• +662 441 5000
  • This email address is being protected from spambots. You need JavaScript enabled to view it.

ข่าวสิ่งแวดล้อม

สำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม  26 กรกฎาคม 2567

ที่มา: https://www.khaosod.co.th/around-thailand/news_777777851737

ณ ห้องโถงชั้น 3 กรมการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและสิ่งแวดล้อม นายเถลิงศักดิ์ เพ็ชรสุวรรณ รองปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) พร้อมด้วยนายอดิศักดิ์ ภูสิทธิ์วงศานุยุต รองโฆษกกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ร่วมแถลงข่าวการจัดงานวันเจ้าหน้าที่พิทักษ์ป่าโลก (World Ranger Day) และวันเสือโคร่งโลก ประจำปี 2567 ชูแนวคิด “Go Goal Tigers: ก้าวต่อไป…Tigers”

นายอดิศักดิ์ กล่าวว่า กรมอุทยานฯ ร่วมกับกรมป่าไม้ และกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง ซึ่งเป็นหน่วยงานที่มีเจ้าหน้าที่พิทักษ์ป่า ปฏิบัติงานเป็นแนวหน้าในการอนุรักษ์พื้นที่คุ้มครองทั้งป่าไม้และทะเล และเพื่อเป็นการรำลึกเจ้าหน้าที่พิทักษ์ป่าที่ได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิต จากการดูแลรักษาทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และสนับสนุนเจ้าหน้าที่พิทักษ์ป่าผู้เป็นหัวใจหลัก หรือแนวหน้าในการอนุรักษ์พื้นที่คุ้มครอง โดยทั้ง 3 หน่วยงาน จึงได้ร่วมกันจัดงานวันเจ้าหน้าที่พิทักษ์ป่าโลกขึ้นในวันที่ 31 กรกฎาคม 2567 ณ ศูนย์การประชุมและแสดงสินค้านานาชาติเฉลิมพระเกียรติ 7 รอบ พระชนมพรรษา จ.เชียงใหม่ เพื่อรำลึกถึงคุณงามความดีและการทำงานอันเสียสละของเจ้าหน้าที่พิทักษ์ป่า ในการปกป้องรักษาทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมทั่วโลก และยังเป็นการเผยแพร่ประชาสัมพันธ์ผลงานด้านการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสนับสนุนการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่พิทักษ์ป่า

ส่วนงานวันเสือโคร่งโลก 2567 กรมอุทยานฯ ร่วมกับภาคีเครือข่ายด้านการอนุรักษ์สัตว์ป่า จัดงานขึ้นระหว่างวันที่ 25 – 27 กรกฎาคม 2567 ภายใต้แนวคิดหลัก “Go Goal Tigers: ก้าวต่อไป…Tigers” ณ ลาน Zpotlight ชั้น จี ศูนย์การค้าฟิวเจอร์พาร์ครังสิต จ.ปทุมธานี โดยมีพิธีเปิดวันที่ 25 กรกฎาคม 2567 พร้อมด้วยกิจกรรมและงานเสวนาเกี่ยวกับเสือโคร่งด้วย


สำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม  25 กรกฎาคม 2567

ที่มา : ไทยรัฐออนไลน์ (https://www.thairath.co.th/news/local/2803006)

“พัชรวาท” เผยสถานการณ์สิ่งแวดล้อมไทยดีขึ้น พร้อมขับเคลื่อนนโยบายต่อเนื่องชงแผนระยะสั้น-ระยะยาว รับมือการเปลี่ยนแปลง ห่วงปัญหา PM 2.5 จากภาคเกษตร แนะเร่งเพิ่มขีดความสามารถเกษตรกร หนุนผู้ประกอบการท่องเที่ยวจัดกิจกรรมเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม

เมื่อวันที่ 24 ก.ค. 67 พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันที่ 23 ก.ค.ที่ผ่านมา ได้รับทราบรายงานสถานการณ์สิ่งแวดล้อม พ.ศ.2566 ที่สานักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติจัดทา โดยพบว่าสถานการณ์คุณภาพสิ่งแวดล้อมมีทิศทางดีขึ้น เช่น ปริมาณการนาเข้าปุ๋ยและวัตถุอันตรายทางเกษตรลดลง ปริมาณการผลิตและการใช้แร่ลดลง การใช้พลังงานทดแทนและพลังงานหมุนเวียนเพิ่มขึ้น พื้นที่ป่าไม้ค่อนข้างคงที่ ปริมาณน้าฝนเฉลี่ยทั้งประเทศเพิ่มขึ้น ปริมาณน้าท่าเฉลี่ยทั้งปีในอ่างเก็บน้าเพิ่มขึ้น ปริมาณน้าบาดาลคงที่และมีคุณภาพอยู่ในเกณฑ์มาตรฐานใช้บริโภคได้ ความอุดมสมบูรณ์ของทรัพยากรประมงเพิ่มขึ้น พื้นที่ป่าชายเลนเพิ่มขึ้น แนวปะการังมีสภาพสมบูรณ์ดี เป็นต้น แต่ยังมีสถานการณ์ที่ควรเฝ้าติดตาม เช่น ปริมาณขยะมูลฝอยชุมชน ขยะพลาสติก ของเสียอันตรายทั้งจากชุมชนและปริมาณกากของเสียอุตสาหกรรม และปริมาณมูลฝอยติดเชื้อเพิ่มขึ้นพล.ต.อ.พัชรวาท กล่าวอีกว่า สาหรับการคาดการณ์แนวโน้มในอนาคต ในระยะสั้น 2 ปี พบว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงการใช้ที่ดินจาก การขยายตัวของพื้นที่เกษตรและชุมชน การผลิตและการใช้แร่เพิ่มขึ้น การพึ่งพิงพลังงานจากภายนอกประเทศเพิ่มขึ้น ปริมาณขยะพลาสติกเพิ่มขึ้น ความหลากหลายทางชีวภาพบนบกและในทะเลถูกคุกคาม ความแปรปรวนของสภาพอากาศมีความชัดเจนมากขึ้น และแนวโน้มการเปลี่ยนแปลงระยะยาว 10 ปีข้างหน้า ได้แก่ การเปลี่ยนแปลงโครงสร้างประชากรและการขยายตัวของเมือง การเปลี่ยนแปลงด้านเศรษฐกิจ การเปลี่ยนแปลงด้านเทคโนโลยีและนวัตกรรม การเปลี่ยนแปลงด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและทิศทางนโยบายระดับประเทศและระหว่างประเทศจากการคาดการณ์สถานการณ์สิ่งแวดล้อมในอนาคต จึงมีเสนอข้อเสนอแนะเชิงนโยบายในการบริหารจัดการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมระยะสั้นในช่วง 2 ปีข้างหน้า คือ การแก้ปัญหาฝุ่นละอองขนาดเล็กจากภาคเกษตร เร่งการจัดการมลพิษที่แหล่งกาเนิด สร้างความร่วมมือในการนาวัสดุทางการเกษตรไปใช้ประโยชน์ จัดทาแผนการเผาวัสดุทางการเกษตรและวัสดุเชื้อเพลิงในพื้นที่วิกฤติ จัดทาแผนและดาเนินงานป้องกันหมอกควันข้ามแดน ร่วมกับประเทศเพื่อนบ้านอย่างเป็นรูปธรรม การวิจัยและพัฒนานวัตกรรมเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการใช้ทรัพยากรแร่ให้มีการใช้ทรัพยากรแร่อย่างคุ้มค่าและเกิดประโยชน์สูงสุด สนับสนุนการวิจัยการใช้นวัตกรรมหรือเทคโนโลยีสมัยใหม่มาช่วยในการผลิตและพัฒนาทรัพยากรแร่ การแปรรูปวัตถุดิบ เศษแร่ และการพัฒนาอุตสาหกรรมต่อเนื่องภายในประเทศ ตามหลักเศรษฐกิจหมุนเวียน ถอดบทเรียนและขยายผลมาตรการปรับตัวโดยอาศัยระบับนิเวศระดับพื้นที่ สร้างความพร้อมในการปรับตัวของกลุ่มเปราะบางต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ


สำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม  24 กรกฎาคม 2567

ที่มา https://news.trueid.net/detail/10XqoY18G79O

จากการที่โลกกำลังเผชิญกับวิกฤตด้านสิ่งแวดล้อมที่ทวีความรุนแรงขึ้น ทั้งการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ภาวะมลพิษ และการสูญเสียความหลากหลายทางชีวภาพ ซึ่งเป็นผลกระทบจากรูปแบบเศรษฐกิจเดิมที่เน้นการผลิต การใช้ และการทิ้งของเสียโดยไม่คำนึงถึงผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม

นายยุทธศักดิ์ สุภสร ประธานกรรมการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (กนอ.) เปิดเผยว่า ได้ประกาศทิศทางใหม่เพื่อใช้ขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยแนวคิด “I-EA-T Next Move : Fast & Furious“ เน้นใช้พลังงานสะอาด และระบบไฟฟ้าที่มั่นคง เพื่อสร้างความเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม

ซึ่งเป็นก้าวสำคัญที่จะนำพาประเทศไทยไปสู่การเป็นผู้นำด้านอุตสาหกรรมที่ยั่งยืนในภูมิภาค ด้วยการขับเคลื่อนที่รวดเร็วและดุดัน กนอ. มุ่งมั่นที่จะร่วมมือกับทุกภาคส่วนในการสร้างอนาคตที่ยั่งยืนให้กับประเทศไทย และสร้างความมั่นคงทางพลังงานควบคู่ไปกับการรักษาสิ่งแวดล้อม


สำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม  23 กรกฏาคม 2567

ที่มา: https://www.thansettakij.com/news/general-news/602156

นายยุทธศักดิ์ สุภสร ประธานกรรมการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (กนอ.) เปิดเผยว่า กนอ. ได้ดำเนินโครงการเฉลิมพระเกียรติเฉลิมพระชนมพรรษา พระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว คลองสวยน้ำใส จิตอาสาพัฒนาคลองแสนแสบ นิคมอุตสาหกรรมบางชันต่อเนื่องเป็นปีที่ 5 โดยปีนี้เนื่องในมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ พระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว กนอ. ได้จัดกิจกรรมโครงการจิตอาสาทำความสะอาดคลองแสนแสบ บริเวณนิคมอุตสาหกรรมบางชัน ซึ่ง กนอ.ร่วมกับพันธมิตรหน่วยงานราชการ ทั้งกรุงเทพมหานคร สำนักงานเขตคันนายาว สำนักงานเขตมีนบุรี สำนักระบายน้ำ โรงเรียนวัดบำเพ็ญเหนือ วัดบำเพ็ญเหนือ

ด้านนางสาวนลินี กาญจนามัย รองผู้ว่าการ (บริหาร) กล่าวว่า นิคมอุตสาหกรรมบางชัน เป็นนิคมอุตสาหกรรมแห่งแรกของ กนอ. ซึ่งดำเนินการพัฒนาลำน้ำที่อยู่ใกล้เคียงกับคลองแสนแสบ และฟื้นฟูคลองแสนแสบมาอย่างต่อเนื่อง ด้วยความร่วมมือเป็นอย่างดีจากกลุ่มจิตอาสาพระราชทานคลองแสนแสบ ภายใต้แผน CSR ของ กนอ.

สำหรับโครงการคลองสวยน้ำใส จิตอาสาพัฒนาคลองแสนแสบ นิคมอุตสาหกรรมบางชันเป็นหนึ่งในโครงการภายใต้โครงการจิตอาสา พัฒนาสิ่งแวดล้อมและคุณภาพชีวิตของประชาชน เพื่อเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสพระราชพิธี มหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ วันที่ 28 กรกฎาคม 2567


สำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม  22 กรกฎาคม 2567

ที่มา: https://www.posttoday.com/smart-life/711316

มหกรรมการแข่งขันกีฬาโอลิมปิก 2024 ณ กรุงปารีสจะไม่ได้เป็นการแข่งกีฬาที่วัดกันแค่เหรียญรางวัลอีกต่อไป แต่ยังวัดความรับผิดชอบของประเทศเจ้าภาพที่มีต่อโลกและสิ่งแวดล้อม โอลิมปิก 2024 ที่จะเปิดฉากขึ้น ณ กรุงปารีส ในวันที่ 26 กรกฎาคมนี้ ทางเจ้าภาพอย่างฝรั่งเศสตั้งเป้าว่าจะลดการสร้างสิ่งปลูกสร้างใหม่ๆ ให้น้อยที่สุดเท่าที่จะทำได้ เนื่องจากฝรั่งเศสเคยเป็นเจ้าภาพการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกมาแล้วสองครั้งในปี 1900 และ 1924 รวมถึงเคยเป็นเจ้าภาพฟุตบอลโลกในปี 1998 ประเทศจึงมีสิ่งอำนวยความสะดวกเกือบทั้งหมดที่จำเป็นอยู่แล้ว และแทนที่จะทุ่มงบไปกับการสร้างสนามกีฬาใหม่ ภาครัฐเลือกที่จะปรับปรุงสิ่งก่อสร้างเดิมที่มีอยู่ราว 95% ให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้นด้วยวัสดุที่ไม่ทำลายสิ่งแวดล้อมและดำเนินการตามข้อตกลงปารีส (Paris Agreement) เพื่อแก้ปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ นอกจากนี้ทางผู้จัดยังให้คำมั่นว่า การแข่งขันกีฬาโอลิมปิก 2024 จะเป็นการแข่งขันที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมากที่สุดเมื่อเทียบกับครั้งก่อนๆ โดยปารีสจะลดการปล่อยคาร์บอนฟุตพรินท์ให้เหลือประมาณ 1.75 ล้านตัน หรือราวครึ่งหนึ่งเมื่อเทียบกับการแข่งขันโอลิมปิกที่ลอนดอน 2012 และริโอ 2016 ซึ่งมีค่าเฉลี่ยอยู่ที่ 3.5 ล้านตันคาร์บอนไดออกไซด์

ขณะที่อดีตรองนายกเทศมนตรีฝ่ายการวางผังเมืองกรุงปารีสให้ความเห็นว่า โอลิมปิกเปรียบเสมือนโอกาสอันดีที่เร่งให้เมืองเกิดการเปลี่ยนผ่านไปสู่ความเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ภาครัฐได้ปรับปรุงพื้นที่สาธารณะ เช่น การทำความสะอาดแม่น้ำแซนครั้งใหญ่ การปลูกต้นไม้ใหม่เพิ่ม 300,000 ต้น ขณะที่ระบบขนส่งสาธารณะก็ถูกปรับปรุงเช่นกัน ไม่ว่าจะเป็น เลนสำหรับจักรยานที่ถูกสร้างขึ้นใหม่ด้วยระยะทางกว่า 250 ไมล์ การขยายเส้นทางรถไฟใต้ดินเพื่ออำนวยความสะดวกการเชื่อมต่อพื้นที่ชานเมืองกับตัวเมือง ฯลฯ ซึ่งหากฝรั่งเศสไม่ได้เป็นเจ้าภาพในการจัดการแข่งขันโอลิมปิกโครงการเหล่านี้อาจใช้เวลานานถึง 10 หรือ 20 ปี นอกจากนี้ ยังมีการใช้วัสดุรีไซเคิลอย่างลูกขนไก่ในการผลิตโต๊ะข้างเตียงในหมู่บ้านนักกีฬา การใช้ขวดพลาสติกรีไซเคิลผลิตเป็นเก้าอี้ในสเตเดี้ยมต่างๆ การปรับปรุงหลังคาสนามกีฬาบางแห่งให้ใช้พลังงานจากโซลาร์เซลล์ ซึ่งถือเป็นการยกระดับมาตรฐานใหม่ในอีเวนท์การแข่งขันกีฬาระดับโลก

หมู่บ้านนักกีฬา กับวัสดุ Eco-Friendly สำหรับหมู่บ้านนักกีฬาในการแข่งขันโอลิมปิก 2024 ทางผู้จัดระบุว่าจะออกแบบให้เป็นย่านเมืองใหม่ใน Saint-Denis ซึ่งเป็นชานเมืองตอนเหนือของกรุงปารีส และจะเป็นผลดีต่อชาวเมืองในท้องถิ่นจากมาตรฐานด้านสิ่งแวดล้อมที่ถูกหยิบมาใช้ในการแข่งขันกีฬาโอลิมปิก 2024 หลังการแข่งขันเสร็จสิ้น หมู่บ้านนักกีฬาราว 1 ใน 3 จะถูกใช้เป็นโครงการบ้านพักของรัฐบาล กระจายอยู่ตามเขตชานเมืองฝั่งเหนือของกรุงปารีส ครอบคลุมพื้นที่ Saint-Ouen, Saint-Denis และ L’Ile Saint Denis โดยโครงการนี้ถูกออกแบบให้เป็นชุมชนคาร์บอนต่ำ ประกอบด้วยอาคาร 82 หลัง เหมาะสำหรับการพักอาศัยในอนาคตที่อุณหภูมิโลกมีแนวโน้มสูงขึ้น รวมถึงออกแบบอาคารให้ส่งเสริมและดูแลความหลากหลายทางชีวภาพ เช่น หลังคาที่ออกแบบมาให้เป็นที่อยู่อาศัยของนกและสัตว์ขนาดเล็ก ภายในโครงการจะมีศูนย์บำบัดน้ำเสียขนาดเล็กที่ทำหน้าที่เก็บและกรองน้ำเสียที่สามารถนำไปใช้สำหรับการเกษตรภายในครัวเรือนได้ นอกจากนี้ ยังมีอาคารกรองน้ำฝนสำหรับการใช้ด้านสุขภัณฑ์ และระบบคัดแยกของเสียเพื่อนำไปแปลงเป็นปุ๋ยต่อไป ประเด็นสำคัญสำหรับการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกฤดูร้อนปีนี้คือ เครื่องปรับอากาศในหมู่บ้านนักกีฬา ที่ถูกออกแบบมาให้ไม่ต้องใช้เครื่องปรับอากาศ เนื่องจากตัวอาคารมีฉนวนกันความร้อนที่มีประสิทธิภาพสูง ซึ่งแตกต่างจากการแข่งขันกีฬาครั้งก่อนๆที่ห้องพักนักกีฬาจะมีเครื่องปรับอากาศอยู่เสมอ อย่างไรก็ตาม ด้วยวิกฤตการณ์การเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศที่ทำให้อุณหภูมิโลกสูงขึ้น ไม่เว้นแม้กระทั่งปารีส ทำให้บางทีมชาติต้องหอบหิ้วเครื่องปรับอากาศแบบพกพามากันเอง ทั้งนี้ นักวิเคราะห์ด้านสิ่งแวดล้อมมองว่า หากโลกต้องการบรรลุเป้าหมาย Net Zero ภายในปี 2050 การจัดการแข่งขันกีฬาระดับโลกทุกรายการจำเป็นต้องมีการพิจารณาแนวทางใหม่อย่างจริงจัง เช่น การกระจายสถานที่จัดงาน จากเดิมที่ผู้ชมหลายล้านคนต้องเดินทางด้วยเครื่องบินเพื่อไปกระจุกตัวในเมืองเมืองเดียว โอลิมปิก 2024 นับเป็นก้าวแรกในการจุดประกายให้โลกเห็นถึงความมุ่งมั่นของฝรั่งเศสในการต่อสู้กับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ และเป็นแรงบันดาลใจให้งานอีเวนท์อื่นๆ ระดับโลก ทั้งยังเป็นบทพิสูจน์ว่ามหกรรมกีฬาขนาดใหญ่สามารถจัดขึ้นควบคู่กับความยั่งยืนได้จริงหรือไม่


สำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม  21 กรกฎาคม 2567

ที่มา : https://mgronline.com/business/detail/9670000061137

ปัจจุบันเรื่องของความยั่งยืน ไม่ได้เป็นเพียงแค่กระแสอีกต่อไป แต่เป็นสิ่งที่ธุรกิจจำเป็นจะต้องให้ความใส่ใจ เพื่อช่วยกันแก้และชะลอปัญหาด้านสิ่งแวดล้อมที่เรากำลังเผชิญในขณะนี้ ซึ่งประเด็นเรื่องความยั่งยืนนี้นับเป็นสิ่งที่ ท็อปกอล์ฟ เมกาซิตี้ ให้ความสำคัญเป็นลำดับแรกๆ ทำให้มีการวางแผนเพื่อสร้างระบบการดำเนินงาน ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม นับตั้งแต่ขั้นตอนออกแบบ และวางแผนเปิดตัว โดยมีโครงการสำคัญได้แก่ “กรีน ทาร์เก็ต” (Green Target) ซึ่งประกอบไปด้วยหัวใจสำคัญ 5 ประการ ได้แก่ อาหารและเครื่องดื่ม ทรัพยากร ชุมชน บุคลากร และ การจัดซื้อจัดจ้าง

ท็อปกอล์ฟ เมกาซิตี้ ไม่ได้ประเมินความยั่งยืนจากการรับรางวัลเพียงเท่านั้น แต่เรายังมุ่งมั่นในการสร้างผลกระทบเชิงบวกต่อสิ่งแวดล้อมอย่างต่อเนื่องไปพร้อมๆ กับการมอบประสบการณ์ที่ยอดเยี่ยมให้ลูกค้าของเรา” คุณทิม โบดา กรรมการผู้จัดการ ท็อปกอล์ฟ ประเทศไทย กล่าว “เราเชื่อว่าการผสมผสานความยั่งยืนเข้ากับทุกสิ่งที่เราทำ จะสามารถสร้างมาตรฐานใหม่ในอุตสาหกรรมอาหารและความบันเทิง รวมถึงสร้างแรงบันดาลใจให้ผู้คน มาร่วมสร้างการเปลี่ยนแปลงไปพร้อมๆ กับเราได้


สำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม  20 กรกฎาคม 2567

ที่มา: https://www.prachachat.net/tourism/news-1610786

การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ร่วมกับ The Cloud จัดเทศกาล Amazing Green Fest 2024 และงานเสวนา The Hotelier 2024 ซึ่งเป็นกิจกรรมที่มุ่งส่งเสริมการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน เชิญชวนการเดินทางท่องเที่ยวอย่างรับผิดชอบ สนับสนุนพันธมิตรที่ดำเนินงานด้านการท่องเที่ยวที่รับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม เพิ่มโอกาสทางธุรกิจและสร้างความเข้าใจเรื่องการกิน – อยู่ กับธรรมชาติอย่างสมดุล โดยงานจะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 15-18 สิงหาคม 2567 ที่พารากอนฮอลล์ ศูนย์การค้าสยามพารากอน กรุงเทพมหานคร

นางสาวฐาปนีย์ เกียรติไพบูลย์ ผู้ว่าการ ททท. เปิดเผยว่า การท่องเที่ยวอย่างยั่งยืนไม่ใช่เทรนด์ หรือการท่องเที่ยวของคนเฉพาะกลุ่มอีกต่อไป แต่เป็นกุญแจแห่งความสำเร็จ และภูมิคุ้มกันระยะยาวของอุตสาหกรรมท่องเที่ยว ที่ ททท. มุ่งเดินหน้าขับเคลื่อนอย่างต่อเนื่อง และพัฒนาแบรนด์ Amazing Thailand ให้เป็นแบรนด์ท่องเที่ยวไทยที่มุ่งสู่ความยั่งยืนบนรากฐานของเสน่ห์ไทยอันเป็นเอกลักษณ์ สอดรับกับยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี ด้านการสร้างความสามารถในการแข่งขัน และแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติฉบับที่ 13 หมุดหมายที่ 2 ประเทศไทย เป็นจุดหมายของการท่องเที่ยวคุณภาพที่เน้นความยั่งยืน

ในการบรรลุเป้าหมายดังกล่าว เบื้องหลังของความสำเร็จคือการผลักดันห่วงโซ่การท่องเที่ยวยั่งยืนให้เติบโตอย่างมีคุณภาพ ประกอบด้วย การปรับเปลี่ยนภาพลักษณ์การท่องเที่ยวไทยไปสู่การท่องเที่ยวที่มีคุณภาพและยั่งยืน (High Value and Sustainability) การให้ความสำคัญกับกลุ่มนักท่องเที่ยวคุณภาพ ใช้จ่ายสูง มีระยะพำนักนาน และมีความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อม และการยกระดับห่วงโซ่อุตสาหกรรมท่องเที่ยว (Shape Supply) ให้มีความพร้อมรองรับนักท่องเที่ยว และผลักดันเกณฑ์มาตรฐานความยั่งยืน ตลอดจนการส่งเสริมเมืองน่าเที่ยว เพื่อให้เกิดการกระจายรายได้อย่างเป็นธรรมและทั่วถึง โดยคาดหวังว่า การจัดงาน Amazing Green Fest 2024 จะจุดประกายให้ผู้มีส่วนได้เสียทั้งในและนอกอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว รวมทั้งนักท่องเที่ยว ตระหนักถึงความจำเป็นที่จะต้องรักษาต้นทุนทางการท่องเที่ยว เข้าใจ และสามารถเชื่อมโยงความสัมพันธ์ของคนและธรรมชาติ เพื่อใช้ชีวิตร่วมกันอย่างสมดุล


สำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม  19 กรกฎาคม 2567

ที่มา: https://www.thairath.co.th/futureperfect/articles/2801656

มติเห็นชอบ กรอบการจัดประชุม TCAC..2024..ช่วงเดือนตุลาคมนี้ ร่วมขับเคลื่อนสู่เป้าหมายความเป็นกลางทางคาร์บอน ในปี 2050 ชูโครงการพระราชดำริ ลดโลกร้อน ร่วมเทิดพระเกียรติฯ ปีมหามงคล วานนี้ (17 ก.ค.) นายจตุพร บุรุษพัฒน์ ปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ปกท.ทส.) เป็นประธานการประชุมคณะอนุกรรมการเฉพาะกิจเตรียมการจัดการประชุมภาคีการขับเคลื่อนการปฏิบัติงานด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศของไทย (Thailand Climate Action Conference : TCAC) ครั้งที่ 1/2567 โดยมีกรมการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและสิ่งแวดล้อม ทำหน้าที่ฝ่ายเลขานุการ และมีอนุกรรมการจากหน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้องเข้าร่วม เพื่อพิจารณาแนวทางการจัดการประชุมภาคี การขับเคลื่อนการปฏิบัติงานด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศของไทย ครั้งที่ 3 หรือ TCAC 2024 ที่จะมีขึ้นในช่วงระหว่างวันที่ 3-4 ตุลาคม 2567 ที่ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ โดยที่ประชุมฯ ได้มีมติเห็นชอบต่อกรอบแนวทางการจัดการประชุม TCAT 2024 เพื่อร่วมกันขับเคลื่อนการดำเนินงานของทุกภาคส่วน ผ่านการมีส่วนร่วม มุ่งสู่เป้าหมายความเป็นกลางทางคาร์บอน (Carbon..Neutrality) ภายในปี ค.ศ. 2050 และเป้าหมายการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net-zero GHG emission) ภายในปี ค.ศ. 2065 โดยมอบหมายให้ฝ่ายเลขานุการติดตามการดำเนินงานด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศในระดับพื้นที่ของสำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัด (ทสจ.) ทั่วประเทศ มานำเสนอเป็นการขับเคลื่อนการดำเนินงานในภาพรวมของประเทศอย่างเป็นรูปธรรม เพื่อนำไปสู่การเสนอความก้าวหน้าของประเทศไทยในการประชุม COP 29 ต่อไป และเพื่อเป็นการเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ 72 พรรษา 28 กรกฎาคม 2567 ที่ประชุมฯ ได้มอบหมายให้ฝ่ายเลขานุการ เพิ่มเติมการนำเสนอโครงการพระราชดำริ และโครงการในพระองค์ของพระบรมวงศานุวงศ์ ด้านการอนุรักษ์ ฟื้นฟู ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ที่เอื้อต่อการดำเนินงานด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ เพื่อร่วมเทิดพระเกียรติและแสดงถึงความจงรักภักดี เป็นจุดเด่นของการจัดงานในปีนี้ด้วย นอกจากนี้ ที่ประชุมฯ ยังได้พิจารณาให้ความเห็นชอบร่างคำสั่งแต่งตั้งคณะทำงานเฉพาะกิจ เตรียมการจัดการประชุมภาคีการขับเคลื่อนการปฏิบัติงานด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศของไทย เพื่อเพิ่มความคล่องตัวในการดำเนินการจัดประชุมให้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ โดยให้เพิ่มเติมผู้แทนจากเครือข่ายคาร์บอนนิวทรัลประเทศไทยในองค์ประกอบของคณะทำงาน เพื่อให้การดำเนินงานเกิดการสื่อสารในวงกว้างสู่เครือข่ายทั่วประเทศ


© 2024 Faculty of Environment and Resource Studies, Mahidol University . All Rights Reserved.