• +662 441 5000
  • This email address is being protected from spambots. You need JavaScript enabled to view it.

ข่าวสิ่งแวดล้อม

สำนักข่าว กรมประชาสัมพันธ์  12 พฤศจิกายน 2566

นายสุรินทร์ วรกิจธำรง รองอธิบดีกรมทรัพยากรน้ำบาดาล เปิดเผยว่า จากข้อสั่งการของนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ให้ขยายพื้นที่ดำเนินโครงการธนาคารน้ำใต้ดินเพื่อรับมือสถานการณ์อุทกภัยและภัยแล้ง ถือเป็นการสำรองน้ำเพิ่มเติมจากที่มีอยู่ในปัจจุบันจำนวน 4,775 แห่งทั่วประเทศ ประกอบด้วย ระบบเปิด หรือสระเติมน้ำ จำนวน 383 แห่ง และระบบปิดที่เป็นบ่อเติมน้ำ จำนวน 4,400 แห่ง จากการสำรวจพบว่ายังมีความต้องการทั่วประเทศนับหมื่นแห่ง เพื่อรองรับปรากฎการเอลนีโญ ที่จะเกิดภัยแล้งรุนแรงขึ้น ขณะที่การลงพื้นที่ของนายกรัฐมนตรีที่จังหวัดพิษณุโลกได้เน้นย้ำให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องขยายการดำเนินการในพื้นที่ต่างๆ โดยเร็วที่สุด พร้อมประเมินความสำเร็จของอำเภอวัดสิงห์ จังหวัดชัยนาท ที่คณะรัฐมนตรีได้มีมติเมื่อวันที่ 31 ตุลาคมให้เป็นจังหวัดนำร่องจัดทำธนาคารน้ำใต้ดินจำนวน 60 แห่ง ซึ่งเริ่มดำเนินการระหว่างเดือนพฤศจิกายน – กุมภาพันธ์ 2567 เป็นระบบสระเติมน้ำที่มีประสิทธิภาพสามารถนำน้ำมาใช้ไม่ต่ำกว่า 6 แสนลูกบาศก์เมตรในพื้นที่เกษตรกว่า 600 ไร่ พร้อมกันนี้ยังได้ศึกษาในพื้นที่อีอีซี เบื้องต้นในพื้นที่เกษตรสามารถดำเนินการได้ทันที แต่พื้นที่ในเขตอุตสาหกรรมอยู่ระหว่างการศึกษาเกี่ยวกับคุณภาพอากาศและน้ำในพื้นที่เพื่อป้องกันการปนเปื้อนของสารพิษ

รองอธิบดีกรมทรัพยากรน้ำบาดาล กล่าวว่า ประเทศไทยยังขาดแคลนน้ำมากถึง 40,000 ล้านลูกบาศก์เมตร เทียบเท่ากับเขื่อนเจ้าพระยา 3 เขื่อน และปัจจุบันการก่อสร้างเขื่อนทำได้ยาก การทำธนาคารน้ำใต้ดิน จึงเป็นทางออกในการแก้ไขปัญหา ทั้งการรองรับน้ำส่วนเกินที่มีมากกว่า 2 แสนล้านลูกบากศ์เมตร ซึ่งสามารถนำมากักเก็บไว้และบริหารจัดการในการรับมือน้ำท่วมและภัยแล้งได้อย่างมีประสิทธิภาพ


สำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม  11 พฤศจิกายน 2566

ที่มา: https://www.thairath.co.th/news/sustainable/2738662

เพจเฟซบุ๊ก ขยะมรสุม MONSOONGARBAGE THAILAND ได้โพสต์ข้อความรนรงค์ให้ยกเลิกลอยกระทงในทะเลและแหล่งน้ำเปิด เนื่องจากในแต่ล่ะปี การลอยกระทงในแหล่งน้ำเปิดที่ไร้การจัดการ ได้ส่งผลเสียต่อสิ่งแวดล้อมอย่างมาก จากขยะตะปูโลหะที่เกลื่อนชายหาดลำคลองและตกค้างเป็นเดือน

ทาง ผศ.ดร.ธรณ์ ธำรงนาวาสวัสดิ์ นักวิทยาศาสตร์ทางทะเล และอาจารย์ประจำภาควิชาวิทยาศาสตร์ทางทะเล คณะประมง มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ได้โพสต์ข้อความระบุว่า การลอยกระทงในแม่น้ำลำคลอง หากไม่มีการดูแลที่ดี หรือมีทุ่นกั้น ซึ่งสุดท้ายจะลงมาสู่ท้องทะเลและเป็นอันตรายต่อคนอื่น ทำลายการท่องเที่ยวและสัตว์ทะเลต่าง ๆ พร้อมกับเสนอมาตรการการลอยกระทงในปีหน้าได้แก่

ห้ามลอยกระทงในทะเล เพราะไม่สามารถจัดการเก็บกวาดได้ควรจัดงานลอยกระทงในแหล่งน้ำปิด และมีระบบจัดการในการเก็บและกำจัดอย่างเหมาะสมการลอยกระทงตามแหล่งน้ำไหล ต้องมีทุ่นกั้นป้องกัน เพื่อไม่ให้กระทงไหลไปตามน้ำสู่ทะเลจัดงานกระทงต้องวางแผน รวมไปถึงงบจัดการขยะจากกระทง

ทั้งหมดนั้น กระทงควรใช้วัสดุจากธรรมชาติ หากเป็นไปได้ การลอยด้วยกระทงวัสดุธรรมชาติ การจัดการลอยกระทงในบ้านหรือในงานที่ควรมีการดูแลและภาครัฐควรมีมาตรฐานรับรองการจัดงานที่ดูแลสิ่งแวดล้อมในภายหลังด้วย


สำนักข่าว กรมประ่ชาสัมพันธ์  10 พฤศจิกายน 2566

กรมชลประทาน เร่งบริหารจัดสรรน้ำให้เพียงพอและต้องสอดคล้องกับปริมาณน้ำต้นทุนที่มีอยู่ช่วงหน้าแล้ง พร้อมวางแผนเพาะปลูกข้าวนาปรังปี 66/67 ทั้งประเทศเกือบ 6 ล้านไร่

นายทวีศักดิ์ ธนเดโชพล รองอธิบดีกรมชลประทาน กล่าวว่า กรมชลประทาน ได้วางแผนจัดสรรน้ำหน้าแล้งปี 2566/67 ให้สอดคล้องกับปริมาณน้ำต้นทุนในอ่างเก็บน้ำที่ทั้งประเทศมีรวมกัน 40,387 ล้านลูกบาศก์เมตร เพื่อสนับสนุนการใช้น้ำทุกกิจกรรมในพื้นที่ต่างๆ ตามลำดับความสำคัญ ทั้งน้ำเพื่อการอุปโภค - บริโภค รักษาระบบนิเวศ เกษตรกรรม และอุตสาหกรรมมีรวมกัน 21,810 ล้านลูกบาศก์เมตร และสำรองน้ำไว้ต้นฤดูฝน ระหว่างเดือนพฤษภาคม – สิงหาคม 2567 รวม 18,577 ล้านลูกบาศก์เมตร โดยวางแผนการเพาะปลูกข้าวนาปรังปี 66/67 ทั้งประเทศ 5.79 ล้านไร่ ขณะนี้จัดสรรน้ำทั้งประเทศไปแล้ว 1,161 ล้านลูกบาศก์เมตร หรือร้อยละ 6 ของแผนฯ โดยเฉพาะลุ่มเจ้าพระยาจัดสรรน้ำรวม 6,100 ล้านลูกบาศก์เมตร จากปริมาณน้ำต้นทุน 11,085 ล้านลูกบาศก์เมตร และมีแผนการเพาะปลูกข้าวนาปรังปี 66/67 รวม 3.03 ล้านไร่ เบื้องต้นจัดสรรไปแล้ว 174 ล้านลูกบาศก์เมตร

ทั้งนี้ กรมชลประทาน ยังได้เตรียมพร้อมรับมือหน้าแล้งตาม 9 มาตรการรับมือหน้าแล้งปี 66/67 ที่กองอำนวยการน้ำแห่งชาติ (กอนช.) กำหนดอย่างเคร่งครัด พร้อมติดตามเฝ้าระวังสภาพอากาศและสถานการณ์น้ำอย่างใกล้ชิด โดยเร่งเก็บกักน้ำช่วงปลายฤดูฝนและจัดหาแหล่งน้ำสำรอง จัดเตรียมเครื่องจักร - เครื่องมือประจำจุดเสี่ยงขาดแคลนน้ำ ที่สำคัญประชาสัมพันธ์สร้างการรับรู้ถึงสถานการณ์น้ำให้เกษตรกร และกลุ่มผู้ใช้น้ำ รับรู้รับทราบต่อเนื่อง เพื่อลดผลกระทบที่จะเกิดขึ้นของประชาชนให้ได้มากที่สุด


สำนักข่าว กรมประชาสัมพันธ์  9 พฤศจิกายน 2566

นายปราโมทย์ ยาใจ อธิบดีกรมพัฒนาที่ดิน กล่าวว่า จากสถานการณ์อุทกภัยในหลายพื้นที่โดยเฉพาะในภาคตะวันออกเฉียงเหนือและภาคเหนือ กรมพัฒนาที่ดิน ได้เร่งผลิตสารบำบัดน้ำเสียและขจัดกลิ่นเหม็นจากสารเร่งซุปเปอร์ พด.6 ให้เพียงพอ เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของเกษตรกรและประชาชน โดยในอัตราแนะนำเติมสารบำบัดน้ำเสีย พด.6 1 ลิตร ต่อน้ำเสีย 10 ลูกบาศก์เมตร ทุก 10 วัน และส่งเสริมการนำวัสดุอินทรีย์ที่มีอยู่ภายในชุมชนมาใช้ประโยชน์ทำปุ๋ยหมักและปุ๋ยอินทรีย์สำหรับปรับปรุงบำรุงดิน รวมถึงรักษาสิ่งแวดล้อมในชุมชนอย่างยั่งยืน และให้สถานีพัฒนาที่ดินทุกจังหวัดทั่วประเทศ แจกจ่ายสารบำบัดน้ำเสียและขจัดกลิ่นเหม็นจากสารเร่งซุปเปอร์ พด.6 พร้อมให้คำแนะนำ ให้ความรู้ในการบำบัดน้ำเน่าเสีย และสำหรับในกรณีเร่งด่วนประชาชนสามารถใช้สารเร่งซุปเปอร์ พด.6 ขยายเชื้อในกากน้ำตาล น้ำสะอาด โดยหมักเป็นเวลา 4 วัน นอกจากจะใช้บำบัดเสียแล้ว ยังสามารถกำจัดลูกน้ำยุงรำคาญได้อีกด้วย

ในกรณีการปรับปรุงดินหลังน้ำลด กรมพัฒนาที่ดินได้เตรียมความพร้อมในการให้ความรู้และการจัดการดิน โดยแนะนำให้ฟื้นฟูดินตามชนิดพืช โดยทั่วไปให้ทำการระบายน้ำออก ถ้าในผักให้ทำการยกร่อง ส่วนนาข้าวให้ใช้น้ำหมักชีวภาพจากสารเร่งซุปเปอร์ พด.2 เพื่อให้ตอซังย่อยสลายได้เร็วขึ้น และทำการไถกลบ และใส่ปุ๋ยหมักจากสารเร่งซุปเปอร์ พด.1 เพื่อเพิ่มความร่วนซุยของดิน รวมถึงใช้สารเร่งซุปเปอร์ พด.3 ร่วม เพื่อกำจัดโรครากเน่าโคนเน่าในไม้ผล ซึ่งเกษตรกรและประชาชนสามารถขอรับบริการผลิตภัณฑ์จุลินทรีย์ พด. เพื่อนำไปปรับปรุงดินหลังน้ำลด ได้ที่ สำนักงานพัฒนาที่ดินเขต 1 – 12 และสถานีพัฒนาที่ดินประจำจังหวัดทั่วประเทศ หรือสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ กองเทคโนโลยีชีวภาพทางดิน กรมพัฒนาที่ดิน โทร 1760


สำนักข่าว กรมประชาสัมพันธ์  8 พฤศจิกายน 2566

กรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช คุมเข้มลดการเผาไหม้ในเขตป่าอนุรักษ์และป่าสงวนแห่งชาติช่วงหน้าไฟป่าปี 2567 พร้อมควบคุมพฤติกรรมของชุมชนด้วยการให้ลงทะเบียนแจ้งเผาล่วงหน้าเท่านั้น

นายอรรถพล เจริญชันษา อธิบดีกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง รักษาราชการแทนอธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช กล่าวถึงแผนรับมือสถานการณ์ไฟป่า หมอกควัน และฝุ่นละออง PM 2.5 ปี 2567 ว่า ไฟป่าที่เกิดขึ้นในแต่ละปีของประเทศไทยสาเหตุส่วนใหญ่ยังมาจากการเก็บหาของป่าการเผาพื้นที่เกษตรกรรมการรุกล้ำจากพื้นที่เกษตรการล่าสัตว์และการเลี้ยงปศุสัตว์ โดยเฉพาะในเขตป่าอนุรักษ์และป่าสงวนแห่งชาติ โดยปีนี้เขตป่าอนุรักษ์มีพื้นที่เผาไหม้กว่า 12.7 ล้านไร่ พบมากสุดในพื้นที่ภาคเหนือ 17 จังหวัดถึง 9.8 ล้านไร่ สำหรับแนวทางการป้องกันไฟป่าปี 2567 แบ่งเป็น 2 มาตรการ 3 ระยะ 5 กิจกรรม ด้วยการจัดการเชื้อเพลิงพื้นที่เสี่ยงให้มีประสิทธิภาพ โดยการชิงเผาให้เลือกเฉพาะพื้นที่ไฟไหม้ซ้ำซาก ทำการควบคุมไฟป่าให้ได้ และปิดประกาศให้ประชาชนทราบ พร้อมให้ทุกภาคส่วนเข้ามามีส่วนร่วมดำเนินงานพื้นที่จัดการเชื้อเพลิงก่อนถึงหน้าไฟป่า รวมทั้ง ตรึงพื้นที่กำหนดจุดเฝ้าระวังป้องกันไฟป่าและร่วมกับชุมชนเฝ้าระวังตามจุดจะช่วยให้ตรวจพบไฟป่าได้รวดเร็วขึ้น ทั้งนี้ แหล่งกำเนิดที่ตบก่อให้เกิดไฟป่ามาจากประชาชนในพื้นที่ป่าและรอบชุมชน ซึ่งก่อนถึงหน้าไฟป่าจำเป็นต้องประกาศปิดป่าและอนุญาตให้ประชาชนเข้าพื้นที่ป่าได้เฉพาะผู้ที่มาลงทะเบียนแจ้งล่วงหน้าเท่านั้น เพื่อควบคุมประชาชนที่ไม่เคารพกฎหมายและกติกาแล้วลักลอบเข้าไปเผาในเขตป่าเพื่อล่าสัตว์และหาของป่า ถือเป็นการควบคุมพฤติกรรมของชุมชนในพื้นที่

รักษาราชการแทนอธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช ย้ำว่า กรมอุทยานฯ ได้จัดกำลังเจ้าหน้าที่และประชาชนเฝ้าระวังป้องกันไฟฟ้า 3,893 จุดทั่วประเทศแบ่งเป็นจุดตรวจและจุดสกัด 1,311 จุด โดยเจ้าหน้าที่รัฐ และจุดเฝ้าระวัง 2,582 จุด โดยประชาชนในพื้นที่ป่าอนุรักษ์และพื้นที่ใกล้เคียง เพื่อร่วมการปฏิบัติการเฝ้าระวังป้องกันไฟป่าไม่ให้ขยายวงกว้าง ซึ่งในจำนวนนี้ประมาณ 2,500 จุดอยู่ระหว่างของบประมาณสนับสนุนจากรัฐบาล เพื่อมาจัดจ้างประชาชนในพื้นที่เฝ้าระวังไฟป่าช่วงหน้าไฟป่าประมาณ 5 เดือน รวมทั้ง ยังมีภาคเอกชนเข้ามาร่วมสนับสนุนเพิ่มเติมเช่นกัน


สำนักข่าว กรมประชาสัมพันธ์  7 พฤศจิกายน 2566

กรุงเทพมหานครและปริมณฑลเช้าวันนี้คุณภาพอากาศดีต่อเนื่อง หลังมีฝนตกหนักหลายพื้นที่ช่วยลดการสะสมของฝุ่นละออง พร้อมระวังค่าฝุ่น PM 2.5 สูงขึ้นช่วงปลายสัปดาห์นี้

นายปิ่นสักก์ สุรัสวดี อธิบดีกรมควบคุมมลพิษ (คพ.) กล่าวว่า สถานการณ์ฝุ่นละอองขนาดไม่เกิน 2.5 ไมครอน (PM 2.5) ในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑลเช้าวันนี้ (7 พ.ย.66) ภาพรวมคุณภาพอากาศอยู่ในระดับคุณภาพดีมากถึงปานกลาง โดยค่าฝุ่นปรับตัวลดลงอยู่ในเกณฑ์มาตรฐาน เนื่องจากหลายพื้นที่มีฝนตกหนักลงมาช่วยลดการสะสมของฝุ่นละอองลงได้ โดยช่วงวันที่ 9 - 13 พฤศจิกายนอาจต้องเฝ้าระวังเป็นพิเศษบางพื้นที่ค่าฝุ่นสูงขึ้น เนื่องจากมวลอากาศเย็นเคลื่อนตัวเข้ามาปกคลุมประเทศไทย ส่งผลให้อากาศถูกกดทับและลมนิ่ง ทั้งนี้ จำเป็นต้องควบคุมและลดการระบายฝุ่นละอองจากแหล่งกำเนิดต่างๆต่อเนื่อง เพื่อลดปริมาณการปล่อยทั้งจากยานพาหนะ ด้วยการบำรุงรักษาเครื่องยนต์ให้มีประสิทธิภาพและเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่องสม่ำเสมอ โดยเฉพาะเครื่องยนต์ดีเซล // ขอให้ประชาชนหันมาใช้รถโดยสารสาธารณะให้มากขึ้นแทนรถยนต์ส่วนบุคคล และงดการเผาในที่โล่ง เพราะเป็นแหล่งกำเนิดฝุ่นที่ส่งผลกระทบรุนแรง

สำหรับประชาชนที่อยู่ในพื้นที่มีฝุ่น PM 2.5 เกินมาตรฐานควรเฝ้าระวังสุขภาพ ลดเวลาการทำกิจกรรมกลางแจ้ง หรือใช้อุปกรณ์ป้องกันตนเอง หากมีอาการทางสุขภาพควรปรึกษาแพทย์ โดยสามารถติดตามตรวจสอบสถานการณ์ฝุ่น PM 2.5 ได้ทางเว็บไซต์และแอพพลิเคชัน Air4thai และ AirBKK


สำนักข่าว กรมประชาสัมพันธ์  6 พฤศจิกายน 2566

คุณภาพอากาศในกรุงเทพมหานครและปริมณฑลเช้าวันนี้อยู่เกณฑ์มาตรฐาน หลังช่วง 2 วันที่ผ่านมามีฝนตกหนักหลายพื้นที่ช่วยลดการสะสมของฝุ่นละออง พร้อมคาดการณ์สัปดาห์นี้ฝุ่น PM 2.5 มีแนวโน้มดีขึ้น

นายปิ่นสักก์ สุรัสวดี อธิบดีกรมควบคุมมลพิษ (คพ.) กล่าวว่า สถานการณ์ฝุ่นละอองขนาดไม่เกิน 2.5 ไมครอน (PM 2.5) ในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑลเช้าวันนี้ (6 พ.ย.66) ภาพรวมคุณภาพอากาศอยู่ในระดับคุณภาพดีมากถึงคุณภาพปานกลาง โดยค่าฝุ่นปรับตัวลดลงอยู่ในเกณฑ์มาตรฐาน เนื่องจากช่วง 2 วันที่ผ่านมาหลายพื้นที่มีฝนตกหนักลงมาช่วยลดการสะสมของฝุ่นละอองลงได้ โดยสัปดาห์นี้คุณภาพอากาศมีแนวโน้มดีขึ้นจากลมที่พัดแรงขึ้นช่วยลดการสะสมของฝุ่นละอองในพื้นที่ได้ แต่วันที่ 9 พฤศจิกายนอาจต้องเฝ้าระวังเป็นพิเศษบางพื้นที่มีโอกาสค่าฝุ่นสูงขึ้น ทั้งนี้ จำเป็นต้องควบคุมและลดการระบายฝุ่นละอองจากแหล่งกำเนิดต่างๆต่อเนื่อง เพื่อลดปริมาณการปล่อยทั้งจากยานพาหนะ ด้วยการบำรุงรักษาเครื่องยนต์ให้มีประสิทธิภาพและเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่องสม่ำเสมอ โดยเฉพาะเครื่องยนต์ดีเซล และงดการเผาในที่โล่ง เพราะเป็นแหล่งกำเนิดฝุ่นที่ส่งผลกระทบรุนแรง

สำหรับประชาชนที่อยู่ในพื้นที่มีฝุ่น PM 2.5 เกินมาตรฐานควรเฝ้าระวังสุขภาพ ลดเวลาการทำกิจกรรมกลางแจ้ง หรือใช้อุปกรณ์ป้องกันตนเอง หากมีอาการทางสุขภาพควรปรึกษาแพทย์ โดยสามารถติดตามตรวจสอบสถานการณ์ฝุ่น PM 2.5 ได้ทางเว็บไซต์และแอพพลิเคชัน Air4thai และ AirBKK


สำนักข่าว กรมประชาสัมพันธ์  5 พฤศจิกายน 2566

ค่าฝุ่น PM 2.5 ในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑลเช้าวันนี้ปรับตัวลดลง แต่ยังพบเกินค่าในระดับสีส้มเริ่มมีผลกระทบต่อสุขภาพ 16 พื้นที่ พร้อมคาดการณ์สัปดาห์หน้าแนวโน้มดีขึ้น

นายปิ่นสักก์ สุรัสวดี อธิบดีกรมควบคุมมลพิษ (คพ.) กล่าวว่า สถานการณ์ฝุ่นละอองขนาดไม่เกิน 2.5 ไมครอน (PM 2.5) ในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑลเช้าวันนี้ (5 พ.ย.66) ภาพรวมคุณภาพอากาศอยู่ในระดับคุณภาพดีถึงเริ่มมีผลกระทบต่อสุขภาพ โดยค่าฝุ่นปรับตัวลดลงแต่ยังเกินค่ามาตรฐานหลายพื้นที่ เนื่องจากเมื่อวานนี้ (4 พ.ย.66) มีฝนตกลงมาหลายพื้นที่ช่วยลดการสะสมของฝุ่นลงได้ส่วนหนึ่ง พบสูงขึ้นระดับสีส้มเริ่มมีผลกระทบต่อสุขภาพ 16 พื้นที่ เช่น ริมถนนกาญจนาภิเษก เขตบางขุนเทียน , ต.อ้อมน้อย อ.กระทุ่มแบน จ.สมุทรสาคร, ต.ปากน้ำ อ.เมือง จ.สมุทรปราการ, ต.มหาชัย อ.เมือง จ.สมุทรสาคร, ริมถนนดินแดง เขตดินแดง , ริมถนนพระราม 2 เขตบางขุนเทียน , ริมถนนกรุงเกษม เขตป้อมปราบศัตรูพ่าย , ริมถนนพระรามที่ 4 หน้าสามย่านมิตรทาวน์ เขตปทุมวัน โดยสัปดาห์หน้ามีแนวโน้มดีขึ้นจากลมที่พัดแรงขึ้นช่วยลดการสะสมของฝุ่นละอองในพื้นที่ได้ ทั้งนี้ จำเป็นต้องควบคุมและลดการระบายฝุ่นละอองจากแหล่งกำเนิดต่างๆต่อเนื่อง เพื่อลดปริมาณการปล่อยทั้งจากยานพาหนะ ด้วยการบำรุงรักษาเครื่องยนต์ให้มีประสิทธิภาพและเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่องสม่ำเสมอ โดยเฉพาะเครื่องยนต์ดีเซล และงดการเผาในที่โล่งตั้งแต่วันนี้ เพราะเป็นแหล่งกำเนิดฝุ่นที่ส่งผลกระทบรุนแรง

สำหรับประชาชนที่อยู่ในพื้นที่มีฝุ่น PM 2.5 เกินมาตรฐานควรเฝ้าระวังสุขภาพ ลดเวลาการทำกิจกรรมกลางแจ้ง หรือใช้อุปกรณ์ป้องกันตนเอง หากมีอาการทางสุขภาพควรปรึกษาแพทย์ โดยสามารถติดตามตรวจสอบสถานการณ์ฝุ่น PM 2.5 ได้ทางเว็บไซต์และแอพพลิเคชัน Air4thai และ AirBKK


© 2024 Faculty of Environment and Resource Studies, Mahidol University . All Rights Reserved.