• +662 441 5000
  • This email address is being protected from spambots. You need JavaScript enabled to view it.

ข่าวสิ่งแวดล้อม

สำนักข่าว กรมประชาสัมพันธ์  16 สิงหาคม 2566

ที่ประชุมกองอำนวยการน้ำแห่งชาติ (กอนช.) เห็นชอบ (ร่าง) มาตรการรับมือฤดูฝนปี 2566 เพิ่มเติมตลอดช่วงฤดูฝนรองรับสถานการณ์เอลนีโญ 3 มาตรการ พร้อมรับมือการแปรปรวนของสภาพอากาศ หลังพบพื้นที่เสี่ยงท่วมและน้ำแล้งหลายพื้นที่

นายบุญสม ชลพิทักษ์วงศ์ รองเลขาธิการสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) ในฐานะเลขานุการกองอำนวยการน้ำแห่งชาติ (กอนช.) กล่าวว่า จากการประชุมกองอำนวยการน้ำแห่งชาติ (กอนช.) ครั้งที่ 2 ที่มี พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะผู้อำนวยการกองอำนวยการน้ำแห่งชาติ (กอนช.) เป็นประธาน ได้เห็นชอบ (ร่าง) มาตรการรับมือฤดูฝนปี 2566 เพิ่มเติมตลอดช่วงฤดูฝนเพื่อรองรับสถานการณ์เอลนีโญ เนื่องจากอิทธิพลของเอลนีโญที่เกิดขึ้นขณะนี้มีประชาชนกำลังประสบปัญหาอย่างมากจากปริมาณฝนที่ตกน้อยในหลายพื้นที่และแหล่งน้ำมีปริมาณน้ำจำกัด โดยเฉพาะน้ำอุปโภค-บริโภค โดยจะเสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อทราบและให้หน่วยงานนำไปปฏิบัติต่อไป เพื่อทำงานเชิงป้องกันผลกระทบที่จะเกิดขึ้นกับประชาชนจากความแปรปรวนของสภาพภูมิอากาศได้ทันต่อสถานการณ์ 3 มาตรการ คือ มาตรการที่ 1 จัดสรรน้ำให้เป็นไปตามลำดับความสำคัญที่คณะกรรมการลุ่มน้ำกำหนดให้ กรมชลประทาน กรมทรัพยากรน้ำ และการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) วางแผนการระบายน้ำ รองรับสถานการณ์เอลนีโญ // มาตรการที่ 2 ควบคุมการเพาะปลูกข้าวนาปีต่อเนื่อง โดยสร้างการรับรู้ให้กับเกษตรกรควบคุมไม่ให้เพาะปลูกข้าวนาปีต่อเนื่อง และสุดท้าย มาตรการที่ 3 เพิ่มประสิทธิภาพการใช้น้ำ แบ่งเป็น การใช้น้ำภาคการเกษตร ส่งเสริมการปรับเปลี่ยนการเพาะปลูกพืชเพื่อลดความเสี่ยงขาดแคลนน้ำและเพิ่มรายได้ในพื้นที่ , การประหยัดน้ำของหน่วยงานภาครัฐ เอกชน และประชาชน พร้อมรณรงค์ใช้น้ำอย่างประหยัดทุกภาคส่วน ส่งเสริมสนับสนุนให้โรงงานอุตสาหกรรมใช้ระบบ 3R เพื่อลดการใช้น้ำจากแหล่งน้ำต่างๆ และสุดท้าย ลดการสูญเสียน้ำในระบบประปาและระบบชลประทาน ด้วยการปรับรอบเวรการส่งน้ำให้สอดรับกับปริมาณความต้องการน้ำของพื้นที่จะดำเนินการตลอดช่วงฤดูฝนปีนี้

ทั้งนี้ รองนายกรัฐมนตรี ได้เน้นย้ำให้ทุกหน่วยงานร่วมกันวางแผนและเตรียมพร้อมในพื้นที่เสี่ยงประสบภัยน้ำท่วม หรือขาดแคลนน้ำจากปริมาณฝนที่ตกน้อย เพื่อบรรเทาความเดือนร้อนของประชาชนให้ได้มากที่สุด พร้อมสร้างความเข้าใจกับประชาชนในพื้นที่ให้รับทราบสถานการณ์ที่เกิดขึ้นเพื่อเป็นไปตามแผนการบริหารจัดการน้ำ2 ปี และให้มีปริมาณน้ำต้นทุนเหลือเพียงพอสำหรับใช้ในช่วงหน้าแล้งปี 2566/67 โดยให้น้ำเพื่อการอุปโภค-บริโภคเป็นอันดับแรก น้ำที่เหลือจะจัดสรรเพื่อการเกษตรได้ เนื่องจากปริมาณน้ำต้นทุนมีค่อนข้างจำกัดโดยคาดการณ์ปริมาณน้ำและปริมาณใช้การ ณ วันที่ 1 พฤศจิกายนนี้คาดการณ์น้ำในอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่ 35 แห่งทั้งประเทศรวมกันอยู่ที่ 49,688 ล้านลูกบาศก์เมตร และมีน้ำใช้การ 26,142 ล้านลูกบาศก์เมตรเท่านั้น


สำนักข่าว กรมประชาสัมพันธ์  15 สิงหาคม 2566

กองอำนวยการน้ำแห่งชาติ (กอนช.) กำชับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องบริหารจัดการน้ำให้เพียงพอใช้อุปโภค-บริโภค โดยเฉพาะพื้นที่ลุ่มน้ำเจ้าพระยา หลังพบปริมาณน้ำรวมใน 4 เขื่อนหลักอยู่ในเกณฑ์น้อยมาก

นายสุรสีห์ กิตติมณฑล เลขาธิการสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) ในฐานะรองผู้อำนวยการกองอำนวยการน้ำแห่งชาติ (กอนช.) กล่าวว่า กอนช. ได้กำชับให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องบริหารจัดการน้ำตาม 12 มาตรการรับมือฤดูฝนปีนี้ยังคงติดตามผลกระทบจากปรากฎการณ์เอลนีโญในปัจจุบันต่อเนื่อง เพราะส่งผลให้มีปริมาณฝนตกน้อยกว่าค่าปกติและทำให้ปริมาณน้ำในเขื่อนต่างๆลดลงกระทบต่อปริมาณน้ำภาพรวมของประเทศ โดยเฉพาะในพื้นที่ลุ่มเจ้าพระยา ในส่วนนี้กรมชลประทานได้บริหารจัดการน้ำในลุ่มน้ำเจ้าพระยาด้วยการกำหนดแผนจัดสรรน้ำจาก 4 เขื่อนหลัก คือ เขื่อนภูมิพล เขื่อนสิริกิติ์ เขื่อนแควน้อยบำรุงแดน และเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ ตั้งแต่วันที่ 1 พฤษภาคม ถึง 31 ตุลาคม รวม 5,500 ล้านลูกบาศก์เมตร พร้อมวางแผนการเพาะปลูกข้าวนาปี 8.05 ล้านไร่ ทั้งนี้ จากข้อมูล ณ วันที่ 4 สิงหาคม สถานการณ์น้ำใน 4 เขื่อนหลักลุ่มเจ้าพระยา มีปริมาณน้ำใช้การรวมกัน 2,974 ล้านลูกบาศก์เมตรอยู่ในเกณฑ์น้อยมาก หลังจัดสรรน้ำไปแล้วรวม 4,525 ล้านลูกบาศก์เมตร มีพื้นที่เพาะปลูกไปแล้วประมาณ 7.15 ล้านไร่ และเก็บเกี่ยวแล้ว 300,000 ไร่

เลขาธิการสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) ย้ำว่า จำเป็นต้องลดความเสี่ยงผลผลิตทางการเกษตรเสียหาย จึงต้องประชาสัมพันธ์ขอความร่วมมือเกษตรกรที่ทำการเพาะปลูกข้าวนาปีรอบแรกและเก็บเกี่ยวแล้วเสร็จให้งดเพาะปลูกข้าวนาปีต่อเนื่อง เนื่องจากปริมาณน้ำต้นทุนมีไม่เพียงพอ ซึ่งเป็นไปตามมาตรการรับมือฤดูฝนปี 2566 ที่กองอำนวยการน้ำแห่งชาติ (กอนช.) กำหนด เพื่อรองรับสถานการณ์น้ำได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด เพราะปัจจุบันปริมาณฝนสะสมมีปริมาณฝนต่ำกว่าค่าเฉลี่ย ประกอบกับ ปรากฏการณ์เอนโซที่อยู่ในสภาวะเอลนีโญกำลังอ่อนมีแนวโน้มจะทวีความรุนแรงขึ้น ส่งผลให้เมื่อสิ้นสุดฤดูฝนปีนี้ 4 เขื่อนหลักจะมีปริมาณน้ำใช้การได้รวมกันอยู่ในเกณฑ์น้อยมาก เพียงพอเฉพาะการอุปโภค-บริโภค และรักษาระบบนิเวศเท่านั้น


สำนักข่าว กรมประชาสัมพันธ์  14 สิงหาคม 2566

กรมทรัพยากรธรณี ขอให้อาสาสมัครเครือข่ายเฝ้าระวังดินถล่มและน้ำป่าไหลหลากถึงวันที่ 16 สิงหาคมนี้ในพื้นที่ 6 จังหวัด หลังเกิดฝนตกหนักต่อเนื่อง

ศูนย์ปฏิบัติการธรณีพิบัติภัย กรมทรัพยากรธรณี ได้ออกประกาศขอให้อาสาสมัครเครือข่ายกรมทรัพยากรธรณีและประชาชนทั่วไปเฝ้าระวังภัยดินถล่มและน้ำป่าไหลหลากถึงวันที่ 16 สิงหาคมนี้ ในพื้นที่จังหวัดจันทบุรี ตราด ระนอง พังงา ภูเก็ต และกระบี่ โดยเฉพาะในพื้นที่เสี่ยงภัยดินถล่มบริเวณอำเภอขลุง เขาคิชณกูฎ จังหวัดจันทบุรี // อำเภอเกาะช้าง จังหวัดตราด อำเภอเมือง กะเปอร์ สุขสำราญ ละอุ่น กระบุรี จังหวัดระนอง // อำเภอเมือง กะปง ตะกั่วป่า ท้ายเหมือง คุระบุรี จังหวัดพังงา // อำเภอเมือง ถลาง จังหวัดภูเก็ต และอำเภอเขาพนม จังหวัดกระบี่ เนื่องจากมีฝนตกหนักวัดปริมาณน้ำฝนในรอบ 24 ชั่วโมงได้มากกว่า 100 มิลลิเมตร อาจส่งผลให้เกิดแผ่นดินถล่มและน้ำป่าไหลหลากได้

ทั้งนี้ ขอให้อาสาสมัครเครือข่ายเฝ้าระวังแจ้งเตือนธรณีพิบัติภัยของกรมทรัพยากรธรณี เตรียมความพร้อมเฝ้าระวังภัยและวัดปริมาณน้ำฝนอย่างต่อเนื่อง หากเกิดเหตุให้แจ้งเตือนสถานการณ์ดินถล่มและน้ำป่าไหลหลากให้ประชาชนในหมู่บ้านได้รับทราบ และแจ้งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพร้อมปฏิบัติตามแผนเฝ้าระวังด้วย


สำนักข่าว กรมประชาสัมพันธ์  13 สิงหาคม 2566

กองอำนวยการน้ำแห่งชาติ (กอนช.) เร่งปรับแผนบริหารจัดการน้ำในพื้นที่อีอีซีรับมือผลกระทบปรากฏการณ์เอลนีโญ ด้วยการใช้โครงข่ายน้ำภาคตะวันออกสูบผันน้ำเพิ่มปริมาณน้ำต้นทุน เพื่อลดความเสี่ยงขาดแคลนน้ำ

นายสุรสีห์ กิตติมณฑล เลขาธิการสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) ในฐานะรองผู้อำนวยกองอำนวยการน้ำแห่งชาติ (กอนช.) กล่าวถึงการบริหารจัดการน้ำในพื้นที่เขตเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก หรือ อีอีซี ที่ครอบคลุม 3 จังหวัด คือ จ.ชลบุรี จ.ระยอง และ จ.ฉะเชิงเทรา พื้นที่สำคัญขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศอาจได้รับผลกระทบจากปรากฏการณ์เอลนีโญว่า กอนช.ได้วางแผนรับมือเพื่อลดผลกระทบที่อาจจะเกิดขึ้นจากภาวะขาดแคลนน้ำในหน้าแล้งปี 2566/67 // ช่วงต้นฤดูฝนปี 2567 และสร้างความมั่นคงเรื่องน้ำในพื้นที่ดังกล่าวอย่างยั่งยืน ส่วนแผนรับมือภาวะขาดแคลนน้ำจะใช้โครงข่ายน้ำภาคตะวันออกที่มีอยู่ร่วมกับมาตรการอื่นๆ เช่น กรมชลประทานและบริษัทจัดการและพัฒนาทรัพยากรน้ำภาคตะวันออก จำกัด (มหาชน) หรือ อีสท์วอเตอร์ จะสูบผันน้ำจากคลองพระองค์ไชยานุชิตจากแม่น้ำบางปะกงมาเก็บไว้ที่อ่างเก็บน้ำบางพระ จ.ชลบุรี ตั้งเป้าสูบผันน้ำรวมประมาณ 80 ล้านลูกบาศก์เมตรต่อปี เบื้องต้นสูบผันน้ำได้แล้วรวม 10.2 ล้านลูกบาศก์เมตรขณะเดียวกันกรมชลประทานจะสูบผันน้ำจากคลองสะพานมาเก็บไว้ที่อ่างเก็บน้ำประแสร์ จ.ระยอง จากนั้นจะใช้อ่างเก็บน้ำประแสร์เป็นศูนย์กลางส่งน้ำไปยังอ่างเก็บน้ำคลองใหญ่และอ่างเก็บน้ำหนองปลาไหล เพื่อกระจายน้ำให้กับพื้นที่อีอีซี โดยวางแผนจะสูบผันน้ำจากคลองสะพานรวม 50 ล้านลูกบาศก์เมตร เบื้องต้นสูบผันน้ำเติมอ่างเก็บน้ำประแสร์ได้แล้ว 2.65 ล้านลูกบาศก์เมตร

ทั้งนี้ กอนช.ได้กำชับให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพิ่มการบริหารจัดการความเสี่ยง ด้วยการให้กรมชลประทานวางแผนผันน้ำส่วนเกินจากลุ่มน้ำคลองวังโตนด จ.จันทบุรี มายังอ่างเก็บน้ำประแสร์อีกทางด้วย ซึ่งระบบท่อผันน้ำที่มีอยู่มีศักยภาพผันน้ำได้ประมาณปีละ 70 ล้านลูกบาศก์เมตร สามารถลดความเสี่ยงที่อ่างเก็บน้ำประแสร์และลดการขาดแคลนน้ำต้นทุนได้อย่างมีประสิทธิภาพ พร้อมวางแผนใช้น้ำจากแหล่งอื่นเข้ามาเสริม เช่น การขอซื้อน้ำจากแหล่งน้ำของภาคเอกชน รวมถึง ให้ชะลอการขุดลอกอ่างเก็บน้ำพื้นที่โครงข่ายน้ำภาคตะวันออก เช่น อ่างเก็บน้ำหนองค้อ อ่างเก็บน้ำบ้านบึง เพื่อลดปัญหาความขุ่นของน้ำให้ปริมาณน้ำที่มีอยู่ใช้การได้ และลดภาระการใช้น้ำจากอ่างเก็บน้ำบางพระที่มีจำนวนค่อนข้างน้อยอยู่แล้วมาทดแทน


สำนักข่าว กรมประชาสัมพันธ์  12 สิงหาคม 2566

นางสาวรัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า จากสถานการณ์ฝนตกหนักสะสมในลุ่มน้ำโขงตอนล่าง และบริเวณแขวงบอลิคําไซ สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว (สปป.ลาว) ทําให้ระดับน้ำแม่น้ำโขงเพิ่มสูงขึ้นต่อเนื่อง ประกอบกับอิทธิพลของหย่อมความกดอากาศต่ำปกคลุมบริเวณประเทศเวียดนามตอนบนและประเทศจีนตอนใต้ ทําให้ประเทศไทยบริเวณภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบนมีฝนตกหนักถึงหนักมาก ส่งผลให้ระดับน้ำในพื้นที่แม่น้ำโขงตอนล่าง มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ในช่วงวันที่ 10 – 15 สิงหาคมนี้

หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เตรียมพร้อมและเฝ้าระวัง อีกทั้งได้แจ้งเตือนประชาชน 8 จังหวัดริมน้ำโขงตามข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรี สํานักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) รายงานว่าได้ประสานประเทศสมาชิกน้ำโขงและจีน ผ่านสํานักงานเลขาธิการคณะกรรมาธิการแม่น้ำโขง ขอความร่วมมือช่วยบริหารน้ำเพื่อควบคุมระดับแม่น้ำโขง เพื่อลดความเสี่ยงอุทกภัย จากฝนตกหนักใน สปป.ลาว

รองโฆษกประจำสำนักนสยกรัฐมนตรี กล่าวอีกว่า สำหรับช่วงวันนี้(12 ส.ค.) - 18 สิงหาคมนี้ กองอำนวยการน้ำแห่งชาติ คาดการณ์ผลกระทบจากมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่มีกําลังแรงขึ้น จะมีพื้นที่เสี่ยงน้ำท่วม ฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก ดินโคลนถล่ม และพื้นที่ชุมชนเมืองที่เคยเกิดน้ำท่วมขังไม่สามารถระบายได้ทัน ทั้งในพื้นที่ภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคตะวันออก และภาคใต้ นายกรัฐมนตรี ติดตามสถานการณ์น้ำทั้งเรื่องการป้องกันความเสียหาย การอพยพ การเข้าช่วยเหลือ ฟื้นฟู ส่วนเรื่องการเยียวยาความเสียหายต่อพืชผลการเกษตร หน่วยงานที่รับผิดชอบจะเข้าไปสำรวจทันทีเมื่อสามารถดำเนินการได้


สำนักข่าว กรมประชาสัมพันธ์  11 สิงหาคม 2566

วันที่ 10 สิงหาคม 2566 การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) เปิดตัวรถมินิบัสไฟฟ้า “ชาร์จไฟใส่ EV ชาร์จอากาศดีๆ ให้โลกเรา” โดยมี นายศิริวัฒน์ บุปผาเจริญ รองผู้ว่าราชการจังหวัดลำปาง เป็นประธานพร้อมด้วย นายบุญญนิตย์ วงศ์รักมิตร ผู้ว่าการ กฟผ. คณะผู้บริหาร กฟผ. หัวหน้าส่วนราชการจังหวัดลำปางและอำเภอแม่เมาะ สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล (DEPA) มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ และผู้นำชุมชน อ.แม่เมาะ ร่วมงาน ณ กฟผ.แม่เมาะ อ.แม่เมาะ จ.ลำปาง

นายศิริวัฒน์ บุปผาเจริญ รองผู้ว่าราชการจังหวัดลำปาง กล่าวว่า จังหวัดลำปางได้ร่วมมือกับ กฟผ.แม่เมาะ หน่วยงานภาครัฐและเอกชน ชุมชนแม่เมาะ พัฒนาอำเภอแม่เมาะให้เป็นเมืองน่าอยู่ (Mae Moh Smart City) โดยขับเคลื่อนการพัฒนาพื้นที่แม่เมาะ เพื่อมุ่งสู่เมืองเศรษฐกิจคาร์บอนต่ำของจังหวัดลำปาง สอดรับกับนโยบาย Carbon Neutrality ซึ่งประเทศไทยมีเป้าหมายที่จะบรรลุ Net Zero ให้ได้ในปี ค.ศ. 2050 ซึ่งงานเปิดตัวรถมินิบัสไฟฟ้าในวันนี้ แสดงให้เห็นถึงอีกหนึ่งการดําเนินงานของ กฟผ. ที่ช่วยส่งเสริมนโยบายดังกล่าวให้ลุล่วง ด้วยการเปลี่ยนจากการใช้รถสันดาปเป็นรถที่ใช้พลังงานไฟฟ้าในการขับเคลื่อน ช่วยลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ และเกิดความคล่องตัวในการจราจรบนท้องถนนจังหวัดลําปางอีกด้วย

นายบุญญนิตย์ วงศ์รักมิตร ผู้ว่าการ กฟผ. เปิดเผยว่า กฟผ. มีนโยบายในการสนับสนุนการนำรถมินิบัสไฟฟ้ามาใช้ในพื้นที่ของ กฟผ. เริ่มที่ กฟผ. สำนักงานใหญ่ ศูนย์การเรียนรู้ และที่ กฟผ. แม่เมาะ แห่งนี้มีจำนวนมากที่สุดถึง 28 คัน ดำเนินการโดย บริษัท อินโนพาวเวอร์ จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทในเครือของ กฟผ. ช่วยส่งเสริมนโยบายความเป็นกลางทางคาร์บอนของประเทศ และสนับสนุนแนวทางการพัฒนาพื้นที่อำเภอแม่เมาะ และจังหวัดลำปาง สู่การเป็นเมืองเศรษฐกิจคาร์บอนต่ำให้แม่เมาะและจังหวัดลำปางเป็นเมืองน่าอยู่สำหรับทุกคน โดยมาใช้รถบัสไฟฟ้าแทนรถบัสดีเซลแบบเดิม ซึ่งจะช่วยลดปัญหามลภาวะและฝุ่นละอองขนาดเล็กที่เกิดจากไอเสียของยานยนต์ และช่วยเพิ่มความคล่องตัวบนท้องถนนด้วยรถที่ขนาดเล็กลง สำหรับค่าเชื้อเพลิงเมื่อเทียบกับการใช้น้ำมันแล้ว รถมินิบัสไฟฟ้าจะใช้พลังงานเฉลี่ย 0.6 กิโลวัตต์ชั่วโมงต่อ 1 กิโลเมตร หรือคิดเป็นค่าไฟประมาณ 2.90 บาทต่อกิโลเมตร ในขณะที่รถน้ำมันจะมีค่าใช้จ่ายเชื้อเพลิงประมาณ 8 บาทต่อกิโลเมตร นอกจากนี้ ที่ผ่านมา กฟผ. ยังมีการรณรงค์ใช้รถไฟฟ้าในองค์กร เช่น มีการปรับรถประจำตำแหน่งผู้บริหารเป็นรถยนต์ไฟฟ้าทั้งหมด และในอนาคตจะมีการปรับเปลี่ยนรถสำหรับใช้ในหน่วยงานต่างๆ เป็นรถยนต์ไฟฟ้าเพิ่มมากขึ้นอีกด้วย

ทั้งนี้ กฟผ. มุ่งมั่นสนับสนุนและขับเคลื่อนโครงสร้างพื้นฐานรองรับการใช้รถยนต์ไฟฟ้า (EV Ecosystem) ในระดับประเทศ ผ่านการดำเนินงานและการร่วมเป็นพันธมิตรกับองค์กรเครือข่ายต่างๆ อาทิ การติดตั้งสถานีชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า EleX by EGAT ทั่วประเทศไทย ภายในสิ้นปี 2566 ตั้งเป้าหมายขยายสถานี และสถานีพันธมิตรในเครือข่าย จำนวนรวม 180 สถานี การพัฒนาแอปพลิเคชัน EleXa สำหรับผู้ใช้ยานยนต์ไฟฟ้า และพัฒนาระบบบริหารจัดการสถานีอัดประจุไฟฟ้า BackEN EV สำหรับองค์กร และภาคธุรกิจ ตลอดจนร่วมขับเคลื่อนและรณรงค์การใช้งานในแคมเปญระดับประเทศ เพื่อให้ประเทศพร้อมสูงสุดในการเปลี่ยนผ่านสู่การใช้ยานยนต์ไฟฟ้า สร้างระบบการเดินทางที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ปูทางสู่เป้าหมายร่วมตามนโยบายความเป็นกลางทางคาร์บอน (Carbon Neutrality) ในอนาคตอันใกล้


สำนักข่าว กรมประชาสัมพันธ์  10 สิงหาคม 2566

กองอำนวยการน้ำแห่งชาติ (กอนช.) กำชับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเฝ้าระวังเสี่ยงน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก และดินโคลนถล่มในพื้นที่ 16 จังหวัด ช่วงวันที่ 12 - 18 สิงหาคม

นายสุรสีห์ กิตติมณฑล เลขาธิการสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) ในฐานะรองผู้อำนวยการกองอำนวยการน้ำแห่งชาติ (กอนช.) กล่าวว่า ประเทศไทยมีฝนลดลง แต่ยังคงมีฝนตกหนักบางแห่งบริเวณภาคเหนือ และภาคใต้ฝั่งตะวันตก ช่วง 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา มีฝนตกหนักถึงหนักมากบริเวณ จ.นราธิวาส แพร่ สกลนคร กรุงเทพมหานคร ตราด และกาญจนบุรี โดยต้องเฝ้าระวังเสี่ยงน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก ดินโคลนถล่ม และพื้นที่ชุมชนเมืองที่เคยเกิดน้ำท่วมขังไม่สามารถระบายได้ทันช่วงวันที่ 12 - 18 สิงหาคมในพื้นที่ 16 จังหวัด คือ เชียงราย เชียงใหม่ ตาก น่าน หนองคาย บึงกาฬ นครพนม สกลนคร ระยอง จันทบุรี ตราด ระนอง พังงา ภูเก็ต สตูล และตรัง ทำให้มีพื้นที่เสี่ยงอุทกภัย 7 จังหวัด คือ เชียงใหม่ ตาก น่าน จันทบุรี ตราด พังงา และระนอง ช่วงวันที่ 11 – 13 สิงหาคม ทั้งนี้ กอนช. เฝ้าติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด จะมีการประกาศแจ้งเตือนในทันที และกำชับให้หน่วยงานเตรียมพร้อมเครื่องจักร-เครื่องมือเข้าให้ความช่วยเหลือประชาชนตามแผน 12 มาตรการรับมือฤดูฝนอย่างเคร่งครัด


สำนักข่าว กรมประชาสัมพันธ์  9 สิงหาคม 2566

กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และบริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด (มหาชน) หรือ GC ร่วมกันพัฒนาพื้นทางเดินอัพไซเคิลช่วยลดพลาสติกใช้แล้วกว่า 4,500 กิโลกรัม พร้อมต่อยอดสู่การเป็นต้นแบบพื้นที่สีเขียวในเขตเมือง และส่งเสริมการรักษาสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน

นายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กล่าวว่า กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และบริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด (มหาชน) หรือ GC ได้ร่วมกันจัดทำโครงการพัฒนาพื้นทางเดินอัพไซเคิล ภายในกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ซึ่งเป็นพัฒนาพื้นที่สาธารณะประโยชน์ในชุมชนที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ถือเป็นต้นแบบความร่วมมือระหว่างภาครัฐและภาคเอกชนในการใช้ทรัพยากรหมุนเวียนและสร้างประโยชน์ต่อชุมชน ควบคู่กับรักษาความสมบูรณ์ทางธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม พร้อมพัฒนาการก่อสร้างถนนทางเดินอัพไซเคิลและท่าน้ำอัพไซเคิลจากพลาสติกใช้แล้ว บริเวณพื้นที่รอบสระน้ำของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม รวมระยะทาง 320 เมตร สามารถลดปริมาณขยะพลาสติกไปสู่หลุมฝังกลบมากกว่า 4,500 กิโลกรัม และช่วยลดก๊าซเรือนกระจกได้กว่า 4,700 กิโลกรัมคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า หรือเท่ากับการปลูกต้นไม้ได้มากกว่า 495 ต้น สิ่งสำคัญโครงการนี้ที่ได้รับฟังความคิดเห็น การออกแบบ และการเลือกใช้วัสดุร่วมกับชุมชนในพื้นที่แล้วที่คำนึงถึงระบบนิเวศและการใช้งานอย่างสมดุล โดยยังคงรักษาความเป็นธรรมชาติที่หลากหลาย และสามารถพัฒนาให้เป็นพื้นที่สาธารณะประโยชน์ในชุมชนที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมต่อยอดสู่การเป็นต้นแบบของการพัฒนาพื้นที่สีเขียวในเขตเมือง

สำหรับโครงการพัฒนาพื้นทางเดินอัพไซเคิลจะส่งเสริมให้สังคมเห็นถึงประโยชน์ของการหมุนเวียนทรัพยากร ผ่านการมีส่วนร่วมในการคัดแยกขยะอย่างถูกวิธี หมุนเวียนกลับมาสร้างคุณค่า และสร้างประโยชน์ให้ “พลาสติก เทิร์นเมือง” เป็นผลิตภัณฑ์รีไซเคิลส่งต่อสู่การอัพไซเคิล ถือเป็นการหมุนเวียนใช้ทรัพยากรแบบ Closed loop ตามหลักเศรษฐกิจหมุนเวียน ต่อยอดสู่การพัฒนาสิ่งแวดล้อมได้อย่างยั่งยืน


  1. กอนช. เฝ้าระวังผลกระทบจากระดับน้ำเปลี่ยนแปลงในแม่น้ำโขงมีแนวโน้มสูงขึ้นต่อเนื่องในพื้นที่ 8 จังหวัดริมแม่น้ำโขง ช่วง 10 – 15 ส.ค.นี้
  2. กรมทรัพยากรธรณี ขอให้อาสาสมัครเครือข่ายเฝ้าระวังดินถล่มและน้ำป่าไหลหลากช่วง 2 - 3 วันนี้ในพื้นที่ 4 จังหวัด หลังเกิดฝนตกหนักต่อเนื่อง
  3. กอนช. เฝ้าระวังน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลากช่วง 1 - 3 วันนี้ในพื้นที่ 8 จังหวัด พร้อมเร่งซักซ้อมแผนเผชิญเหตุให้ประชาชนในภาคกลางรับมืออุทกภัย
  4. กรมทรัพยากรธรณี ขอให้อาสาสมัครเครือข่ายเฝ้าระวังดินถล่มและน้ำป่าไหลหลากช่วง 1 - 2 วันนี้ในพื้นที่ 6 จังหวัด หลังเกิดฝนตกหนักต่อเนื่อง
© 2024 Faculty of Environment and Resource Studies, Mahidol University . All Rights Reserved.