การประเมินปริมาณคาร์บอนสะสมด้วยอากาศยานไร้คนขับในแปลงป่าสักที่ดูแล โดยศูนย์เครือข่ายการเรียนรู้เพื่อภูมิภาค จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย จังหวัดสระบุรี
Keywords:
คาร์บอนสะสม, โฟโตแกรมเมตรี, มวลชีวภาพ, สมการแอลโลเมตรี, อากาศยานไร้คนขับAbstract
ประเทศไทยกาหนดเป้าหมายความเป็นกลางทางคาร์บอนภายในปี ค.ศ. 2050 เพื่อร่วมแก้ไขปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศกับนานาประเทศ มาตรการหนึ่งคือการใช้ระบบนิเวศป่าไม้ที่สามารถดูดซับก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ได้ ซึ่งจาเป็นต้องมีการติดตามปริมาณคาร์บอนสะสมและการเพิ่มพูนคาร์บอนสะสมในต้นไม้ อย่างไรก็ตาม วิธีการศึกษาแบบดั้งเดิมต้องใช้งบประมาณ แรงงาน และเวลามาก ปัจจุบัน มีการนาอากาศยานไร้คนขับ (Unmanned Aerial Vehicle: UAV) มาใช้เพื่อลดข้อจากัดดังกล่าว งานวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อเปรียบเทียบปริมาณคาร์บอนสะสมจากวิธีการศึกษาแบบดั้งเดิม และวิธีการใช้ UAV ในแปลงต้นสักอายุ 3 ปี ที่ดูแลโดยศูนย์เครือข่ายการเรียนรู้เพื่อภูมิภาค จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย จังหวัดสระบุรี การศึกษาทาโดยวางแปลงศึกษาภาคสนามในพื้นที่ 15 ไร่ บันทึกความสูง และเส้นผ่านศูนย์กลางระดับอก (Diameter at Breast Height: DBH) แล้วนามาสร้างสมการความสัมพันธ์ระหว่างความสูงและ DBH จากนั้นคานวณมวลชีวภาพเหนือและใต้พื้นดินโดยใช้สมการแอลโลเมตรี แล้วหาค่าปริมาณคาร์บอนสะสม สาหรับวิธีการ UAV ทาโดยการถ่ายภาพถ่ายทางอากาศ จากนั้นนามาสร้างแบบจาลองความสูงสิ่งปกคลุมเชิงเลข (Digital Surface Model: DSM) และแบบจาลองความสูงภูมิประเทศเชิงเลข (Digital Terrain Model: DTM) แล้วนามาสร้างแบบจาลองความสูงทรงพุ่ม (Canopy Height Model: CHM) เพื่อหาความสูงของต้นไม้ และนามาประมาณค่า DBH ด้วยสมการความสัมพันธ์ระหว่างความสูงกับ DBH ที่สร้างขึ้น ผลการศึกษาพบว่าปริมาณคาร์บอนสะสมจากทั้งสองวิธีมีความแตกต่างกันอย่างมีนัยสาคัญทางสถิติที่ระดับความเชื่อมั่น 95% โดยวิธีการวางแปลงภาคสนาม มีค่าเท่ากับ 12.1 กิโลกรัมคาร์บอน/ไร่ และวิธีการ UAV มีค่าเท่ากับ 7.9 กิโลกรัมคาร์บอน/ไร่
