ์ที่กำหนด และได้รับความเห็นชอบจากกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม จะได้รับยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคลจากรายได้ของกิจการที่ดำเนินการอยู่ เป็นเวลา 3 ปี ในสัดส่วนไม่เกิน 200% ของเงินลงทุนที่จ่ายจริงในการสนับสนุนองค์กรท้องถิ่นและกลุ่มเกษตรกร โดยเลขาธิการบีโอไอ กล่าวว่า ท่ามกลางกระแสการโยกย้ายฐานการผลิตและการลงทุนที่ยังมีอย่างต่อเนื่อง ประเทศไทยจำเป็นต้องใช้โอกาสนี้ ในการดึงดูดและกระตุ้นให้เกิดการลงทุนโครงการขนาดใหญ่ในอุตสาหกรรม ซึ่งที่ประชุมฯ ได้เห็นชอบให้ขยายเวลามาตรการส่งเสริมการลงทุน 3 มาตรการ ที่เดิมจะสิ้นสุดในเดือน ธ.ค. 66 ออกไปอีก 1 ปี โดยสามารถยื่นคำขอรับการส่งเสริมการลงทุนได้ภายในวันทำการสุดท้ายของปี 2567 ได้แก่ มาตรการกระตุ้นการลงทุนเพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจ มาตรการรักษาและขยายฐานการผลิตเดิม และมาตรการส่งเสริมการย้ายฐานธุรกิจแบบครบวงจร


สำนักข่าว กรมประชาสัมพันธ์  28 ธันวาคม 2566

ร้อยเอก ธรรมนัส พรหมเผ่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมและให้ความช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย พร้อมมอบถุงยังชีพให้กับประชาชนในพื้นที่จังหวัดนราธิวาส จำนวน 1,300 ชุด หลังเกิดฝนตกหนักอย่างต่อเนื่องในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ทำให้เกิดอุทกภัยฉับพลัน ส่งผลทำให้พื้นที่ทางการเกษตรและบ้านเรือนของประชาชนเกิดน้ำท่วมขังและยังมีถนนสายหลักและถนนภายในหมู่บ้านมีน้ำท่วมสูง ถนนบางสายยานพาหนะทุกชนิดไม่สามารถสัญจรไปมาได้

รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ สั่งการให้ทุกหน่วยงานในสังกัดเร่งสำรวจความเสียหายด้านการเกษตรและเข้าให้การช่วยเหลือประชาชนและเกษตรกรอย่างเร่งด่วน พร้อมดำเนินการจัดตั้งโรงครัวเพื่อผลิตอาหารและมอบน้ำดื่มให้กับผู้ประสบอุทกภัยในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ นอกจากนี้ ยังได้ติดตั้งเครื่องสูบน้ำและสนับสนุนหญ้าแห้งเสบียงอาหารสัตว์ให้กับเกษตรกรในพื้นที่ด้วย ทั้งนี้ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ได้เตรียมมาตรการทั้งระยะสั้นและระยะยาว ในการบริหารจัดการน้ำและภัยพิบัติที่อาจจะเกิดขึ้นอย่างฉับพลันเพื่อให้สถานการณ์คลี่คลายไปในทิศทางที่ดีขึ้น


สำนักข่าว กรมประชาสัมพันธ์  27 ธันวาคม 2566

กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม คุมเข้มการเผาในเขตป่าอนุรักษ์ผ่านศูนย์สั่งการและติดตามสถานการณ์ไฟป่าและหมอกควัน (War Room) 380 วอร์รูม พร้อมดึงผู้นำท้องถิ่นเข้ามามีส่วนร่วม เพื่อป้องกันและควบคุมไฟป่า หมอกควัน และฝุ่น PM 2.5

รอ.รชฏ พิสิษฐบรรณกร ผู้ช่วยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กล่าวว่า หลังจาก กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ได้ตั้งศูนย์สั่งการและติดตามสถานการณ์ไฟป่าและหมอกควัน (War Room) รูปแบบ Single Command ที่จะรายงานสถานการณ์จากวอร์รูมระดับป่าอนุรักษ์แห่งชาติ ถึง วอร์รูมระดับสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ (สบอ.) แล้วส่งมายังวอร์รูมกรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืชรวม 380 แห่ง เบื้องต้นจากการปฏิบัติงานของวอร์รูม 11 พื้นที่ป่าอนุรักษ์ที่มีพื้นที่เผาไหม้มากที่สุดปีนี้ คือ อุทยานแห่งชาติศรีน่าน อุทยานแห่งชาติเขื่อนศรีนครินทร์ เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าแม่ตื่น อุทยานแห่งชาติสาละวิน เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าสาละวิน เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าลุ่มน้ำปาย เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าแม่จริม เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าสลักพระ อุทยานแห่งชาติถ้ำผาไท (เตรียมการ) อุทยานแห่งชาติแม่ปิง และเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าอมก๋อย ถือเป็นพื้นที่สำคัญที่สุดที่ต้องเฝ้าระวัง เนื่องจากเป็นหน่วยที่เผชิญเหตุการณ์ จึงขอให้ทำงานร่วมกับจังหวัดอย่างเคร่งครัดในการบริหารจัดการเรื่องกำลังพลเจ้าหน้าที่ อุปกรณ์ดับไฟป่า และเงินงบประมาณ เพื่อเตรียมพร้อมหากเกิดไฟป่าในพื้นที่ รวมทั้ง ขอให้จัดระเบียบการเผาโดยเฉพาะช่วงเวลาที่ฝุ่น PM 2.5 มีปริมาณมากอย่าเผาพร้อมกัน ให้กระจายกันเผาคนละช่วงเวลา เพื่อลดปริมาณฝุ่นละออง

ด้าน นายอรรถพล เจริญชันษา อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่า และพันธุ์พืช กล่าวว่า ศูนย์วอร์รูมนี้ จำเป็นต้องเชื่อมโยงสอดคล้องกับศูนย์ปฏิบัติการของทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะระดับจังหวัดและระดับพื้นที่ป่าอนุรักษ์ เพื่อแก้ปัญหาไฟป่า การเผาในที่โล่ง หมอกควัน และฝุ่นละอองอย่างประสิทธิภาพ สิ่งสำคัญคำนึงถึงความปลอดภัยของเจ้าหน้าที่ส่วนหน้าด้วย เพราะปี 2567 จะหนักเน้นมาตรการตรึงพื้นที่มุ่งเป้า 11 ป่าอนุรักษ์ และพื้นที่ป่าอนุรักษ์อื่นๆทั่วประเทศ เพื่อนำไปสู่การลดพื้นที่เผาไหม้ลงให้ได้ร้อยละ 50 จากปี 2566 ด้วยการทำงานเชิงรุกมากขึ้น สำหรับพื้นที่เผาไหม้ในพื้นที่ป่าอนุรักษ์ปีนี้รวม 12.78 ล้านไร่ อยู่ในภาคเหนือมากที่สุด 17 จังหวัด รวม 9.87 ล้านไร่ จึงได้เตรียมแนวทางจัดการเชื้อเพลิงพื้นที่เสี่ยง // ตรึงพื้นที่กำหนดจุดตรวจ จุดสกัด จุดเฝ้าระวัง // จัดตั้งวอร์รูมระดับ สบอ. และพื้นที่ป่าอนุรักษ์ // จัดเตรียมและบูรณาการกำลังพลเพื่อดับไฟป่า // ลาดตระเวน เฝ้าระวังควบคุมพื้นที่ตลอด 24 ชั่วโมงในช่วงหน้าไฟป่า // จัดระเบียบพื้นที่การเผาเกษตรกรรมในเขตป่า // กำหนดแผนบริหารจัดการเมื่อเกิดเหตุการณ์ // จัดระเบียบการเข้า -ออก พื้นที่ป่าอนุรักษ์ // ควบคุมการเก็บหาของป่าและใช้ประโยชน์ และสุดท้าย มวลชนสัมพันธ์แบบเคาะประตูบ้าน หรือการเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายผู้เผาป่า


สำนักข่าว กรมประชาสัมพันธ์  26 ธันวาคม 2566

ค่าฝุ่นละออง PM 2.5 ในกรุงเทพมหานครและปริมณฑลปรับตัวสูงขึ้นหลายพื้นที่ เนื่องจากลมนิ่งจนเกิดการสะสมตัวในระดับใกล้ผิวพื้นที่ จึงจำเป็นต้องช่วยกันควบคุมฝุ่นจากแหล่งกำเนิดให้มากที่สุด

นายศักดา ตรีเดช ผู้อำนวยการส่วนนวัตกรรมคุณภาพอากาศและเสียง กรมควบคุมมลพิษ (คพ.) กล่าวว่า สถานการณ์ฝุ่นละอองขนาดไม่เกิน 2.5 ไมครอน (PM 2.5) ในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑลวันนี้ (26 ธ.ค.66) ภาพรวมคุณภาพอากาศอยู่ในระดับดีมากถึงเริ่มมีผลกระทบต่อสุขภาพ โดยค่าฝุ่นหลายพื้นที่ปรับตัวสูงขึ้น จึงต้องเฝ้าระวังอย่างใกล้ชิดเป็นพิเศษ เพราะมีแนวโน้มฝุ่นสูงขึ้นจนกระทบต่อสุขภาพในบางพื้นที่ เนื่องจากปัจจัยทางอุตุนิยมวิทยามีการระบายอากาศไม่ค่อยดีและลมค่อนข้างนิ่ง ส่งผลให้ฝุ่นละอองสะสมตัวในระดับใกล้ผิวพื้นที่จนสามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่าในช่วงเช้า โดยเฉพาะตั้งแต่วันนี้จนถึงวันที่ 28 ธันวาคมฝุ่นจะปรับตัวสูงขึ้นได้ ทั้งนี้ จำเป็นต้องควบคุมและลดการระบายฝุ่นละอองจากแหล่งกำเนิดต่างๆต่อเนื่อง เพื่อลดปริมาณการปล่อยทั้งจากยานพาหนะ ด้วยการบำรุงรักษาเครื่องยนต์ให้มีประสิทธิภาพและเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่องสม่ำเสมอ โดยเฉพาะเครื่องยนต์ดีเซล จึงขอให้ประชาชนหันมาใช้รถโดยสารสาธารณะให้มากขึ้นแทนรถยนต์ส่วนบุคคล เช่น รถไฟฟ้า และงดการเผาในที่โล่ง เพราะเป็นแหล่งกำเนิดฝุ่นที่ส่งผลกระทบรุนแรง

สำหรับประชาชนที่อยู่ในพื้นที่มีฝุ่น PM 2.5 เกินมาตรฐานควรเฝ้าระวังสุขภาพ ลดเวลาการทำกิจกรรมกลางแจ้ง หรือใช้อุปกรณ์ป้องกันตนเอง หากมีอาการทางสุขภาพควรปรึกษาแพทย์ โดยสามารถติดตามตรวจสอบสถานการณ์ฝุ่น PM 2.5 ได้ทางเว็บไซต์และแอพพลิเคชัน Air4thai และ AirBKK


สำนักข่าว กรมประชาสัมพันธ์  25 ธันวาคม 2566

กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม จะเสนอร่างพระราชบัญญัติบริหารจัดการเพื่ออากาศสะอาด พ.ศ.... ให้คณะรัฐมนตรีรับทราบ เพื่อเสนอรัฐสภาพิจารณา คาด มีผลบังคับใช้กลางปีหน้า เพื่อมอบเป็นของขวัญปีใหม่ให้กับประชาชนในการคุมเข้มมลพิษจากแหล่งกำเนิด

รอ.รชฏ พิสิษฐบรรณกร ผู้ช่วยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กล่าวถึงความคืบหน้าร่างพระราชบัญญัติบริหารจัดการเพื่ออากาศสะอาด พ.ศ.... ว่า วันพรุ่งนี้ (26 ธ.ค.66) กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม จะเสนอร่าง พ.ร.บ.อากาศสะอาดฯให้คณะรัฐมนตรีรับทราบ เพื่อส่งเรื่องต่อยังรัฐสภาพิจารณา หลังกฤษฎีกาได้ตรวจแก้ร่างกฎหมายฉบับดังกล่าวแล้ว เนื่องจากอยู่ในสมัยการประชุมที่จะปิดวาระช่วงสัปดาห์แรกของเดือนเมษายน 2567 ทำให้มีเวลาพิจารณากฎหมาย 4 เดือน โดยระหว่างนั้นจะพิจารณากฎหมายลำดับรอง 30 ฉบับไปพร้อมกัน คาดว่าจะประกาศบังคับใช้ได้ช่วงกลางปี 2567 ซึ่งกฎหมายฉบับนี้จะเป็นกฎหมายเฉพาะที่นำมาแก้ปัญหามลพิษในประเทศ เพื่อช่วยเพิ่มประสิทธิภาพและมีเอกภาพในการบริหารจัดการได้ดีทั้งระบบ โดยกระทรวงทรัพย์ฯจะมอบกฎหมายฉบับนี้เป็นของขวัญปีใหม่ 2567 ให้กับประชาชนเพื่อให้ทุกคนเข้าถึงอากาศสะอาดได้ทุกคนและทั่วถึง

ด้าน นายบัณฑูร เศรษฐศิโรตม์ ผู้อำนวยการสถาบันธรรมรัฐเพื่อการพัฒนาสังคมและสิ่งแวดล้อม กล่าวว่า กฎหมายอากาศสะอาดมีทั้งหมด 9 หมวด 104 มาตรา ซึ่งจะเป็นเครื่องมือเฉพาะที่นำมาบังคับใช้แก้ปัญหามลพิษของประเทศ โดยเฉพาะลดมลพิษจากแหล่งกำเนิด ทั้งด้านคมนาคม ภาคป่าไม้ ภาคเกษตรกรรม ภาคอุตสาหกรรม โรงไฟฟ้า และหมอกควันข้ามแดนที่เน้นดำเนินการในแต่ละช่วงเวลา โดยช่วงเกิดมลพิษมีประมาณ 3 เดือน แล้วมีช่วงคุมเข้มก่อนเกิดมลพิษ 8 เดือน และช่วงเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบอีก 1 เดือน ดังนั้น ในช่วงเวลา 8 เดือนที่ต้องคุมเข้มตามมาตรการอย่างพื้นที่ภาคเกษตร พบมีแหล่งกำเนิดมลพิษประมาณร้อยละ 12 จากการเผาในที่โล่ง โดยเฉพาะไร่ข้าวโพด จึงต้องปรับเปลี่ยนภาคเกษตรกรรมที่ปลูกพืชเชิงเดียวมาปลูกพืชยืนต้นแทน เช่น กาแฟ ไผ่ อโวคาโด มะม่วง สิ่งสำคัญกฎหมายฉบับนี้ยังช่วยแก้ปัญหาเรื่องการบูรณาการ เนื่องจากเดิมผู้ว่าราชการจังหวัดสามารถสั่งการได้เพียงประมาณ 30 หน่วยงาน แต่ที่เหลืออีก 130 หน่วยงานระดับสั่งการอยู่ที่ส่วนกลาง ทำให้การทำงานขาดเอกภาพ เมื่อกฎหมายฉบับนี้บังคับใช้แล้วผู้ว่าราชการจังหวัดจะสามารถประสานงานได้ทุกหน่วยงาน โดยเฉพาะกรณีมีแนวโน้มจะเกิดภาวะมลพิษทางอากาศกระทบต่อสุขภาพและสิ่งแวดล้อมประกาศเป็นเขตเฝ้าระวัง ส่วนเขตประสบมลพิษทางอากาศต้องเป็นพื้นที่มีแนวโน้มเป็นอันตรายต่อสิ่งมีชีวิตและกระทบประชาชนต่อเนื่อง โดยไม่มีแนวโน้มมลพิษทางอากาศลดลง หรือเกิดปัญหาซ้ำซากต่อเนื่องหลายฤดูกาล พร้อมทั้ง จะนำเทคโนโลยี เช่น ดาวเทียม โดรน เข้ามาใช้เพิ่มประสิทธิภาพและตรวจสอบการกระทำผิด ควบคู่กับนำมาตรการทางเศรษฐศาสตร์เข้ามาใช้ เช่น ภาษีอากรสำหรับอากาศสะอาด ค่าธรรมเนียมการจัดการมลพิษทางอากาศ การกำหนดและโอนสิทธิในการระบายมลพิษทางอากาศ การประกันความเสี่ยง

ขณะที่ นายปิ่นสักก์ สุรัสวดี อธิบดีกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง (ทช.) ในฐานะคณะทำงานร่างพระราชบัญญัติบริหารจัดการเพื่ออากาศสะอาด พ.ศ.... กล่าวว่า ขณะนี้เป้าการลดมลพิษของประเทศดำเนินการไปแล้วประมาณร้อยละ 30 - 40 และจำนวนวันการเกิดมลพิษต้องลดลง คาดว่า เมื่อกฎหมายฉบับนี้บังคับใช้แล้วจะช่วยลดมลพิษได้มากถึงร้อยละ 50 - 60


สำนักข่าว กรมประชาสัมพันธ์  24 ธันวาคม 2566

นายสุรสีห์ กิตติมณฑล เลขาธิการสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) กล่าวว่า ขณะนี้ภาคใต้ตอนล่างมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง โดยถึงวันที่ 26 ธันวาคมนี้หย่อมความกดอากาศต่ำปกคลุมบริเวณประเทศมาเลเซียและภาคใต้ตอนล่างของไทย ทำให้ภาคใต้ตอนล่างมีฝนตกหนักได้ เบื้องต้นพบพื้นที่เสี่ยงน้ำหลากและดินถล่ม 2 จังหวัด 7 อำเภอ คือ จ.ยะลา บริเวณ อ.บันนังสตา และธารโต และนราธิวาส บริเวณ อ.จะแนะ ศรีสาคร รือเสาะ ระแงะ สุคิริน โดยต้องระวังน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลากถึงวันที่ 26 ธันวาคมนี้ใน จ.นครศรีธรรมราช พัทลุง สงขลา ปัตตานี ยะลา และนราธิวาส พร้อมระวังอ่างเก็บน้ำขนาดกลางและขนาดเล็กที่มีปริมาณน้ำมากกว่าร้อยละ 80 ใน จ.พัทลุง สงขลา ยะลา นราธิวาส โดยเฉพาะเขื่อนบางลาง จ.ยะลา ให้พิจารณาบริหารจัดการน้ำให้เหมาะสมไม่ให้เกิดผลกระทบ หรือเกิดผลกระทบบริเวณท้ายเขื่อนน้อยที่สุด รวมทั้ง ระวังระดับน้ำเพิ่มขึ้นอย่างฉับพลันและระดับน้ำล้นตลิ่ง บริเวณแม่น้ำสายหลักและลำน้ำสาขาของคลองท่าแนะ แม่น้ำสายบุรี แม่น้ำปัตตานี แม่น้ำบางนรา แม่น้ำโก-ลก และคลองตันหยงมัส


  1. ก.ทรัพย์ฯ จัดงานวันคุ้มครองสัตว์ป่าแห่งชาติ ประจำปี 66 ภายใต้แนวคิด “Save wildlife for your life : รักษาธรรมชาติ ไม่ซื้อ ไม่ล่า ไม่ค้าสัตว์ป่าผิดกฎหมาย” เพื่อรณรงค์ให้หยุดการซื้อ-ขายสัตว์ป่าผิดกฎหมาย
  2. คณะกรรมการจัดการปัญหามลพิษฯ กำชับทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องคุมเข้มมาตรการควบคุมต้นตอแหล่งกำเนิดฝุ่น PM 2.5 ปี 67 อย่างเคร่งครัด โดยเฉพาะควบคุมการเผาในที่โล่งของจังหวัดในปริมณฑล
  3. ก.ทรัพย์ และ กทม. ร่วมกันหาแนวทางการแก้ปัญหาลิงแสมเพิ่มประชากรจำนวนมากจนสร้างความเดือนร้อนให้กับประชาชนในพื้นที่เขตบางขุนเทียนในระยะเร่งด่วนและระยะยาว
  4. ไทย สรุปผลการประชุม COP 28 และการประชุมอื่นที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้ประชาชนและหน่วยงานในไทยนำปรับตัวรับกับการเปลี่ยนแปลงในอนาคต
© 2024 Faculty of Environment and Resource Studies, Mahidol University . All Rights Reserved.