• +662 441 5000
  • This email address is being protected from spambots. You need JavaScript enabled to view it.

ข่าวสิ่งแวดล้อม

สำนักข่าว กรมประชาสัมพันธ์   16 เมษายน 2565

รัฐบาล เดินหน้าโครงการขนาดใหญ่และโครงการสำคัญ 43 โครงการ ช่วยเพิ่มแหล่งเก็บกักน้ำได้กว่า 600 ล้านลูกบาศก์เมตร โดยช่วยลดความเสียหายจากภัยแล้งและน้ำท่วมลงได้มากจากแผนการบริหารจัดการน้ำอย่างเป็นระบบ

นายสุรสีห์ กิตติมณฑล เลขาธิการสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) กล่าวว่า รัฐบาล ได้เร่งรัดขับเคลื่อนโครงการขนาดใหญ่และโครงการสำคัญรวม 43 โครงการ เพื่อเพิ่มแหล่งเก็บกักน้ำได้อีก 646 ล้านลูกบาศก์เมตร มีพื้นที่ได้รับประโยชน์ 1.56 ล้านไร่ ประชาชนมีน้ำใช้ในกิจกรรมต่างๆกว่า 262,000 ครัวเรือน และบำบัดน้ำเสียได้ 1.36 ล้านลูกบาศก์เมตรต่อวัน เช่น โครงการอ่างเก็บน้ำลำสะพุงอันเนื่องมาจากพระราชดำริ จ.ชัยภูมิ // โครงการปรับปรุงคลองยม-น่าน // โครงการประตูระบายน้ำพุง-น้ำก่ำอันเนื่องมาจากพระราชดำริ จ.สกลนคร // โครงการพัฒนาลุ่มน้ำห้วยหลวงตอนล่าง // โครงการขยายเขต กปภ.บ้านฉาง รองรับ EEC // โครงการบรรเทาอุทกภัยเมืองนครศรีธรรมราชอันเนื่องมาจากพระราชดำริ แผนหลักการพัฒนาฟื้นฟูคลองแสนแสบ โดยทำควบคู่กับการปรับโครงสร้างการบริหารจัดการน้ำอย่างเป็นรูปธรรม ยกระดับการมีส่วนร่วม สร้างความเข้มแข็งขององค์กรด้านน้ำตั้งแต่ระดับพื้นที่ผ่านองค์กรผู้ใช้น้ำ อนุกรรมการทรัพยากรน้ำจังหวัด คณะกรรมการลุ่มน้ำจนถึงระดับนโยบาย คณะกรรมการทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (กนช.) พร้อมทั้ง ยังได้พัฒนากลไกการกำกับดูแลและจัดการน้ำทั้งในภาวะปกติและภาวะวิกฤติ และพัฒนาเครื่องมือการบริหารจัดการน้ำ คือ ผังน้ำ คลังข้อมูลน้ำในรูปแบบ One Map ผ่านเว็บไซต์ และ application National Thai Water

เลขาธิการสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) กล่าวย้ำว่า การดำเนินงานดังกล่าวทำให้สถิติความเสียหายจากอุทกภัยลดลงอย่างชัดเจน อย่างปี 2562 ที่เกิดภัยแล้งรุนแรงมาก แต่การบริหารจัดการน้ำในเชิงป้องกัน วิเคราะห์พื้นที่เสี่ยง และหาแหล่งน้ำสำรอง ส่งผลให้มีหมู่บ้านประกาศภัยแล้งปี 2562 เพียง 30 จังหวัด 891 ตำบล ใน 7,662 หมู่บ้านเท่านั้น ซึ่งน้อยกว่าการบริหารจัดการน้ำในหลายปีที่ผ่านมา โดยปี 2564/65 ยังไม่มีการประกาศภัยแล้ง ส่วนปัญหาอุทกภัยได้แจ้งเตือนล่วงหน้าและบริหารจัดการน้ำร่วมกันทำให้ความเสียหายน้อยลง แล้วยังป้องกันพื้นที่เศรษฐกิจได้อย่างมีประสิทธิภาพด้วย


สำนักข่าว กรมประชาสัมพันธ์  15 เมษายน 2565

นายเสกสม อัครพันธุ์ รองอธิบดีกรมการขนส่งทางบกและโฆษกกรมการขนส่งทางบก เปิดเผยว่า ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ได้ออกประกาศกำหนดมาตรฐานค่าควันดำของรถยนต์ที่ใช้เครื่องยนต์แบบจุดระเบิดด้วยการอัด ปรับปรุงการกำหนดมาตรฐานค่าควันดำของรถยนต์ให้มีความเข้มงวดมากขึ้น เพื่อลดการปล่อยควันดำให้น้อยลง ซึ่งจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการควบคุมมลพิษ แก้ไขปัญหาฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM 2.5 จากแหล่งกำเนิดมลพิษประเภทรถยนต์และเป็นไปตามมาตรฐานสากล มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 13 เมษายน 2565 เป็นมา

กรมการขนส่งทางบก ดำเนินการปรับปรุงมาตรฐานการตรวจวัดค่าควันดำจากท่อไอเสียของรถตามกฎหมายว่าด้วยการขนส่งทางบกและกฎหมายว่าด้วยรถยนต์ ให้สอดคล้องตามเกณฑ์มาตรฐานค่าควันดำและวิธีการตรวจวัดที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมกำหนด โดยมีสาระสำคัญ กรณีการตรวจวัดควันดำด้วยเครื่องวัดควันดำระบบวัดความทึบแสง ขณะเครื่องยนต์ไม่มีภาระ ค่าควันดำสูงสุดไม่เกินร้อยละ 30 จากเดิม ร้อยละ 45 และหากตรวจวัดควันดำด้วยเครื่องวัดควันดำระบบกระดาษกรอง ขณะเครื่องยนต์ไม่มีภาระ ค่าควันดำสูงสุดไม่เกินร้อยละ 40 จากเดิม ร้อยละ 50 ซึ่งเกณฑ์การตรวจควันดำใหม่ เริ่มมีผลบังคับใช้กับการตรวจวัดควันดำรถที่มาดำเนินการตรวจสภาพรถก่อนจดทะเบียน หรือตรวจสภาพรถก่อนชำระภาษีประจำปีที่สำนักงานขนส่งและสถานตรวจสภาพรถ (ตรอ.) ทุกแห่งแล้ว ดังนั้นตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป หากตรวจวัดควันดำด้วยระบบวัดความทึบแสง แล้วมีค่าควันดำเกินร้อยละ 30 หรือตรวจวัดควันดำด้วยระบบกระดาษกรอง แล้วมีค่าควันดำ เกินร้อยละ 40 จะถูกเปรียบเทียบปรับสูงสุด 5,000 บาท และสั่งห้ามใช้รถด้วยการพ่นข้อความ “ห้ามใช้” จนกว่าเจ้าของรถจะนำรถไปแก้ไขสภาพเครื่องยนต์ไม่ให้มีค่าควันดำเกินกำหนดและนำมาตรวจสภาพอีกครั้งจนผ่านการตรวจวัดจึงจะนำไปใช้งานได้

รองอธิบดีกรมการขนส่งทางบก กล่าวเพิ่มเติมว่า การปรับปรุงมาตรฐานการตรวจวัดค่าควันดำดังกล่าวนอกจากมีผลบังคับใช้กับสำนักงานขนส่งและสถานตรวจสภาพรถแล้ว ยังนำไปใช้กับการตรวจควันดำบนถนนสายหลักและสายรองทั่วประเทศ ซึ่งเป็นการดำเนินการตามมาตรการเพื่อแก้ไขปัญหาฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM 2.5 โดยกรมการขนส่งทางบกได้ดำเนินการมาอย่างเข้มข้นต่อเนื่อง จัดผู้ตรวจการออกตรวจวัดควันดำจากท่อไอเสียของรถบรรทุกและรถโดยสาร ในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑลและเพิ่มความถี่ในการปฏิบัติงานออกตรวจวัดควันดำทั่วประเทศ โดยเฉพาะบนถนนสายหลักและสายรองที่เข้า-ออกกรุงเทพมหานคร ดังนั้น ผู้ประกอบการขนส่งและเจ้าของรถ ควรให้ความสำคัญกับการบำรุงรักษาเครื่องยนต์ให้อยู่ในสภาพที่สมบูรณ์อยู่เสมอ รวมถึงการปรับพฤติกรรมการขับขี่ที่อาจก่อให้เกิดการเผาไหม้ที่ไม่สมบูรณ์ของเครื่องยนต์ เพื่อร่วมกันแก้ไขปัญหาฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM 2.5 ที่เกิดจากยานพาหนะ


สำนักข่าว กรมประชาสัมพันธ์  14 เมษายน 2565

กองอำนวยการน้ำแห่งชาติ (กอนช.) ขอให้ประชาชนภาคเหนือ ภาคกลาง และภาคใต้ระวังเกิดฝนตกบางพื้นที่ พร้อมระวังความแปรปรวนของสภาพอากาศช่วงวันที่ 14 - 17 เมษายนนี้จนเกิดฝนตก

กองอำนวยการน้ำแห่งชาติ (กอนช.) ได้รายงานสถานการณ์น้ำภาพรวมของประเทศวันนี้ (14 เม.ย.65) ว่า ประเทศไทยตอนบนมีอากาศร้อนหลายพื้นที่กับมีฟ้าหลัวในตอนกลางวัน , ภาคเหนือและภาคกลางบางแห่งมีอากาศร้อนจัดและมีฝนฟ้าคะนองเกิดขึ้นได้บางพื้นที่ ส่วนภาคใต้มีฟ้าคะนองบางแห่ง ช่วง 24 ชั่วโมงที่ผ่านมามีฝนตกหนักบริเวณ จ.นครศรีธรรมราช 79 มิลลิเมตร , สงขลา 64 มิลลิเมตร และยะลา 62 มิลลิเมตร ขณะที่ภาพรวมปริมาณน้ำใช้การแหล่งน้ำทั่วประเทศทุกขนาด 25,096 ล้านลูกบาศก์เมตร หรือร้อยละ 43 จุดเฝ้าระวังน้ำน้อยในแหล่งน้ำขนาดใหญ่ 3 แห่ง คือ เขื่อนแม่งัดสมบูรณ์ชล เขื่อนภูมิพล และเขื่อนสิริกิติ์ ส่วนคุณภาพน้ำเพื่อการอุปโภค-บริโภคและการเกษตร ณ จุดเฝ้าระวัง ในแม่น้ำสายหลัก แม่น้ำเจ้าพระยา บางปะกง แม่กลองอยู่ในเกณฑ์ปกติ ยกเว้นแม่น้ำท่าจีนมีปริมาณออกซิเจนต่ำกว่าเกณฑ์มาตรฐาน

กองอำนวยการน้ำแห่งชาติ (กอนช.) ยังได้ติดตามสภาพอากาศและเฝ้าระวังสถานการณน้ำช่วงวันที่ 14 - 17 เมษายนนี้ เนื่องจากลมตะวันตกนำความชื้นเข้าสู่ประเทศไทยตอนบน ประกอบกับ ความกดอากาศสูงจะแผ่ลงมาปกคลุมภาคเหนือตอนบนช่วงวันที่ 15 เมษายน ส่งผลให้ประเทศไทยตอนบนและภาคใต้มีฝนฟ้าคะนองและลมกระโชกแรงเกิดขึ้นได้บางแห่ง


สำนักข่าว กรมประชาสัมพันธ์  13 เมษายน 2565

ประเทศไทย มุ่งมั่นแก้ปัญหาหมอกควันข้ามแดนในอนุภูมิภาคแม่โขง และผลักดันให้ประเทศสมาชิกอาเซียนลดจำนวนจุดความร้อนในภูมิภาคปีนี้ลงอย่างน้อยร้อยละ 20

นายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กล่าวว่าปัญหาหมอกควันในพื้นที่ภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือที่เกิดขึ้นช่วงนี้ ส่วนหนึ่งมาจากหมอกควันข้ามแดนของประเทศเพื่อนบ้าน เบื้องต้นประเทศไทยหนึ่งในคณะกรรมการภายใต้รัฐมนตรีประเทศภาคีต่อข้อตกลงอาเซียนว่าด้วยมลพิษจากหมอกควันข้ามแดน ได้แจ้งสำนักเลขาธิการอาเซียนให้ประเทศในอนุภูมิภาคแม่โขงยกระดับการดำเนินการแก้ปัญหาหมอกควันข้ามแดนอย่างเร่งด่วน พร้อมขอความร่วมมือกระทรวงการต่างประเทศแก้ปัญหาหมอกควันข้ามแดนอีกทางหนึ่ง คาดว่า การยกระดับความร่วมมือครั้งนี้จะสามารถแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นได้โดยเร็ว สำหรับภาพรวมจุดความร้อน (Hotspot) ในอนุภูมิภาคแม่โขงปีนี้ดีขึ้นกว่าปีที่ผ่านมา โดยจำนวนจุดความร้อนสะสมตั้งแต่มกราคมจนถึงปัจจุบันลดลงถึงร้อยละ 38 ที่ผ่านมาประเทศไทยได้เป็นผู้นำการขับเคลื่อนพยายามผลักดันให้ประเทศสมาชิกอาเซียนลดจำนวนจุดความร้อนในภูมิภาคปีนี้ลงจากปีก่อนอย่างน้อยร้อยละ 20 พร้อมทั้ง ขยายโรดแมปอาเซียนปลอดหมอกควัน (Haze Free ASEAN Roadmap) สำหรับภูมิภาคอาเซียนและแผนปฏิบัติการเชียงราย 2017 สำหรับอนุภูมิภาคแม่โขง โดยแผนปฎิบัติการเชียงรายได้ถูกขยายไปอีก 5 ปี

ทั้งนี้ ไทยมุ่งหวังให้การป้องกันและแก้ปัญหาหมอกควันข้ามแดนในภูมิภาคอาเซียนมีผลในทางปฏิบัติให้มากขึ้น แล้วพร้อมให้ความร่วมมือกับประเทศเพื่อนบ้านเพื่อป้องกันแก้ปัญหาที่เป็นรูปธรรม


สำนักข่าว กรมประชาสัมพันธ์  12 เมษายน 2565

ค่าฝุ่น PM 2.5 ในภาคเหนือสูงระดับสีส้ม 18 พื้นที่ สูงสุดบริเวณ ต.ในเวียง อ.เมือง จ.น่าน ส่วนกรุงเทพมหานครและปริมณฑลค่าฝุ่นเกินระดับสีส้ม 23 พื้นที่

นายอรรถพล เจริญชันษา อธิบดีกรมควบคุมมลพิษ (คพ.) ในฐานะประธานศูนย์แก้ไขปัญหามลพิษทางอากาศ (ศกพ.) กล่าวว่า วันนี้ (12 เม.ย.65) ค่าฝุ่นละอองขนาดไม่เกิน 2.5 ไมครอน (PM 2.5) ในพื้นที่ 17 จังหวัดภาคเหนือมีคุณภาพดีถึงเริ่มมีผลกระทบต่อสุขภาพ พบค่าฝุ่นสูงระดับสีส้ม 18 พื้นที่ เช่น ต.ในเวียง อ.เมือง จ.น่าน , ต.จองคำ อ.เมือง จ.แม่ฮ่องสอน , ต.ในเมือง อ.เมือง จ.พิษณุโลก , ต.ท่าหลวง อ.เมือง จ.พิจิตร , ต.ในเมือง อ.เมือง จ.เพชรบูรณ์ แล้วต้องเฝ้าระวังช่วงวันที่ 18 - 19 เมษายน หากจุดความร้อน (Hotspot) มีจำนวนมากขึ้นอาจส่งผลให้ฝุ่นละอองสูงขึ้นได้ โดยเฉพาะภาคเหนือฝั่งตะวันออกและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ

ขณะที่พื้นที่กรุงเทพมหานครและปริมณฑลคุณภาพอากาศดีถึงเริ่มมีผลกระทบต่อสุขภาพ พบเกินมาตรฐานระดับสีส้ม 23 พื้นที่ เช่น ริมถนนเพชรเกษม เขตภาษีเจริญ , ริมถนนมาเจริญ เพชรเกษม 81 เขตหนองแขม , แขวงบางซื่อ เขตบางซื่อ , แขวงทุ่งวัดดอน เขตสาทร , ริมถนนลาดพร้าว ซอยลาดพร้าว 95 เขตวังทองหลาง ทั้งนี้ ศูนย์แบบจำลองคุณภาพอากาศและภูมิศาสตร์สารสนเทศ กรมควบคุมมลพิษ (คพ.) ได้คาดการณ์สถานการณ์ฝุ่นละออง PM 2.5 ในพื้นที่กรุงเทพมหานครและปริมณฑล 7 วันข้างหน้าฝุ่น PM 2.5 แนวโน้มจะอยู่ในเกณฑ์มาตรฐานวันที่ 13 - 19 เมษายน

ทั้งนี้ ขอความร่วมมือประชาชนบำรุงดูแลรักษารถยนต์อย่างสม่ำเสมอ จอดรถให้ดับเครื่อง ลดการเผาในที่โล่ง และขอให้ประชาชนเฝ้าระวังสถานการณ์ หากอยู่บริเวณพื้นที่มีปริมาณฝุ่น PM 2.5 สูงเกินเกณฑ์มาตรฐานให้หลีกเสี่ยงกิจกรรมกลางแจ้ง หากมีอาการทางสุขภาพควรปรึกษาแพทย์ โดยสามารถติดตามสถานการณ์คุณภาพอากาศได้ทั้งแบบค่าเฉลี่ยรายชั่วโมงและแบบค่าเฉลี่ย 24 ชั่วโมง ผ่านทางเว็บไซด์ Air4Thai.com และ bangkokairquality.com


สำนักข่าว กรมประชาสัมพันธ์  11 เมษายน 2565

ว่าที่ร้อยตรี ธนะสิทธิ์ เอี่ยมอนันชัย รองอธิบดีกรมอุตุนิยมวิทยา กล่าวถึงสภาพอากาศในช่วงสัปดาห์นี้ ภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคตะวันออก ภาคกลาง รวมถึงกรุงเทพฯ และปริมณฑล มีอากาศร้อนและฟ้าหลัวในตอนกลางวัน แต่จะมีฝนเล็กน้อยด้านตะวันตกของภาคกลางและชายฝั่งภาคตะวันออก ส่วนภาคใต้มีฝนลดลง ส่วนหลังสงกรานต์ วันที่ 16-18 เมษายนนี้ จะมีพายุฤดูร้อนเกิดขึ้น เริ่มจากภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคตะวันออก ภาคกลาง ภาคเหนือ รวมถึงกรุงเทพฯ และปริมณฑล รวมถึงภาคใต้จะมีฝนเพิ่มขึ้น

ขอให้ประชาชนระวังอันตรายจากลมกระโชกแรง ฝนตกหนัก และมีลูกเห็บตกบางพื้นที่ รวมถึงฟ้าผ่า ควรหลีกเลี่ยงการอยู่ใกล้สิ่งปลูกสร้างที่ไม่แข็งแรงและงดใช้เครื่องมือสื่อสารขณะเกิดฝนฟ้าคะนอง


สำนักข่าว กรมประชาสัมพันธ์  10 เมษายน 2565

กองอำนวยการน้ำแห่งชาติ (กอนช.) เร่งทำแผนแก้ปัญหาน้ำท่วมในพื้นที่นิคมอุตสาหกรรมบางปูยั่งยืน ทั้งการปรับปรุงเครื่องสูบน้ำและปรับปรุงคลอง 7 สาย

นายสุรสีห์ กิตติมณฑล เลขาธิการสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) ในฐานะรองผู้อำนวยการกองอำนวยการน้ำแห่งชาติ (กอนช.) กล่าวถึงการเตรียมความพร้อมรับสถานการณ์น้ำท่วมในพื้นที่นิคมอุตสาหกรรมบางปู จ.สมุทรปราการ ปีนี้ว่า ได้กำชับให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องจัดทำแผนเผชิญเหตุเตรียมพร้อมรับมือฤดูฝนปีนี้ พร้อมให้เร่งรัดจัดทำแผนการแก้ปัญหาน้ำท่วมในพื้นที่นิคมอุตสาหกรรมบางปูแบบยั่งยืน อย่างกรมชลประทานกำหนดแนวทางแก้ปัญหาน้ำท่วมในพื้นที่นิคมอุตสาหกรรมบางปู ด้วยการจัดหาเครื่องสูบน้ำทดแทนเครื่องเดิมที่มีอายุการใช้งานมากกว่า 10 ปี // จัดหาเครื่องเก็บขยะอัตโนมัติของสถานีสูบน้ำทดแทนของเดิม // ปรับปรุงเพิ่มประสิทธิภาพระบบควบคุมเครื่องสูบน้ำและระบบโทรมาตร // ปรับปรุงประตูระบายน้ำพร้อมสถานีสูบน้ำเดิมและใหม่ และสุดท้าย ปรับปรุงคลองชลประทานภายใต้แผนหลักการบรรเทาอุทกภัยในลุ่มน้ำเจ้าพระยาตอนล่างปี 2567

สำหรับระยะเร่งด่วน กรมชลประทาน ได้เร่งดำเนินการปรับปรุงและเพิ่มประสิทธิภาพเครื่องสูบน้ำทั้งหมด ส่วนระยะกลางมีแผนปรับปรุงคลอง 7 สาย คือ คลองพระองค์ไชยานุชิต คลองปีกกา คลองสำโรง คลองด่าน คลองประเวศน์บุรีรมย์ คลองอุดมชลขจร และคลองชวดพร้าว-เล้าหมู-บางพลีน้อย รวมทั้ง ยังวางแผนป้องกันน้ำท่วมในพื้นที่ลุ่มน้ำเจ้าพระยาตอนล่างบริเวณสะพานน้ำยกระดับสถานีสูบน้ำสุวรรณภูมิ พื้นที่โครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาชลหารพิจิตร และขุดลอกคลองเพิ่มประสิทธิภาพการระบายน้ำของคลองต่างๆด้วย


สำนักข่าว กรมประชาสัมพันธ์  9 เมษายน 2565

กองอำนวยการน้ำแห่งชาติ (กอนช.) ขอให้ประชาชนภาคเหนือระวังเกิดฝนตกบางพื้นที่ ส่วนภาคใต้ฝนเริ่มลดลง

กองอำนวยการน้ำแห่งชาติ (กอนช.) ได้รายงานสถานการณ์น้ำภาพรวมของประเทศวันนี้ (9 เม.ย.65) ว่า ประเทศไทยตอนบนอุณหภูมิสูงขึ้นและมีฝนฟ้าคะนอง โดยเฉพาะบริเวณภาคเหนือ ส่วนภาคใต้ฝนลดลง แล้วช่วง 24 ชั่วโมงที่ผ่านมามีฝนตกหนักบริเวณ จ.เชียงราย 75 มิลลิเมตร , เชียงใหม่ 70 มิลลิเมตร และพังงา 49 มิลลิเมตร ขณะที่ภาพรวมปริมาณน้ำใช้การแหล่งน้ำทั้งประเทศทุกขนาด 25,818 ล้านลูกบาศก์เมตร หรือร้อยละ 45 และแหล่งน้ำขนาดใหญ่ 20,058 ล้านลูกบาศก์เมตร หรือร้อยละ 42 จุดเฝ้าระวังน้ำน้อยในแหล่งน้ำขนาดใหญ่ 3 แห่ง คือ เขื่อนแม่งัดสมบูรณ์ชล เขื่อนภูมิพล และเขื่อนสิริกิติ์ ส่วนคุณภาพน้ำเพื่อการอุปโภค-บริโภคและการเกษตร ณ จุดเฝ้าระวัง ในแม่น้ำสายหลัก แม่น้ำเจ้าพระยา ท่าจีน บางปะกง แม่กลองอยู่ในเกณฑ์ปกติ ยกเว้นแม่น้ำท่าจีนมีปริมาณออกซิเจนต่ำกว่าเกณฑ์มาตรฐาน


© 2024 Faculty of Environment and Resource Studies, Mahidol University . All Rights Reserved.