การศึกษาผลกระทบของค่าความเค็มในน้ำต่อการเกิดสารพลอยได้กลุ่มไอโอโดไตรฮาโลมีเทน
Keywords:
ไอโอไดด์, ไอโอโดไตรฮาโลมีเทน, ค่าความเค็ม, สารพลอยได้จากการฆ่าเชื้อโรค, คุณภาพน้ำประปาAbstract
การศึกษานี้มีวัตถุประสงค์เพื่อวิเคราะห์ผลกระทบของค่าความเค็มในน้ำต่อการเกิดสารพลอยได้การเกิดสารพลอยได้จากการฆ่าเชื้อโรคกลุ่มไอโอโดไตรฮาโลมีเทนซึ่งเป็นสารประกอบที่เกิดขึ้นระหว่างกระบวนการฆ่าเชื้อในระบบผลิตน้ำประปาได้แก่ ไดคลอโรไอโอโดมีเทน (DCIM) โบรโมคลอโรไอโอโดมีเทน (BCIM) และไตรไอโอโดมีเทน (TIM) เป็นกลุ่มสารที่มีความเสี่ยงต่อสุขภาพเนื่องจากมีความเป็นพิษเมื่อเทียบกับสารในกลุ่มไตรฮาโลมีเทนอื่น ๆ โดยในการวิเคราะห์นั้นจะใช้น้ำตัวอย่างจากโรงผลิตน้ำประปาในเขตกรุงเทพมหานคร โดยจะนำน้ำมาจากคลองประปา น้ำหลังตกตะกอน น้ำหลังกรอง และน้ำที่จ่ายจากท่อประปาพารามิเตอร์ทั่วไปที่วิเคราะห์คุณภาพน้ำมีดังนี้ ความเป็นกรด-ด่าง (pH) ความกระด้าง การนำไฟฟ้า ความเป็นด่าง ของแข็งทั้งหมดที่ละลายน้ำ ความเค็ม สารอินทรีย์ที่อยู่ในน้ำ ปริมาณไอโอไดด์และคลอไรด์ รวมถึงปริมาณคลอรีนคงเหลือ และได้มีการทดสอบศักยภาพการเกิดสารพลอยได้ในน้ำผ่านการเติมพื่อศึกษาผลกระทบของความเค็มต่อการเกิดสารพลอยได้จากการฆ่าเชื้อโรคกลุ่มไอโอโดไตรฮาโลมีเทน โดยการใช้โซเดียมคลอไรด์ในความเข้มข้นที่แตกต่างกันเพื่อทดสอบ ผลการศึกษาพบว่าน้ำดิบจากคลองประปามีค่าความเป็นกรด-ด่าง (pH) อยู่ในช่วง 6.6-7.5 ความกระด้างอยู่ในช่วง 60.78-114.9 mg/l การนำไฟฟ้าอยู่ในช่วง 207.50 - 363.33 μS/cm ความเค็มอยู่ในช่วง 0.10-0.18 ppt ความเป็นด่าง (Alkalinity) 91.18-101.60 mg/l ของแข็งทั้งหมดที่ละลายน้ำอยู่ในช่วง 181.33-239.33 mg/l และคลอไรด์อยู่ในช่วง 8.61-29.80 mg/l ซึ่งทุกค่าไม่เกินกว่าค่ามาตรฐานคุณภาพน้ำผิวดินที่กำหนด เมื่อน้ำดิบผ่านกระบวนการของระบบผลิตน้ำประปา ค่าคุณภาพน้ำมีการเปลี่ยนแปลงดังนี้ ค่าความเป็นกรด-ด่าง (pH) อยู่ในช่วง 6.3-7.5 ความกระด้างอยู่ในช่วง 59.74-127.20 mg/l การนำไฟฟ้าอยู่ในช่วง 212.83-358.33 μS/cm ความเค็มอยู่ในช่วง 0.10-0.19 ppt ความเป็นด่าง 12.70-77.89 mg/l ของแข็งทั้งหมดที่ละลายน้ำอยู่ในช่วง 102.00-314.67 mg/l และคลอไรด์ 14.50-34.91 mg/l ซึ่งโดยรวมพบว่าหลังผ่านกระบวนการผลิตพารามิเตอร์ส่วนใหญ่ลดลง ยกเว้นปริมาณคลอไรด์ที่เพิ่มขึ้น จากการวิเคราะห์สารพลอยได้จากการฆ่าเชื้อโรคพบว่า โบรโมคลอโรไอโอโดมีเทน (BCIM) ไม่ถูกตรวจพบในทุกตัวอย่างน้ำ ขณะที่ไดคลอโรไอโอโดมีเทน (DCIM) นั้นพบเฉพาะในน้ำดิบและน้ำหลังตกตะกอนน้ำ นอกจากนี้เมื่อนำพารามิเตอร์ที่วิเคราะห์ไปหาค่าสหพันธ์เพียรสันพบว่า ไอโอไดด์มีความสัมพันธ์เชิงบวกกับไดคลอโรไอโอโดมีเทนและไตรไอโอโดมีเทนโดยเฉพาะเมื่อน้ำมีความเค็มสูง ค่าความเค็มยังมีผลต่อความสัมพันธ์ของตัวแปรอื่น ๆ เช่น สารอินทรีย์ในน้ำ คลอไรด์ คลอรีนตกค้าง ที่เกี่ยวข้องกับการเกิดสารพลอยได้กลุ่มไอโอโดไตรฮาโลมีเทนที่ระดับนัยสำคัญ 0.05 ผลการศึกษาจึงชี้ให้เห็นถึงบทบาทของไอโอไดด์และความเค็มที่มีผลต่อการเกิดสารพลอยได้กลุ่มไอโอโดไตรฮาโลมีเทนในกระบวนการผลิตน้ำประปา โดยควรมีการควบคุมระดับไอโอไดด์ สารอินทรีย์ในน้ำและความเค็มในกระบวนการผลิตให้เหมาะสม เพื่อลดความเสี่ยงจากการเกิดสารพลอยได้กลุ่มไอโอโดไตรฮาโลมีเทน
