สำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม 9 พฤษภาคม 2567
ที่มา: https://www.dcce.go.th/news/view_public.aspx?p=18150
กรมการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและสิ่งแวดล้อม (สส.) กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) ร่วมลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือทางวิชาการ กับ คณะสาธารณสุขศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล สร้างความร่วมมือ เสริมสร้างศักยภาพบุคคลากร พัฒนาการความรู้ทางวิชาการ และงานวิจัยด้านการจัดการการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศของประเทศ เสริมสร้างสุขภาวะที่ดีให้แก่สังคมไทย โดยมี ดร.พิรุณ สัยยะสิทธิ์พานิช อธิบดีกรมการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและสิ่งแวดล้อม และ ศาสตราจารย์นายแพทย์บรรจง มไหสวริยะ อธิการบดีมหาวิทยาลัยมหิดล ลงนามบันทึกข้อตกลงร่วมกัน
ดร.พิรุณ สัยยะสิทธิ์พานิช อธิบดีกรม สส.ทส. กล่าวว่า ปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศทวีความรุนแรงขึ้นอย่างมีนัยสำคัญในระดับโลก เช่น การเกิดพายุภัยพิบัติธรรมชาติที่รุนแรงขึ้น การสูญเสียความหลากหลายทางชีวภาพ และประเทศไทยกำลังเผชิญกับความร้อนที่สุดขั้วในช่วงฤดูร้อนนี้ จึงได้มีความพยายามที่จะรับมือกับความเสี่ยงและการป้องกันความเสียหาย ทั้งต่อประชาชน ระบบเศรษฐกิจ สังคม ระบบนิเวศ และพร้อมจะยกระดับการดำเนินการเพื่อมุ่งสู่การบรรลุเป้าหมายความเป็นกลางทางคาร์บอนและการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ ซึ่งการที่จะบรรลุเป้าหมายนั้น จำเป็นต้องสร้างความเข้มแข็งและความร่วมมือทุกภาคส่วน โดยการลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือทางวิชาการกับมหาวิทยาลัยมหิดลที่มีผู้เชี่ยวชาญการวิจัยทั้งด้านวิทยาศาสตร์ ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ด้านสาธารณสุขศาสตร์ อีกทั้งสหสาขาวิชาทางเทคโนโลยี จะช่วยกันส่งเสริม สนับสนุน พัฒนาการศึกษา วิจัยและความรู้ทางวิชาการในด้านการจัดการการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและสิ่งแวดล้อมให้เกิดผลประโยชน์สูงสุดต่อสังคมและประเทศชาติต่อไป
ด้านศาสตราจารย์ นายแพทย์บรรจง มไหสวริยะ อธิการบดีมหาวิทยาลัยมหิดล กล่าวว่า ในปี 2566 – 2567 ที่ผ่านมาเกิดการสุดขั้วของสภาพอากาศที่ถี่ขึ้นและรุนแรงขึ้น ทำให้บั่นทอนการพัฒนามนุษย์และก่อให้เกิดความเหลื่อมล้ำทางสังคมมากขึ้น โดยมหาวิทยาลัยมหิดล พร้อมรับมือกับความเปลี่ยนแปลงและยกระดับการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้บรรลุวิสัยทัศน์และพันธกิจหลักในการสร้างความเป็นเลิศทางด้านสุขภาพ ศาสตร์ ศิลป์ และนวัตกรรมบนพื้นฐานของคุณธรรม ก้าวไปสู่การเป็นหนึ่งในร้อยมหาวิทยาลัยที่ดีที่สุดระดับโลก (World Class University) โดยการนำเป้าหมายการพัฒนาอย่างยั่งยืน Sustainable Development Goals – SDGs มาเป็นส่วนหนึ่งในการขับเคลื่อนมหาวิทยาลัย การลงนามความร่วมมือในวันนี้ จะเป็นก้าวสำคัญในการร่วมพัฒนาศักยภาพภาคีเครือข่ายความร่วมมือด้านวิชาการ และเสริมสร้างสุขภาวะที่ดีของคนในสังคมเพื่อการพัฒนาอย่างยั่งยืนต่อไป