• +662 441 5000
  • This email address is being protected from spambots. You need JavaScript enabled to view it.

ข่าวสิ่งแวดล้อม

สำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม  4 กุมภาพันธ์ 2567

ที่มา https://news.trueid.net/detail/blWnJVBVk77m

บริษัทฯ มีความพร้อมสำหรับเข้าประมูลงานโครงการจัดหาไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนทั้งรอบที่ 2 และรอบที่ 3 หลังจากในปีที่ผ่านมาบริษัทฯ ชนะประมูลงานโครงการจัดหาไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียน รอบที่ 1 เป็นจำนวน 88.66 เมกะวัตต์ ซึ่งการประมูลรอบใหม่นี้ตั้งเป้าหมายจะได้งานราว 100 – 150 เมกะวัตต์ และคาดว่าจะจ่ายไฟฟ้าเข้าระบบเชิงพาณิชย์ หรือ COD (Commercial Operation Date) ในปี 2568

ปี 2567 เรามุ่งมั่นทำธุรกิจอย่างเต็มที่ ทั้งด้าน Wellness รับกระแสการดูแลใส่ใจสุขภาพ เพื่อสร้าง New S-Curveให้บริษัทฯ รวมทั้งเรายังเตรียมทำ M&A โรงไฟฟ้าโซลาร์ และ JV ในงานโครงการโรงไฟฟ้าจากขยะชุมชน พร้อมเดินหน้าลุยธุรกิจ Private PPA และเข้าประมูลงานโครงการจัดหาไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียน รอบที่ 2 และรอบที่ 3เพื่อสร้างรายได้ให้เติบโตอย่าง มั่นคง ควบคู่กับการให้ความสำคัญต่อ ESG อย่างที่สุด

ปัจจุบัน TSE มีกำลังการผลิตเสนอขายรวมกว่า 150 เมกะวัตต์ ซึ่งยังไม่นับรวมกับโครงการจัดหาไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนในรูปแบบ Feed – in Tarif (FT) ปี 2565-2573 ที่บริษัทฯ ชนะประมูล รอบที่ 1 เป็นจำนวนรวม 88.66เมกะวัตต์ ปัจจุบันอยู่ระหว่างการทยอยลงนามในสัญญาซื้อขายไฟฟ้ากับการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคและการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย ซึ่งคาดว่าจะแล้วเสร็จทั้งหมดภายในไตรมาส 1 นี้มา


สำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม  3 กุมภาพันธ์ 2566

ที่มา: https://www.prachachat.net/economy/news-1492915

พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) เปิดเผยว่า หลังจากกรมควบคุมมลพิษ (คพ.) รายงานค่าฝุ่น PM 2.5 พบว่าระยะนี้มีค่าฝุ่นเกินมาตรฐานต่อเนื่องในหลายพื้นที่ โดยเฉพาะ กทม. ปริมณฑล จึงเรียกหารือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อแก้ไขปัญหาเร่งด่วน ให้ฝุ่นเบาบางลงและลดผลกระทบต่อสุขภาพประชาชน

ทีมนักวิชาการจาก คพ. มีข้อเสนอว่า ปัญหาเรื่องฝุ่นในระยะเร่งด่วนสามารถแก้ปัญหาด้วยการทำฝนหลวง ดังนั้นจึงได้ประสานไปยัง ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รมว.เกษตรและสหกรณ์ เพื่อขอให้กรมฝนหลวงและการบินเกษตร ทำฝนหลวง ซึ่ง ร.อ.ธรรมนัส ได้สั่งกรมฝนหลวงและการบินเกษตรเพื่อเตรียมลงมือปฏิบัติการและได้มอบหมายให้ คพ. ประสานกับกรมฝนหลวงฯ เพื่อปฏิบัติการสยบฝุ่น PM 2.5 ร่วมกัน โดย คพ. ต้องชี้เป้าให้กับฝนหลวงฯ ว่าในแต่ละวัน หรือแต่ละสัปดาห์จะมีการเคลื่อนย้ายของฝุ่นไปจังหวัดใดบ้าง เพื่อให้กรมฝนหลวงฯ ประเมินความชื้นและเมฆหรือปัจจัยอื่นที่จะทำให้การทำฝนหลวงได้สำเร็จตามเป้าหมาย

ทั้งนี้ คพ. ได้รายงานให้ทราบว่าช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์นี้ว่า ชาวกทม. – ปริมณฑล จะหายใจกันโล่งขึ้น จากปริมาณฝุ่นเริ่มลดลงเนื่องจากมีลมเข้ามา แต่สถานการณ์ในสัปดาห์หน้าที่น่าเป็นห่วงคือภาคตะวันออกเฉียงเหนือ จะมีค่าฝุ่นเกินมาตรฐานในหลายพื้นที่ ดังนั้นขอให้ประชาชนเฝ้าระวังป้องกันตัว และงดเรื่องการเผาพื้นที่เกษตรกรรมด้วย


สำนักข่าว กรมประชาสัมพันธ์  2 กุมภาพันธ์ 2567

นางสาวตริตาภรณ์ สนใจ นักวิชาการสิ่งแวดล้อมปฏิบัติการ กรมควบคุมมลพิษ (คพ.) กล่าวว่า ค่าฝุ่นละอองขนาดไม่เกิน 2.5 ไมครอน (PM2.5) ในพื้นที่กรุงเทพมหานครและปริมณฑลวันนี้ (2 ก.พ.67) ทุกพื้นที่ปรับตัวลดลงไม่พบสูงในระดับสีแดงแล้ว เนื่องจากอัตราการระบายอากาศดีขึ้น มีลมพัดแรง และอากาศเปิดช่วยลดการสะสมของฝุ่นในระดับใกล้ผิวพื้นลงได้ คาดการณ์จะดีต่อเนื่องไปจนถึงวันที่ 4 กุมภาพันธ์นี้ แต่ยังพบมีบางพื้นที่ยังเกินมาตรฐานในระดับสีส้มเริ่มมีผลกระทบต่อสุขภาพ เช่น แขวงคลองกุ่ม เขตบึงกุ่ม สวนวชิรเบญจทัศ เขตจตุจักร ริมถนนลาดพร้าว ซอยลาดพร้าว 95 เขตวังทองหลาง ริมถนนพหลโยธิน แยก ม.เกษตรศาสตร์ เขตจตุจักร  ต.คลองหนึ่ง อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี ต.ปากน้ำ อ.เมือง จ.สมุทรปราการ ทั้งนี้ หลังวันที่ 8 กุมภาพันธ์ต้องกลับมาเฝ้าระวังอย่างใกล้ชิดอีกครั้งฝุ่นละอองมีแนวโน้มสูงขึ้น เพราะจะเกิดความกดอากาศต่ำและลบสงบ

ส่วนพื้นที่ 17 จังหวัดภาคเหนือค่าฝุ่นยังอยู่ในเกณฑ์มาตรฐาน ยกเว้นบางพื้นที่ทางตอนล่างยังสูงในระดับสีส้ม ส่วนภาพรวมวันนี้พบจุดความร้อน (Hotspot) เพิ่มขึ้นอยู่ที่ 203 จุด เกิดจากการเผาในพื้นที่ป่าและพื้นที่นาข้าว จึงจำเป็นต้องให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดูแลและควบคุมการเผาในพื้นที่โล่งซึ่งเป็นแหล่งกำเนิดของฝุ่นละออง                  

สำหรับประชาชนที่อยู่ในพื้นที่มีฝุ่น PM2.5 เกินมาตรฐานควรเฝ้าระวังสุขภาพ ลดเวลาการทำกิจกรรมกลางแจ้ง หรือใช้อุปกรณ์ป้องกันตนเอง หากมีอาการทางสุขภาพควรปรึกษาแพทย์ โดยสามารถติดตามตรวจสอบสถานการณ์ฝุ่น PM2.5 ได้ทางเว็บไซต์และแอปพลิเคชัน Air4thai และ AirBKK


สำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม  1 กุมภาพันธ์ 2567

ที่มา https://ngthai.com/environment/53706/world-wetlands-day-rewilding/

วันพื้นที่ชุ่มน้ำโลก (World Wetlands Day) และเมื่อเอ่ยถึงคำว่าพื้นที่ชุ่มน้ำ (Wetland) เราก็มักนึกถึงพื้นที่เขียวขจีอันกว้างใหญ่ และเต็มไปด้วยสัตว์ป่าน้อยใหญ่หลากหลายชนิด

อันที่จริงแล้วลักษณะของความเป็นพื้นที่ชุ่มน้ำอยู่ใกล้กับเรามากกว่าที่คิด และหากใครยังนึกไม่ออกให้คิดถึงพื้นที่รกๆแฉะๆ ที่ไม่ไกลจากบ้าน พื้นที่ว่างซึ่งเต็มไปด้วยต้นไม้ที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติ สวนสาธารณะ ไร่ นา ฯลฯ ซึ่งแม้จะไม่ได้มีขนาดใหญ่แต่ก็มีองค์ประกอบของทั้งน้ำและดิน มีทั้งหญ้า ไม้ล้มลุก ไม้พุ่ม ไม้ยืนต้น รวมถึงเป็นที่อยู่อาศัยของสัตว์อย่างแมลง สัตว์เลื้อยคลาน นก ฯลฯ

ความสำคัญของพื้นที่ชุ่มน้ำยังเป็นจุดเชื่อมต่อนิเวศทางน้ำและบกเข้าหากัน เป็นแนวเชื่อมต่อตามธรรมชาติซึ่งความเป็นพื้นที่ซึ่งกระจายตัวไปตรงนั้นตรงนี้ มันสำคัญต่อพวกพืชและสัตว์ที่จะเดินทาง ใช้ชีวิต แพร่พันธุ์กันได้ เปรียบได้กับการเป็นบ้านของสัตว์ระหว่างทาง เช่น นกอพยพซึ่งต้องเดินทางไกลมาก พวกพื้นที่เหล่านี้จึงสำคัญมาก ยิ่งอยู่ในเขตเมืองซึ่งนับวันพื้นที่เช่นนี้เหลือน้อยก็ยิ่งให้ประโยชน์กับสัตว์ในการพักอาศัย

การสร้างพื้นที่ชุ่มน้ำในความหมายของการรื้อฟื้น ‘ป่าในเมือง’ จึงเป็นแนวทางที่ทั่วโลกกำลังให้ความสนใจ และแน่นอนว่าคำว่าป่าไม่ใช่การยกป่าดงดิบเขียวชอุ่มมาไว้กลางเมืองใหญ่ แต่คือการฟื้นระบบนิเวศเดิมให้กลับมาแข็งแรงอีกครั้ง สามารถทำได้ตั้งแต่ระดับหน่วยย่อยบุคคลหรือครอบครัว อาทิ การเลือกปลูกพืชพรรณท้องถิ่นไว้ในสวนหรือระเบียงบ้าน ก็ช่วยให้ระบบนิเวศดั้งเดิมของเมืองใหญ่ค่อยๆ ปรับสมดุลกลับมาเป็นที่พำนักอาศัยให้กับสิ่งมีชีวิตน้อยใหญ่


สำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม  31 มกราคม 2567

ที่มา: https://www.bangkokbiznews.com/environment/1110844

นายพิเศษ ดิศวัฒน์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ ดูแลฝ่ายธุรกิจสิ่งแวดล้อม บริษัท ล็อกซเล่ย์ จำกัด (มหาชน) และ มร.จู๊ด เชาว์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท AEL (International Holdings) ร่วมลงนามบันทึกความเข้าใจความร่วมมือด้านนวัตกรรมเปลี่ยนเศษอาหารเป็นพลังงานชีวมวล ก๊าซชีวภาพ และกากอาหารสัตว์ เพื่อขับเคลื่อนสิ่งแวดล้อมและชุมชนอย่างยั่งยืน โดยมี นายภัทร พจน์พานิช รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายธุรกิจเน็ตเวิร์คโซลูชั่นส์ บมจ.ล็อกซเล่ย์ และ มร.สตีฟ ชวง ประธานสมาพันธ์อุตสาหกรรมฮ่องกง (FHKI) ให้เกียรติเป็นสักขีพยานภายในงาน “Thai – Hong Kong Business Forum” จัดโดยสมาพันธ์อุตสาหกรรมฮ่องกง (FHKI) และสมาคมการค้าไทย-ฮ่องกง (THKTA) ณ โรงแรมเชอราตัน แกรนด์ สุขุมวิท

นายพิเศษเผยว่า บริษัทมองว่าขยะอาหาร (Food Waste) จากแหล่งต่าง ๆ อาทิ ฟู้ดคอร์ท ศูนย์อาหาร ร้านอาหารขนาดใหญ่ มีจำนวนมหาศาลในแต่ละวัน หากถูกนำไปกำจัดอย่างไม่เหมาะสม ย่อมส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมในระยะยาว และเพื่อไม่ให้ขยะอาหารถูกทิ้งอย่างสูญเปล่า จึงนำมาสู่การผนึกความร่วมมือระหว่าง ล็อกซเล่ย์ และ AEL ในการวิจัยและพัฒนาด้านนวัตกรรมเปลี่ยนเศษอาหารเป็นพลังงานชีวมวล ก๊าซชีวภาพ และกากอาหารสัตว์ เพื่อช่วยลดการสูญเสียทรัพยากร ลดปัญหาสิ่งแวดล้อม และชุมชนอย่างยั่งยืน


สำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม  30 มกราคม 2567

ที่มา: https://www.thairath.co.th/news/sustainable/2759105

ยังคงเป็นปัญหาที่หลายคนเคยเจอ เมื่ออยากช่วย “รักษ์โลก” ด้วยการเก็บ “ขยะรีไซเคิล” แต่ดันไม่รู้จะนำไปขายที่ไหน จนบางครั้งทำให้เกิดปัญหารกบ้าน หรือบางครอบครัวไม่มีรถใหญ่ที่จะขนขยะชิ้นใหญ่ๆ อาทิ เฟอร์นิเจอร์, เตียง, ที่นอน ไปขาย จนบางครั้งต้องยอมตัดใจทิ้งของเหล่านั้นไปเลยเพื่อจบปัญหา แม้แต่ผู้ประกอบการไม่ว่าจะขนาดใหญ่หรือขนาดเล็กต่างให้ความสำคัญกับบรรจุภัณฑ์ ซึ่งถือว่ามีความสำคัญอย่างมากทั้งในด้านของความสะดวกสบายในการใช้งาน การขนส่ง รวมไปถึงเรื่องดีไซน์ที่ออกแบบให้ดึงดูดความสนใจของผู้บริโภค โดยเฉพาะบรรจุภัณฑ์อาหารและเครื่องดื่มที่ใช้ในชีวิตประจำวัน เช่น ขวดน้ำพลาสติก, กล่องนม, ถุงขนม ที่หลายคนซื้อมาแล้วทิ้งไปกลายเป็นขยะ ส่งผลเสียต่อสิ่งแวดล้อม PRO-Thailand Network หรือเครือข่ายองค์กรความร่วมมือจัดการบรรจุภัณฑ์อย่างยั่งยืน จับมือกับ เพจลุงซาเล้งกับขยะที่หายไป จัดโครงการ “คัดแยก ส่งคืน ฟื้นโลก” ชวนคนไทยร่วมใส่ใจดูแลสิ่งแวดล้อม เริ่มต้นง่ายๆ ในชีวิตประจำวันเพียงคัดแยก และส่งคืนบรรจุภัณฑ์ใช้แล้ว 3 ประเภท คือ ขวดพลาสติก PET..กล่องเครื่องดื่มยูเอชที และถุงบรรจุภัณฑ์ชนิดอ่อน (MLP)..เพื่อช่วยลดปัญหาขยะและส่งเสริมการรีไซเคิลในวงกว้าง  โครงการ “คัดแยก ส่งคืน ฟื้นโลก” กับ PRO-Thailand Network เริ่มตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม ถึง 28 กุมภาพันธ์ 2567 ประชาชนผู้สนใจสามารถเข้าร่วมโครงการโดยคัดแยกบรรจุภัณฑ์ใช้แล้ว 3 ประเภท ตามวิธีการแยกบรรจุภัณฑ์ใช้แล้วจากทางโครงการ และลงทะเบียนผ่านแอปพลิเคชัน Green2Get เลือกกิจกรรม “คัดแยก ส่งคืน ฟื้นโลก” กับ PRO-Thailand Network เพิ่มวัสดุเข้าร่วมโครงการ พร้อมลุ้นรับรางวัล ทั้งนี้ บรรจุภัณฑ์ใช้แล้วที่ส่งมายังโครงการ จะถูกนำไปรีไซเคิลหรือใช้ประโยชน์อย่างเหมาะสม ถือเป็นเป้าหมายหลักของโครงการ เพื่อร่วมขับเคลื่อนการจัดการบรรจุภัณฑ์อย่างยั่งยืนของประเทศไทย


สำนักข่าว กรมปราะชาสัมพันธ์  29 มกราคม 2567

นายศักดา ตรีเดช ผู้อำนวยการส่วนนวัตกรรมคุณภาพอากาศและเสียง กรมควบคุมมลพิษ (คพ.) กล่าวว่า ค่าฝุ่นละอองขนาดไม่เกิน 2.5 ไมครอน (PM2.5) ในพื้นที่กรุงเทพมหานครและปริมณฑลวันนี้ (29 ม.ค.67) ทุกพื้นที่ปรับตัวสูงขึ้นส่วนใหญ่อยู่ในระดับสีส้มเริ่มมีผลกระทบต่อสุขภาพ เนื่องจากเกิดความกดอากาศต่ำ อัตราการระบายอากาศไม่ดี และลมสงบ โดยฝุ่นจะมีแนวโน้มสูงขึ้นช่วง 1-2 วันนี้ ทำให้ต้องเฝ้าระวังเป็นพิเศษ จากนั้นหลังวันที่ 31 มกราคมจะเริ่มดีขึ้น เพราะมีลมพัดแรงช่วยลดการสะสมของฝุ่นละอองลงได้

ส่วนพื้นที่ 17 จังหวัดภาคเหนือ ค่าฝุ่นปรับตัวลดลงอยู่ในเกณฑ์มาตรฐาน ยกเว้นจังหวัดตากค่าฝุ่นยังสูงในระดับสีส้ม ส่วนภาพรวมวันนี้พบจุดความร้อน (Hotspot) อยู่ที่ประมาณ 200 จุด ซึ่งยังพบการเผาในพื้นที่นาข้าวและพื้นที่ป่าสูงสุด จึงจำเป็นต้องให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดูแลและควบคุมการเผาในพื้นที่โล่งซึ่งเป็นแหล่งกำเนิดของฝุ่นละอองสำหรับประชาชนที่อยู่ในพื้นที่มีฝุ่น PM2.5 เกินมาตรฐานควรเฝ้าระวังสุขภาพ ลดเวลาการทำกิจกรรมกลางแจ้ง หรือใช้อุปกรณ์ป้องกันตนเอง หากมีอาการทางสุขภาพควรปรึกษาแพทย์ โดยสามารถติดตามตรวจสอบสถานการณ์ฝุ่น PM2.5 ได้ทางเว็บไซต์และแอปพลิเคชัน Air4thai และ AirBKK 


สำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม  28 มกราคม 2566

ที่มา: https://www.bangkokbiznews.com/environment/1109632

นายธัชชญาน์พล อภิมนต์เตชบุตร รองอธิบดีกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ เปิดเผยว่า คณะผู้แทนไทยเข้าร่วมการประชุมเจ้าหน้าที่อาวุโสเศรษฐกิจอาเซียน (Senior Economic Officials Meeting: SEOM) ครั้งที่ 1/55 และการประชุมอื่นที่เกี่ยวข้อง ระหว่างวันที่ 18-21 ม.ค. ณ นครหลวงเวียงจันทน์ สปป. ลาว ซึ่งการประชุมครั้งนี้ อาเซียนเตรียมชูยุทธศาสตร์สำคัญที่ใช้ขับเคลื่อนเศรษฐกิจในปีนี้ ภายใต้สปป. ลาว ในฐานะประธานอาเซียน โดยจะเสนอรัฐมนตรีเศรษฐกิจอาเซียนให้ความเห็นชอบ ในการประชุมรัฐมนตรีเศรษฐกิจอาเซียนอย่างไม่เป็นทางการ ครั้งที่ 30 ซึ่งจะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 8 – 9 มี.ค. นี้ ณ แขวงหลวงพระบาง สปป.ลาว

สำหรับยุทธศาสตร์แรก เน้นเสริมสร้างการรวมกลุ่มทางเศรษฐกิจ และเชื่อมโยงเศรษฐกิจของภูมิภาคกับห่วงโซ่อุปทานโลก ผ่าน 4 โครงการ อาทิ เร่งรัดการเจรจายกระดับความตกลงการค้าเสรีอาเซียน – จีน ผลักดันความตกลงการค้าเสรีอาเซียน-ออสเตรเลีย-นิวซีแลนด์ และเตรียมการยกระดับความตกลงด้านทรัพย์สินทางปัญญาของอาเซียน ซึ่งจะช่วยส่งเสริมขีดความสามารถทางการแข่งขันของอาเซียนให้พร้อมกับการค้ายุคใหม่ ขณะที่อีก 4 โครงการภายใต้ยุทธศาสตร์ที่สอง จะช่วยนำร่องการเข้าสู่เศรษฐกิจดิจิทัล โดยอาเซียนจะปรับปรุงระบบศุลกากรอิเล็กทรอนิกส์ ณ จุดเดียว ให้เป็นรูปแบบใหม่ที่สามารถเชื่อมโยงแพลตฟอร์มทางการค้าใหม่ ๆ เข้ากับระบบปัจจุบัน เพื่อเพิ่มความสะดวกทางการค้าให้มากขึ้น

นอกจากนี้ ยุทธศาสตร์ด้านความยั่งยืน จะมี 6 โครงการ อาทิ การจัดทำแนวทางการลดผลกระทบการเผาซากพืชผลทางการเกษตรของอาเซียน และการจัดทำแผนปฏิบัติการอาเซียนด้านเกษตรกรรมที่ยั่งยืน ซึ่งคาดว่าจะช่วยลดผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมและมลภาวะทางอากาศในภูมิภาค รวมทั้งจะส่งเสริมการเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศสมาชิกด้วยการลดช่องว่างการพัฒนาระหว่างประเทศสมาชิก เพื่อการเติบโตทางเศรษฐกิจที่ยั่งยืน

นางสาวโชติมา เอี่ยมสวัสดิกุล อธิบดีกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ กล่าวว่า ในส่วนความคืบหน้าการเจรจาจัดทำ FTA ไทย – สหภาพยุโรป (อียู) รอบที่ 2 ระหว่างวันที่ 22 – 26 ม.ค. 2567 ณ กรุงเทพฯ จะมีการประชุมกลุ่มย่อยระดับผู้เชี่ยวชาญ 19 คณะ ครอบคลุมประเด็นต่าง ๆ  เช่น การค้าสินค้า กฎถิ่นกำเนิดสินค้า พิธีการศุลกากรและการอำนวยความสะดวกทางการค้า อุปสรรคทางเทคนิคต่อการค้า  การจัดซื้อจัดจ้างโดยรัฐ  การค้าและการพัฒนาที่ยั่งยืน   โดยทั้งสองฝ่ายจะร่วมแลกเปลี่ยนข้อมูลเพิ่มเติม สร้างความเข้าใจเพิ่มขึ้น และจะหารือลงไปในรายละเอียดของแต่ละประเด็น


© 2024 Faculty of Environment and Resource Studies, Mahidol University . All Rights Reserved.