สำนักข่าว กรมประชาสัมพันธ์ 24 พฤศจิกายน 2566
กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง (ทช.) เชิญชวนประชาชนลอยกระทงที่ใช้วัสดุจากธรรมชาติ เพื่อลดปริมาณขยะกระทงจากแหล่งน้ำเปิดเล็ดลอยออกสู่ทะเล พร้อมขออย่าลอยกระทงในทะเลเด็ดขาด เพราะกระทบต่อสัตว์ทะเลหายากและระบบนิเวศทางทะเล
นางสุมนา ขจรวัฒนากุล ผู้อำนวยการสถาบันวิจัยและพัฒนาทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง กล่าวว่า กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง (ทช.) ขอเชิญชวนให้ประชาชนทุกคนใช้กระทงจากวัสดุธรรมชาติที่ย่อยสลายได้ง่ายและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม เช่น ใบตอง กาบกล้วย โดยไม่ตกแต่งกระทงด้วยวัสดุที่อาจเป็นอันตรายต่อสัตว์น้ำหรือสัตว์ทะเล เช่น ลวดเย็บกระดาษ ตะปู กากเพชร โดยให้หันมาร่วมกันลอยกระทง 1 ครอบครัว 1 กระทง , ไปกับเพื่อนเป็นกลุ่มลอยร่วมกันได้ หรือจะลอยกระทงแบบออนไลน์ เพื่อช่วยลดปริมาณขยะกระทงได้อย่างดี ควบคู่กับประชาสัมพันธ์ไปยังพ่อค้าแม่ค้าที่ทำกระทงจำหน่าย ขอให้งดใช้โฟม แล้วหันมาทำกระทงที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม พร้อมปฏิบัติตามแนวทางอย่างถูกวิธีเพื่อลดภาระการจัดการขยะกระทงให้เจ้าหน้าที่ ในส่วนของ ทช. ดูแลในพื้นที่ 24 จังหวัดชายฝั่งทะเลยังมีเจ้าหน้าที่ไม่เพียงพอดูแลและจัดเก็บขยะที่เพิ่มมากขึ้น จึงจำเป็นต้องขอความร่วมมือทุกภาคส่วนและประชาชนช่วยกันสอดส่องจัดเก็บขยะที่ตกค้างอยู่ตามลำคลอง หน้าบ้าน ชายฝั่ง หรือในทะเล ที่สำคัญอย่าลอยกระทงในทะเลเด็ดขาด หากขยะเหล่านี้ไหลลงสู่ทะเลแล้วอาจสร้างผลกระทบต่อสัตว์ทะเลหายาก เมื่อกินขยะเหล่านี้เข้าไปอาจทำให้เกยตื้นตายได้ ทั้งนี้ สถิติจากการจัดเก็บขยะของ ทช. ช่วงเดือนพฤศจิกายน 2565 พบจัดเก็บขยะที่ตกค้างได้ 101,703 ชิ้น น้ำหนักรวม 1,8952 กิโลกรัม ซึ่งเป็นขยะที่เกิดจากการลอยกระทงในแหล่งน้ำเปิด ทำให้ขยะกระทงจำนวนมากไหลลงสู่ท้องทะเลและสร้างความเสียหายต่อทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง
ทั้งนี้ ในแต่ละปีพบหลังวันลอยกระทงจะพบขยะกระทงตกค้างตามแหล่งน้ำสาธารณะต่างๆเป็นจำนวนมาก จากการสำรวจสถิติของสำนักสิ่งแวดล้อม กรุงเทพมหานคร ที่เก็บกระทงในแม่น้ำเจ้าพระยาเมื่อปี 2565 พบจำนวนขยะที่เกิดจากกระทง 572,602 ใบ หากขยะเหล่านี้ไหลลงสู่ทะเลอาจส่งผลกระทบที่รุนแรงต่อระบบนิเวศทางทะเล แล้วกลายเป็นขยะสะสมลอยอยู่ในทะเลหรือจมดิ่งลงสู่ใต้มหาสมุทรที่ยากต่อการจัดการและเกิดเป็นขยะตกค้างนำไปสู่ปัญหาขยะทะเลที่ส่งผลต่อสิ่งมีชีวิตในทะเล ทั้งสัตว์น้ำ ระบบนิเวศ ปะการัง และหญ้าทะเล