สำนักข่าว กรมประชาสัมพันธ์ 13 พฤศจิกายน 2565
ประเทศไทย พร้อมสนับสนุนทุกประเทศรับมือปัญหาโลกร้อนและการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ โดยจะนำเสนอการดำเนินงานด้านการลดก๊าซเรือนกระจกตามกรอบอนุสัญญาฯและความตกลงปารีสต่อที่ประชุม COP 27
นายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กล่าวว่า การประชุมรัฐภาคีกรอบอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ สมัยที่ 27 (COP 27) และการประชุมอื่นที่เกี่ยวข้อง ณ เมืองชาร์ม-เอล-เชค สาธารณรัฐอาหรับอียิปต์ ครั้งนี้ จะเป็นการติดตามความคืบหน้าการวางแผนดำเนินการตามคำมั่นสัญญาจากเวทีการประชุม COP 26 เมื่อปี 2564 ที่ตกลงภายในสิ้นปีนี้ประเทศต่างๆจะต้องตีพิมพ์แผนงานที่จะบรรลุเป้าหมายร่วมกันจำกัดการเพิ่มอุณหภูมิเฉลี่ยของโลกไม่ให้เพิ่มขึ้นเกิน 1.5 - 2 องศาเซลเซียสให้ได้ในปี 2643 โดยจะเริ่มประชุมในระดับผู้นำในวันที่ 14 พฤศจิกายนนี้ ในส่วนของประเทศไทยพร้อมสนับสนุนการเจรจาภายใต้กรอบอนุสัญญาฯและความตกลงปารีส เพื่อประโยชน์ร่วมกันของประชาคมโลก ที่สำคัญไทยจะนำเสนอผลการดำเนินงานด้านการลดก๊าซเรือนกระจกและแผนรับมือการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศที่ได้ทำมาตลอด 1 ปี ตั้งแต่วันที่ 1 พฤศจิกายน 2564 จนถึงปัจจุบัน รวมถึง การที่ไทยจะก้าวสู่การปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ในปี 2065 และเป้าหมายความเป็นกลางทางคาร์บอนภายในปี 2050 ต่อที่ประชุม COP 27 เพื่อแสดงให้เห็นถึงความจริงจังและก้าวหน้าของมาตรการและแผนการแก้ปัญหาโลกร้อนของไทย ทั้งแผนระยะสั้นและแผนระยะยาวที่เห็นภาพชัดเจน
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กล่าวย้ำว่า ปีนี้ที่ประชุม COP 27 จะมุ่งเน้นการเร่งดำเนินงานให้บรรลุเป้าหมายการลดก๊าซเรือนกระจก ยกระดับงานด้านการปรับตัวต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ การสนับสนุนด้านการเงินเพื่อนำไปสู่การบรรลุเป้าหมายภายใต้กรอบอนุสัญญาฯและความตกลงปารีส เพราะการเปลี่ยนผ่านที่เป็นธรรมมีความสำคัญสำหรับประเทศกำลังพัฒนา โดยเฉพาะการพิจารณาแผนงานเป้าหมายของโลกด้านการปรับตัวกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ เพื่อยกระดับการดำเนินงานและการสนับสนุนด้านการปรับตัวฯให้กับประเทศภาคีสมาชิก เรื่องการสูญเสียและความเสียหาย เรื่องกลไกสนับสนุนทางการเงิน เพื่อมาใช้ดำเนินงานด้านการสูญเสียและความเสียหายขึ้นเป็นครั้งแรก