ปัญหาด้านสิ่งแวดล้อมเป็นปัญหาใหญ่ที่มีผลกระทบในวงกว้างโดยเฉพาะปัญหาด้านการจัดการขยะอินทรีย์ทั้งแบบเหลือทำและเหลือทานที่มีสัดส่วนมากกว่าร้อยละ 60 ของปริมาณขยะมูลฝอยจากครัวเรือน ชุมชน และสถานประกอบการ ในจำนวนนี้มีขยะอินทรีย์จำนวนมากถูกทิ้งปะปนกับขยะประเภทอื่นๆ ทำให้การจัดการขยะในภาพรวมไม่มีประสิทธิภาพ ทำให้เกิดผลกระทบทั้งต่อสังคม เศรษฐกิจ และสิ่งแวดล้อม ดังนั้นทางคณะผู้วิจัยจึงได้พัฒนาเครื่องกำจัดขยะอินทรีย์ภายในครัวเรือน (อนุสิทธิบัตร เลขที่ 7860) เพื่อเป็นการส่งเสริมให้ประชาชนได้เข้ามามีส่วนร่วมในการจัดการขยะ ณ ต้นทาง เพื่อลดปริมาณของเสียประเภทอาหาร และของเสียที่ต้องนำไปยังหลุมฝังกลบ อีกทั้งยังเป็นการลดภาระและงบประมาณในการจัดการของส่วนกลาง เพื่อมุ่งสู่วัฒนาธรรมการบริโภคอย่างยั่งยืน อีกทั้งการจัดการขยะอินทรีย์ที่ต้นกำเนิดโดยเฉพาะอาหารที่เหลือทิ้งและเศษอาหารจากการเตรียมจากบ้านเรือนจะทำให้สัดส่วนของขยะอินทรีย์ปนเปื้อนเข้าไปสู่ระบบการรวบรวมและจัดการขยะของส่วนกลางหรือเทศบาลลดลงอย่างมีนัยสำคัญ
การดำเนินการ
เครื่องกำจัดขยะอินทรีย์ภายในครัวเรือนมีหลักการทำงาน โดยมีการเติมอากาศในระหว่างการย่อยสลาย เพื่อเร่งกระบวนการย่อยสลายของจุลินทรีย์ ซึ่งเป็นจุลินทรีย์ที่ใช้อากาศให้มากเกินพอ และเป็นการลดความร้อนในระบบ ทำให้เกิดการถ่ายเทอากาศในระบบ และยังมีระบบการกวนผสมระหว่างขยะอินทรีย์ และ bulking agent ตลอดระยะเวลาการย่อยสลายเพื่อเพิ่มพื้นที่สัมผัสระหว่างจุลินทรีย์กับbulking agents ส่งผลให้การกำจัดขยะอินทรีย์เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ โดยสามารถย่อยสลายขยะอินทรีย์ได้ภายในระยะเวลา48 ชั่วโมง โดยเครื่องนี้จะเป็นอุปกรณ์ที่จะช่วยให้ประชาชน และชุมชน เข้ามามีส่วนร่วมในการจัดการขยะอินทรีย์ ณ ต้นทาง และส่งผลดีต่อการจัดการสิ่งแวดล้อมในภาพรวมต่อไป
โดยเครื่องกำจัดขยะอินทรีย์ภายในครัวเรือน สามารถทำงานได้โดย นำขยะอินทรีย์ที่ผ่านการกรองเอาน้ำออกบางส่วนแล้วเข้าเครื่องโดยผ่านทางฝาเปิดเพื่อนำขยะเข้าซึ่งจะอยู่บริเวณด้านบนของเครื่อง บริเวณกึ่งกลางภายในตัวเครื่องกำจัดขยะอินทรีย์ภายในครัวเรือนจะมีแกนหมุนที่ซึ่งมีแกนสำหรับกวนผสมยึดติดอยู่ โดยแกนหมุนจะทำงานได้โดยได้กำลังมาจากมอเตอร์ ทำหน้าที่กวนเพื่อให้ขยะผสมกับวัสดุที่ใช้เพื่อให้จุลินทรีย์ยึดเกาะ ที่ซึ่งสามารถเลือกได้จาก ส่วนผสมของขี้เลื่อย และมีการเติมอากาศโดยใช้ปั๊มลมขนาดเล็กต่อท่อผ่านไปยังแกนหมุนที่มีลักษณะเป็นท่อกลวง โดยอากาศจะถูกเติมเข้าไปในระบบผ่านทางปลายท่อเพื่อช่วยทำให้เกิดการเติมอากาศขณะการย่อยสลาย ทำให้กระบวนการย่อยสลายเกิดขึ้นอย่างมีประสิทธิภาพ โดยสามารถนำขยะที่ผ่านการย่อยสลายแล้วออกทางฝาเปิดด้านบน โดยตัวเครื่องกำจัดขยะอินทรีย์ภายในครัวเรือนสามารถติดตั้งในตำแหน่งพื้นที่ร่มและอากาศถ่ายเทสะดวก
ผลการดำเนินงาน
ปัจจุบันนวัตกรรมนี้ได้มีการผลิตและจำหน่ายโดยบริษัท เอ็นไวสมาร์ทเทค จำกัด ซึ่งเริ่มผลิตและจำหน่ายตั้งแต่ปี พ.ศ. 2562 ปัจจุบันจำหน่ายไปแล้วกว่า200 เครื่อง โดยมีการจำหน่ายให้กับกลุ่มครัวเรือน ผู้ประกอบการร้านค้า ร้านอาหาร ที่พักอาศัย หน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน วัด รวมถึงสถานศึกษาที่สนใจ และเล็งเห็นถึงความสำคัญของการแยกขยะอินทรีย์ออกจากขยะประเภทอื่นๆ ที่สามารถรีไซเคิลได้ โดยการเปลี่ยนขยะอินทรีย์ให้กลายเป็นวัสดุปลูกที่สามารถนำไปใช้ประโยชน์ต่อได้ ซึ่งเป็นการลดปริมาณขยะที่จะถูกลำเลียงไปยังหลุมฝังกลบได้อย่างมีประสิทธิภาพ
การนำไปใช้ประโยชน์
ปัจจุบันทาง บริษัท เอ็นไวสมาร์ทเทค จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทที่ได้รับสิทธิ์ในการผลิตและจำหน่ายเครื่องย่อยขยะอินทรีย์ในเชิงพาณิชย์ ได้ทำการผลิตเครื่องย่อยขยะอินทรีย์ออกมาหลายขนาดเพื่อตอบโจทย์ความต้องการและข้อจำกัดด้านพื้นที่ของผู้บริโภค ซึ่งประกอบด้วย เครื่องย่อยขยะอินทรีย์ขนาด 20, 35, 60 และ120 ลิตร
จากข้อมูลการผลิตและจำหน่ายในเชิงพาณิชย์ สามารถสรุปกลุ่มลูกค้าที่ให้ความสนใจในการนำเครื่องย่อยขยะอินทรีย์ไปใช้เพื่อจัดการขยะอินทรีย์ ดังนี้
- ครัวเรือน: สำหรับภาคครัวเรือนได้ให้ความสนใจในการนำเครื่องกำจัดขยะอินทรีย์ไปใช้ในการจัดการขยะเป็นจำนวนมาก เนื่องจากผู้บริโภคไม่เพียงแต่จะสามารถจัดการกับขยะอินทรีย์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ แต่ยังได้ผลพลอยได้เป็นวัสดุปลูกที่สามารถนำไปใช้ประโยชน์ต่อได้ด้วยเช่นกัน
- หน่วยงานภาครัฐ: องค์การบริหารส่วนจังหวัดสมุทรสาคร, องค์การบริหารส่วนตำบลบางปลา, ศูนย์ราชการจังหวัดนนทบุรี, วัดถ้ำกระบอก, ศูนย์พุทธศาสตร์ศึกษา โดยทางหน่วยงานภาครัฐได้มีการนำไปใช้ภายในหน่วยงาน และมีการจัดฝึกอบรมการประกอบเครื่องเพื่อให้ประชาชนได้เข้ามามีส่วนร่วม และได้นำไปใช้งานเพื่อให้เกิดการจัดการขยะอินทรีย์ที่มีประสิทธิภาพและยั่งยืน
- สถานศึกษา: สถานศึกษาได้ให้ความสนใจในการนำเครื่องย่อยขยะอินทรีย์ไปใช้ในการจัดการกับขยะเศษอาหารที่เหลือทิ้งจากการรับประทานอาหารของโรงอาหารส่วนกลาง ไม่เพียงแต่จะสามารถจัดการกับขยะอินทรีย์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ แต่ยังเป็นการเพิ่มโอกาสในการเรียนรู้ให้กับทั้งครูและนักเรียน ที่ได้เข้ามามีส่วนร่วมในการจัดการ การเปลี่ยนรูปขยะให้สามารถนำไปใช้ประโยชน์ต่อได้
- สถานประกอบการประเภทร้านอาหาร: สถานประกอบการประเภทร้านอาหารที่ตั้งอยู่ในแหล่งท่องเที่ยวสำคัญๆของประเทศไทย ได้ให้ความสนใจในการนำเครื่องย่อยขยะอินทรีย์ไปใช้ในการจัดการขยะอินทรีย์ที่ขยะอินทรีย์หลักๆมาจากกระบวนการเตรียมอาหาร เพื่อสามารถเปลี่ยนรูปขยะอินทรีย์ให้กลายเป็นวัสดุปลูก หรือธาตุอาหารให้กับพืชได้ด้วยเช่นกัน
|