อีโค ที่ไม่ อีโก้ (Eco not Ego)
   
เมื่อสองสามวันก่อนผมได้รับโทรศัพท์จากท่านอาจารย์ท่านหนึ่งที่พยายามสืบค้นหาความหมายของคำที่ปัจจุบันเริ่มมีการนำมาใช้กันอย่างแพร่หลาย ทั้งในทางวิชาการ และสื่อต่างๆ ท่านอาจารย์ผู้นี้เล่าให้ผมฟังว่าได้ยินคำนี้มานานพอสมควรแล้ว แต่ไปติดอกติดใจคำนี้มาจากสื่อโฆษณาทางโทรทัศน์ของบริษัทยักษ์ใหญ่ในทางอุตสาหกรรมของบ้านเรา แล้วก็สนใจอยากที่จะรู้ว่ามันมีความหมายว่าอะไร สืบค้นหาทางอินเตอร์เน็ตวกไปวนมาก็มาลงที่เว็บไซต์ของศูนย์วิจัยและฝึกอบรมของผม (น่าจะเป็นเพราะผลงานวิจัยหลายๆชิ้นของผมก็มีคำนี้อยู่ข้างหน้าเหมือนกันนะครับ พอค้นไปค้นมาก็เลยมาตกที่เว็บไซต์ของศูนย์ฯผม) ด้วยความร้อนใจอยากได้คำตอบที่ชัดเจน และแนวทางการสืบค้นเจาะลึกให้ถึงแหล่งข้อมูลที่แท้จริงมากกว่านี้ ท่านก็เลยยกหูโทรศัพท์สายตรงมาขอคำปรึกษากับผมเลย คำที่ว่านั้นก็คือคำว่า อีโค (Eco-) ครับ คำนี้เป็นคำที่ใช้เป็นคำนำหน้า หรือในทางภาษาอังกฤษน่าจะเรียกว่าเป็นคำ Prefix ครับ ถ้าเปิดในพจนานุกรมภาษาอังกฤษ เอาเป็นฉบับยอดฮิตทั่วๆไป ก็เห็นทีจะหาคำนี้ไม่เจอครับ (เจอแต่บอกว่าเป็นตัวย่อของคำว่า Economic) ต้องเรียนว่าเป็นคำใหม่ที่เริ่มนำมาใช้กันแพร่หลายแล้วไม่เฉพาะแต่ในบ้านเราครับ รวมถึงทั่วโลกเลยทีเดียว ปัจจุบันคำนี้ดูจะเป็นคำยอดฮิตไปซะแล้วครับสำหรับเอาไปใส่นำหน้าผลิตภัณฑ์ หรือการดำเนินการอะไรก็ตามที่มีประเด็นสิ่งแวดล้อมเข้าไปเกี่ยวข้อง แถลงไขตามภาษานักวิชาการทางด้านสิ่งแวดล้อมให้ฟัง ต้องเรียนครับว่าคำนี้นะมีนัยอยู่ เป็นคำที่ประกอบด้วยความหมายจาก 2 คำหลัก ได้แก่ คำว่า Economic (เศรษฐกิจ) และ Ecology (นิเวศวิทยา) ครับ โดยที่มาแล้วคำว่า Eco มุ่งเน้นให้เกิดมุมมองของสองมิติดังกล่าวควบคู่กันไป เล่าย้อนให้ลึกลงไปอีกก็ต้องสาวกันไปถึงเรื่องของความยั่งยืน (Sustainability) ครับ เรื่องของความยั่งยืนในทางวิชาการจะพูดถึงความพยายามที่จะต้องสร้างดุลยภาพให้เกิดขึ้นในองค์ประกอบพื้นฐาน 3 องค์ประกอบ (ในทางวิชาการจะเรียกว่า Triple Bottom Line for Sustainable Development) ได้แก่ Economic (เศรษฐกิจ ซึ่งตีความได้ถึงผลกำไร และการแข่งขันในทางธุรกิจที่จะต้องเกิดขึ้น) Ecology (นิเวศวิทยา ซึ่งตีความได้ถึงสิ่งแวดล้อมที่จะต้องลดภาระและผลกระทบที่จะเกิดขึ้นกับสิ่งแวดล้อม) และ Social (พูดถึงคุณภาพชีวิต หรือ Quality of Life ของคนในสังคมที่จะต้องมีคุณภาพที่ดีขึ้น) ทั้งสามองค์ประกอบถ้าจะให้จำกันง่ายขึ้นก็จะหมายถึง 3P ครับ ได้ Profit Planet People เกิดดุลยภาพแล้วได้ผลลัพธ์ทั้ง 3 P เราเชื่อว่าจะทำให้ยั่งยืน
   
   
 
กลับมาที่ความหมายของ Eco ต่อครับ พูดลากมาซะยาวยืด ก็น่าที่จะพอสรุปได้ว่าการสร้างดุลยภาพในคำว่า Eco นี้ต้องพยายามให้เกิดขึ้นทั้งในมิติเศรษฐกิจ และสิ่งแวดล้อม ซึ่งต้องนำมาทั้ง Profit กำไร และ Planet โลก นั่นก็คือลดภาระและผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมบนโลกเรานั่นเองครับ เพราะฉะนั้นการทีนำเอาคำว่า Eco ไปใส่ไว้หน้าอะไรก็จะต้องหมายถึงความพยายามสร้างดุลยภาพของผลิตภัณฑ์หรือกิจกรรมนั้นๆ ให้ตอบสนองทั้งสองมิติ ไม่ให้มิติใดมิติหนึ่งมากเกินไปกว่ากันนะครับ เช่น Eco car ก็น่าจะหมายถึงรถยนต์ราคาประหยัด ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมทั้งจากกระบวนการผลิต และการประหยัดเชื้อเพลิง อีกทั้งยังต้องสร้างผลกำไรให้กับบริษัทผู้ผลิต หรือประเทศที่พัฒนาต้นแบบด้วยครับ จะเห็นได้ว่าคำว่า Eco ต้องตอบถึงผลกำไรด้วย ไม่ใช่เอาแต่สิ่งแวดล้อมเพียงอย่างเดียวจนขาดทุนไม่ได้กำไร (เพราะเชื่อว่าการที่มีเศรษฐกิจที่ดีขึ้น ประกอบการสิ่งแวดล้อมที่ดีจะนำมาซึ่งคุณภาพชีวิตที่ดี) หรือมุ่งแต่แสวงหาผลกำไรเพียงอย่างเดียวโดยไม่คำนึงถึงเรื่องของสิ่งแวดล้อม อย่างนี้ก็ไม่เรียกว่าเป็น Eco ครับ ดังนั้นควรที่จะต้องระวังให้ดีครับสำหรับใครที่นำเอาคำนี้ไปใช้นำหน้าผลิตภัณฑ์ของต้นเอง โดยมุ่งแสวงหาผลกำไรจากคำยอดฮิตโดยไม่พิจารณาให้ลึกซึ่งถึงความหมายของคำนี้ก่อน มันจะเข้าทำนอง Ego แทนครับ (ความหมายของ Ego ในทางจิตวิทยา หมายถึง ส่วนที่ควบคุมพฤติกรรมที่เกิดจากความต้องการของตัณหาหรือความต้องการพื้นฐานของมนุษย์เป็นสิ่งที่ยังไม่ได้ขัดเกลา ซึ่งทำให้ มนุษย์ทำทุก อย่างเพื่อความพึงพอใจของตนเองหรือทำตามหลักของความพอใจ) ถ้าเป็นเช่นนั้นแล้ว คุณนั่นละคือผู้เอาเปรียบผู้บริโภค และมุ่งแสวงหาผลประโยชน์จากผู้อื่นโดยไม่คำนึงถึงส่วนร่วม เข้าทำนองลวงโลก เห็นแก่ตัว เหมือนผู้ใหญ่บางท่านในบ้านเรานะครับ
   
 

ผศ.ดร.กิติกร จามรดุสิต
กรกฏาคม 2552

   

ศูนย์วิจัยและฝึกอบรมนิเวศวิทยาอุตสาหกรรม อาคาร 1 ชั้น 3 คณะสิ่งแวดล้อมและทรัพยากรศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล
โทรศัพท์ 02-4415000 ต่อ 1001 และ 080-4273500 โทรสาร 02-4419509-10
Email :
eco4industry@hotmail.com